BlogGang.com : : navagan : *** Mission: Impossible - Rogue Nation *** วีรกรรมทำเพื่อใคร

*** Mission: Impossible - Rogue Nation *** วีรกรรมทำเพื่อใคร

*** Mission: Impossible - Rogue Nation ***

กลับมาเป็นครั้งที่ 5 กับภาคต่อของหนังสายลับยุคสงครามเย็นอายุเกือบ 20 ปี โดยจุดขายของแต่ละภาคจะอยู่ที่งาน Stunt แบบเล่นจริงของ Tom Cruise และภารกิจที่ยากในระดับ “เป็นไปไม่ได้” ตามชื่อเรื่อง

ใน Rogue Nation ภารกิจใหม่ของเจ้าหน้าที่ IMF อย่าง Ethan Hunt (Tom Cruise) คือการเปิดโปงกลุ่มอดีตสายลับในนาม Syndicate ที่เป็นภัยคุกคามโลกแบบเงียบๆอยู่ในตอนนี้ ขณะเดียวกันนี่เป็นการกู้ชื่อคืนให้ตัวเองและ IMF ที่กำลังจะถูกยุบหน่วยงาน

จากนี้ไปเป็นการเปิดเผยเนื้อหาของหนัง ถ้ายังไม่ได้ดูขอให้ข้ามไปครับ

เมื่อดูจบเราจะพบว่า Syndicate คือ โครงการรวมอดีตสายลับที่ได้ชื่อว่า “ตายไปแล้ว” จากทั่วโลก เพื่อทำภารกิจลับให้ MI6 (หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ) แต่เมื่อโครงการนี้ถูกสั่งยกเลิกโดยนายกรัฐมนตรีอังกฤษเนื่องจากเห็นว่าเป็นอันตรายเกินไป Solomon Lane (Sean Harris) หัวหน้าทีมของ Syndicate ก็ขโมย Project นี้ไปสานต่อเพื่อทำภารกิจต่อไป

ร้อนถึงเจ้าของโครงการอย่าง Attlee (Simon McBurney) หัวหน้า MI6 ที่ต้องรับผิดชอบการมีอยู่ของ Syndicate

Attlee จึงส่ง Ilsa Faust (Rebecca Ferguson) เจ้าหน้าที่ MI6 แฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่ม Syndicate เพื่อคอยติดตามและหาทางกำจัด Syndicate

ทางด้าน Syndicate เองก็ต้องการเงินทุนเพื่อขับเคลื่อนองค์กร นี่เองที่พวกเขาต้องใช้ Hunt เพื่อทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ นั่นคือขโมยข้อมูลบัญชีเงินของ Project ที่ MI6 ซ่อนเอาไว้ภายในห้องนิรภัย Offline ที่ Casablanca จากนั้นคือการลักพาตัวนายกรัฐมนตรีอังกฤษเพื่อเปิดรหัสบัญชี

ทางด้าน IMF ที่ตอนนี้กำลังถูกสั่งยุบโดย CIA ที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัด ด้วยข้อกังขาว่าภารกิจของ IMF คล้ายกับการเสี่ยงโชคมากเกินไป ที่ภารกิจสำเร็จลุล่วงนั้นเป็นเพราะโชคมากกว่า และภารกิจทั้งหลายของ IMF ดูจะเป็นผลร้ายในภาพรวมเสียมากกว่า

Alan Hunley (Alec Baldwin) หัวหน้า CIA จึงเรียกตัวสายลับ IMF กลับมาทุกคน จะยกเว้นก็แต่ Hunt ที่ไม่ยอมกลับมาเพราะเขากำลังตามล่า Syndicate อยู่

Hunley เชื่อว่า Hunt ใช้เรื่องข่าวลือของ Syndicate เป็นข้ออ้างในการขอทำภารกิจของ IMF ต่อไป

ซึ่ง Hunt เองต้องเปิดโปง Syndicate ให้ได้เพื่อพิสูจน์ตัวเองและเพื่อการดำรงอยู่ต่อไปของ IMF

จากข้างต้นเราจะเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่าง Syndicate และ IMF นั่นก็คือ

ทั้ง IMF และ Syndicate ต่างก็ไม่เป็นที่ต้องการโดยต้นสังกัดเหมือนกัน

อีกอย่างก็คือ

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการใช้ประโยชน์ของอีกฝ่ายเพื่อการคงอยู่ของตัวเอง

(IMF ต้องการพิสูจน์ว่า Syndicate มีจริงเพื่อความอยู่รอด ส่วน Syndicate ก็ต้องการใช้ IMF เพื่อทำภารกิจจารกรรมข้อมูลบัญชีเงินเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดต่อไป)

