BlogGang.com : : navagan : *** Zero Dark Thirty *** ชัยชนะที่สูญเปล่า

*** Zero Dark Thirty *** ชัยชนะที่สูญเปล่า

*** Zero Dark Thirty ***

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงไปกับ The Hurt Locker เมื่อปี 2010 ผู้กำกับ Kathryn Bigelow และมือเขียนบท Mark Boal ก็กลับมากับ Project ใหม่ที่มาพร้อมกับความทะเยอทะยานมากขึ้น

Zero Dark Thirty เล่าถึงขั้นตอนการสืบสวนที่นำไปสู่เหตุการณ์สำคัญในคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 2011, วันปลิดชีพ Osama Bin Laden หัวหน้ากลุ่ม al-Qaeda ผู้ก่อวินาศกรรมครั้งสำคัญเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ต่อสหรัฐอเมริกา ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย

โดยหนังเล่าเรื่องผ่านตัวละคร Maya (Jessica Chastain) เจ้าหน้าที่ CIA ที่ประจำอยู่ในทีมล่า Bin Laden ซึ่งเธอคือแกนนำในภารกิจครั้งนี้

แม้ Bigelow และ Boal จะรับประกันว่า เหตุการณ์ทั้งหลายในหนังนั้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อ้างอิงมาจากเรื่องจริง ด้วยการลงทุนค้นคว้าข้อมูลแบบละเอียดยิบ และการตามไปสัมภาษณ์จากบรรดาผู้เกี่ยวข้องตัวจริงในภารกิจนี้แบบตัวต่อตัว

แต่ Zero Dark Thirty ก็ไม่ใช่หนังสารคดี ที่มุ่งเน้นแต่จะนำเสนอข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียว

เพราะเห็นได้ชัดว่า ทั้งคู่เลือกที่จะนำเสนอในลักษณะของหนังที่มีการปรุงแต่งและเร้าอารมณ์ รวมถึงการสอดแทรกความคิดเห็นบางประการ และตั้งคำถามในบางประเด็นแก่ผู้ชมเป็นระยะ

คล้ายกับ The Hurt Locker หนังที่เป็นเหมือน "อุปมาอุปไมยถึงการเสพติดสงครามของอเมริกา"

ตัวละคร Maya ใน Zero Dark Thirty ก็เสพติดไม่ต่างกัน

แม้หนังจะไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอมากนัก แต่เราก็พอจะอนุมานได้ว่าเธอไม่ค่อยมีเพื่อน และไม่ค่อยมีอะไรให้ใส่ใจหรือห่วงใยอยู่เบื้องหลัง

Maya ค่อยๆจมปลักไปกับการตามล่าตัว Bin Laden มากขึ้นเรื่อยๆ จากแค่งานที่ต้องทุ่มเท กลับกลายเป็นเป้าหมายหลักในชีวิต และเมื่อเธอต้องสูญเสียสมาชิกในทีมที่เปรียบเสมือนเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่เธอมี การตามล่าตัว Bin Laden ก็เป็นเพียงเป้าหมายเดียวในชีวิตของเธอ

บางทีคำพูดของ Joseph Bradley (Kyle Chandler) หัวหน้าทีม CIA ที่เตือนสติเธอว่า “งานของเราไม่ใช่การตามล่า Bin Laden แต่คือการป้องกันและหยุดยั้งการก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้นต่างหาก”

นี่อาจเป็นคำพูดที่มีเหตุผลมากที่สุด เพราะถึงจะกำจัด Bin Laden ได้ แต่ al-Qaeda และอุดมการณ์ของ Bin Laden ก็ยังคงดำรงอยู่

ไม่แปลกที่ผู้ชม (ที่ไม่มีอคติรุนแรงทางการเมืองตรงข้ามกับ Maya) จะยังคงรู้สึกคล้อยตามทัศนคติของเธอที่ไล่ล่า Bin Laden ด้วยความมุ่งมั่นอันเจือปนไปด้วยความแค้น เพราะหนังเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครนี้ รวมถึงการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Chastain ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของเธอได้อย่างดีเยี่ยม

การทุ่มเททั้งกำลังทรัพย์และกำลังคนในการตามล่าตัว Bin Laden นั้น ทำให้นึกไปถึง Saving Private Ryan หนังสงครามโลกครั้งที่สองของ Steven Spielberg ในประเด็นที่ว่าด้วยการกระทำที่ดูแล้วไม่คุ้มค่าและไม่มีเหตุผลที่พอเพียง

