*** อุตสาหกรรมยายนต์ในทศวรรษหน้ากับอิทธิพลของเทคโนโลยี 5G และความเป็นเมือง ***
การเดินทางและการอยู่อาศัยล้วนสัมพันธ์กันในแง่การดำรงค์ชีวิตของมนุษย์มาช้านานมนุษย์โบราณยุคแรกล่าสัตว์หาของป่าเพื่อดำรงชีพ นั่นทำให้พวกเขาต้องเดินทางอพยพย้ายถิ่นไปเรื่อยๆ ต่อมาเมื่อมนุษย์รู้จักเกษตรกรรมพวกเขาจึงอยู่กันเป็นหลักแหล่งไม่ย้ายถิ่นฐานบ่อยเหมือนแต่ก่อน
การย้ายถิ่นฐานกับการตั้งรกรากและการเดินทางจึงเป็นตัวแปรสำคัญของการดำรงชีวิตของมนุษย์ ผ่านมาราวหนึ่งหมื่นปีหลังจากทำเกษตรกรรมของมนุษย์ โลกเข้าสู่ยุคทุนนิยมและทุนนิยมก็ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์อีกครั้ง
ใน 200 กว่าปีที่ผ่านมาของทุนนิยม มีการปฎิวัติอุตสาหกรรมถึง 4 ครั้ง และทุกครั้งมันก็ได้เปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ในภาพรวม ดังนั้นในทศวรรษหน้า (2020 - 2029) ที่เป็นการมาถึงอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) เราน่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอีกมาก
ปัจจัยหลักมาจากเทคโนโลยี 5G และ ความเป็นเมือง (Urbanization) ที่เข้ามามีบทบาทกับพฤติกรรมของมนุษย์ มนุษย์จะย้ายเข้าสู่เมืองมากขึ้น โดยกว่า 60 % ของประชากรจะอาศัยอยู่ในเมืองภายในทศวรรษหน้า 5G จะเข้ามามีบทบาทและเข้ามาช่วยคลี่คลายปัญหาความแออัดและทรัพยากรที่จำกัดได้ เพราะประสิทธิภาพของ 5G ที่ไวพอที่จะทำให้ Internet of Things เกิดขึ้นได้จริง รวมถึงรถไร้คนขับ (Autonomous vehicle) ที่ต้องอาศัยการตอบสนองของข้อมูลในระดับ millisecond เพื่อสังเบรค หรือตัดสินใจอย่างฉับไวในกรณีฉุกเฉินก็จะเริ่มเป็นไปได้ ในแง่ของการทำงาน บางทีเราอาจไม่จำเป็นต้องมีสถานที่ทำงานที่แน่นอนก็ได้เพราะระบบ cloud ที่มีเสถียรภาพและมีความปลอดภัย รวมถึงความเร็วในการสื่อสารที่สามารถสร้างการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพได้ อีกทั้งการควบคุมวางแผนและสั่งงานไปที่โรงงานผ่าน Internet ที่เชื่อมต่อกันเป็นระบบของ Internet of Things ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ระบบการขนส่งสาธารณะที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและเติมเต็มการใช้ชีวิตภายในเมือง รวมถึงระบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy) ที่เริ่มต้นในยุค 4G และจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในยุค 5G จนกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคในทศวรรษหน้า หลังจากที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามันก็เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของผู้คนส่วนหนึ่งไปแล้ว เช่น Uber หรือ Grab ไม่เพียงแค่นั้น ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์เองก็มองเห็น trend นี้จนมีการแตกไลน์ธุรกิจเป็นธุรกิจให้เช่า อย่างเช่น Toyota มี Kinto, Ford มี Canvas, BMW มี Access by BMW และมีการประกาศของค่ายรถยักษใหญ่ว่า เราจะไม่ใช่แค่บริษัทที่ผลิตและขายรถยนต์เท่านั้น แต่เราจะเป็นบริษัทที่ให้บริการทางการขนส่งอีกด้วย
ดังนั้นยอดขายรถยนต์อาจจะลดลงจนคงที่ เพราะคนส่วนใหญ่กว่า 60% จะเข้ามาอยู่ในเมืองซึ่งมีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมาก (แต่คงไม่สามารถเรียกได้ว่า smart city ได้เต็มตัวภายใน 10 ปีข้างหน้า) เศรษฐกิจแบบแบ่งปันจะมีประสิทธิภาพ, สะดวก และเข้าถึงได้ง่าย การเช่ายานพาหนะน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยานพาหนะ รวมถึงการเดินทางระหว่างเมืองโดยเครื่องบินที่สะดวกกว่าเดิมและถูกกว่าเดิม จนกลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะไปเช่ารถขับที่เมืองปลายทางหลังจากลงเครื่องบินแทนที่จะยอมเหนื่อยขับรถข้ามเมืองไปเอง ความเป็นเจ้าของยานพาหนะจะถูกเปลี่ยนถ่ายจากบุคคลธรรมดามาเป็นค่ายรถยนต์และบริษัทที่ให้บริการเช่ารถ ดังนั้นรูปแบบธุรกิจในอุตสาหกรรมยายนต์ ทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ อู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการ ก็จะเปลี่ยนไป เพราะลูกค้าจะเปลี่ยนจากบุคคลธรรมดามาเป็นค่ายรถหรือผู้ให้บริการเช่ารถ ในแง่ของผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ เราจะเห็นแนวโน้มของการพัฒนาวัสดุประเภทที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ มีน้ำหนักเบาขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแง่มุมของทิศทางในการพัฒนา รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) คงยังไม่สามารถเอาชนะรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้ในทศวรรษหน้า แต่สัดส่วนของยานพาหนะในตลาดคงจะทิ้งห่างกันไม่มากนัก และเมื่อยอดขายรถใหม่ลดลงแต่อย่าลืมว่ารถเก่าสะสมนั้นยังคงอยู่บนท้องถนน ดังนั้นตลาดที่น่าสนใจคือตลาดชิ้นส่วนทดแทนที่น่าจะโตขึ้น แต่ก็ต้องดูแนวโน้มเรื่องการพิจารณาเพิ่มค่าธรรมเนียมรถเก่าด้วยว่าจะส่งผลกระทบมากแค่ไหน
เอาเป็นว่านี่เป็นทิศทางคร่าวๆ จากการคาดเดาของผมเองที่ข้องเกี่ยวทางอ้อมกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในฐานะฟันเฟืองเล็กๆมาเกือบ 10 ปี ลองมาดูกันต่อไปครับ ทุกการเปลี่ยนแปลงคือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่
Create Date : 05 มกราคม 2563 |
|
0 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2563 3:18:14 น. |
Counter : 1533 Pageviews. |
|
|
|