อย่างไรก็ตามโลกของสายลับก็เหมือนกับที่ Faust บอกกับ Hunt ในตอนหนึ่งในลักษณะว่า ที่เรากำลังทำอยู่นั้น ทำเพื่อใคร เราทำเพื่ออะไร พอกลุ่มนี้ตายไป ก็จะมีกลุ่มใหม่มาแทน ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม

ซึ่งนี่ก็จริงอย่างที่ Faust ว่าไว้ บรรดาสายลับก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งขององค์กรที่ทำเพื่ออุดมการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง

หรือในตอนหนึ่งที่ Attlee บอกกับ Faust ตอนที่เธอบอกว่าไม่อยากทำให้ Hunt ต้องโดนฆ่าว่า “ไม่มีพันธมิตร เมื่อไม่มีผลประโยชน์”

นี่เองที่ตอกย้ำความเป็นไปในโลกของสายลับได้อย่างดี

แต่หากพิจารณาดีๆแล้วเราจะพบว่าสิ่งที่ Hunt และพวกพ้องทำนั้น ไม่ได้เป็นการทำเพื่อ IMF หรืออุดมการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด

โดยเฉพาะตอนที่ Benji (Simon Pegg) สมาชิก IMF ถูกจับเป็นตัวประกัน Hunt และพรรคพวกยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองและเสี่ยงต่อความมั่นคงของโลกและชีวิตคนอีกมากมายเพื่อชีวิตของ Benji

นี่เป็นข้อสรุปสำคัญที่ทำให้เห็นว่า Hunt และพรรคพวกต่างจากกลุ่มสายลับหรือองค์กรอื่นตรงที่ว่า

พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อองค์กรหรืออุดมการณ์แต่อย่างใด

พวกเขาทำภารกิจเพื่อคนที่พวกเขารัก

Rogue Nation เป็นความบันเทิงที่ลงตัวในแบบหนังสายลับที่ให้บรรยากาศแบบ Mission: Impossible ภาคแรก และให้ความบันเทิงปนอารมณ์ขันเบาๆแบบ Mission: Impossible – Ghost Protocol (ภาค 4)

หนังถ่ายน้ำหนักให้ตัวละครสมทบได้ดี พวกเขาอาจไม่ใช่ตัวนำ แต่ก็มีบทบาทสำคัญต่อเนื้อเรื่อง นอกจากนี้พวกเขายังเป็นที่รักของผู้ชมได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งลักษณะนี้สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ภาค 4 เป็นต้นมา

ที่สำคัญคือหน้าใหม่อย่าง Rebecca Ferguson ในบท Ilsa Faust ก็ขโมยซีนและแบกรับหนังเอาไว้เหมือนเธอเป็นเจ้าของเรื่องราวอีกคน ซึ่งก็ต้องยกเครดิตไปให้บทหนังและการกำกับของ Christopher McQuarrie ที่มอบคุณค่าให้ตัวละครนี้เป็นมากกว่าแค่ตัวเอกหญิงประจำภาค (ประเภทสาว Bond ทั้งหลาย)

แม้การชิงไหวพริบในหนังจะไม่เกินคาดเดา แต่ก็ดีพอที่จะสนุกไปกับหนังได้ไม่ยาก

ส่วนฉากแอ๊คชั่นแม้จะไม่แปลกใหม่ แต่ก็สร้างความลุ้นระทึกได้พอสมควร

Mission: Impossible – Rogue Nation คือความลงตัวในฐานะหนังสายลับขายความบันเทิงที่ไม่ขาดชั้นเชิงในแบบหนังสายลับ แม้มันจะไม่ค่อยเฉียบคมเท่าไรก็ตาม

แต่จุดที่เยี่ยมที่สุดของหนังคือความเข้าขาของตัวละคร ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่

น่าสนใจที่ว่าหนังไม่ได้เน้นไปที่เรื่องราวทางการเมืองหรืออุดมการณ์ใดๆ หนังแค่เล่าเรื่องง่ายๆของความสัมพันธ์และมิตรภาพ

8 / 10 ครับ

Create Date : 08 สิงหาคม 2558

Last Update : 8 สิงหาคม 2558 21:41:30 น.

1 comments

Counter : 4245 Pageviews.

กระทู้ที่ตั้งใน pantip

//pantip.com/topic/34029996

โดย: navagan

วันที่: 9 สิงหาคม 2558 เวลา:22:35:50 น.