ใน Saving Private Ryan คือการนำทหาร 8 คน ไปเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือพลทหารเพียงคนเดียว

ถ้าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน การเสี่ยงเอา 8 ไปแลก 1 มันไม่ใช่เรื่องที่มีเหตุผลมากนัก

ซึ่งนี่ไม่ต่างกับเม็ดเงินและหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียไปอย่างมากจากการตามล่าตัว Bin Laden

ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความจำเป็นที่จะตามล่าตัว Bin Laden มารับโทษ หากแต่ควรทุ่มในระดับที่เหมาะสม

การเอาเงินและชีวิตของบุคลากร รวมถึงเวลาที่ต้องเสียไป เพื่อใช้ในการหยุดยั้งการก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้นน่าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่า

อย่างไรก็ตามแม้จะดูไม่มีเหตุผลที่สมควร แต่การตามล่าตัว Bin Laden ย่อมมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของประชาชนผู้สูญเสีย ในฐานะของการเยียวยาความรู้สึกในรูปแบบหนึ่ง

ที่แน่ๆมันมีผลประโยชน์ทางการเมือง ทั้งระดับชาติ (คะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง) และระดับโลก (การประกาศศักดาของอเมริกา)

Maya เปรียบเสมือน ตัวแทนของชาวอเมริกันผู้เจ็บปวด ที่หนทางการเยียวยาความเจ็บปวดคือการนำตัว Bin Laden มาลงโทษ

หากเปรียบเทียบในมุมนี้ สิ่งที่เธอกระทำอาจเป็นเหมือน “กระจก” สะท้อนภาพความต้องการของชาวอเมริกันบางส่วนที่มีผลต่อนโยบายของรัฐบาลอเมริกา

Jessica Chastain มอบการแสดงที่ยอดเยี่ยม แม้จะไม่มีอะไรให้โชว์ของมากนัก แต่เธอดึงอารมณ์ให้ผู้ชมร่วมรู้สึกไปกับตัวละคร Maya ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในฉากสุดท้าย รับประกันว่าผู้ชมคงจะรู้สึก “เคว้ง” ไม่ต่างจากเธอ

ทีมนักแสดงสมทบในหนัง แม้จะไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็รับประกันได้ในเรื่องฝีมือทุกคน

บทหนังของ Boal ตั้งอยู่บนความสมจริง และเห็นได้ชัดว่าใส่ใจรายละเอียดกันเต็มที่

ขณะที่การกำกับของ Bigelow คือการสร้างสมดุลระหว่างการเร้าอารมณ์และความบันเทิงแบบที่นิยมในหนัง Thriller/Drama กับความซื่อตรงต่อข้อมูลในรูปแบบหนังสารคดีที่ไม่มีอคติของผู้ถ่ายทอดมาเจือปนจนเกินงาม

Bigelow ค่อยๆไล่ระดับความน่าติดตามให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งฉากปฏิบัติการณ์ ในช่วง 30 นาทีสุดท้าย ที่กลายเป็นส่วนสำคัญที่น่าจดจำของหนัง

น้ำตาของ Maya ในฉากสุดท้ายคือความน่าพิศวง

มันเกิดจากความตื้นตันใจที่เป้าหมายในชีวิตของเธอสำเร็จลุล่วงลง หรือ มันคือความเสียใจที่เป้าหมายเดียวในชีวิตของเธอได้ดับสูญไปแล้ว

จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ไม่สามารถคืนกลับมาได้ดังเดิม

8 / 10 ครับ

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2556

Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2556 0:16:15 น.

3 comments

Counter : 6028 Pageviews.

เข้ามาแก้คะแนนนะครับ กดโหวตใน IMDB ไป 8

แต่ลงในนี้เป็น 9 (เพราะว่าไป copy code ของ Life of Pi มา

)

ตอนนี้แก้เรียบร้อย

โดย: navagan

วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:0:32:02 น.

เรื่องราวในปัจจุบันคงเป็นคำตอบ
สิ่งที่ทำก็ไม่เรียกชัยชนะ
คุณตัดเล็บทำไม? คำนี้จากหนัง Munich ยังวนเวียนในหัว
สงครามไม่เคยสร้างข้อดีในโลกใบนี้ครับ
อย่าคิดทำสงครามเลยครับ

โดย: คนขับช้า

วันที่: 28 เมษายน 2556 เวลา:0:50:41 น.

กระทู้ pantip

//pantip.com/topic/30129453

โดย: navagan

วันที่: 23 กรกฎาคม 2556 เวลา:1:04:22 น.