All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
*** District 9 *** ใจเขา ใจเรา

*** District 9 ***






ในปี 1982 ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวได้เดินทางมาเยือนโลก เหนือน่านฟ้า เมือง Johannesburg ประเทศ แอฟริกาใต้ ไม่มีใครทราบจุดประสงค์แท้จริงของพวกมัน แต่เหล่าเอเลี่ยนพลัดถิ่นก็อาศัยอยู่บนโลกในฐานะผู้ลี้ภัยในเขตที่มนุษย์จัดไว้ให้ ซึ่งเขตนี้ถูกเรียกว่า “เขต 9” หรือ “District 9” มากว่า 20 ปีแล้ว


สภาพความเป็นอยู่ของพวกมันไม่ต่างอะไรกับคนจรจัดในสลัม ซึ่งที่อยู่อาศัยนั้นสกปรกรกรุงรัง แถมพฤติกรรมของพวกมันก็ไม่ต่างจากคนจรจัดที่คอยคุ้ยเขี่ยถังขยะหาอาหารกิน โดยอาหารโปรดของชาวเอเลี่ยนก็คือ อาหารแมวกระป๋อง


และด้วยรูปลักษณ์ของมัน ทำให้พวกมันถูกตั้งชื่อเล่นให้ว่า “กุ้ง” (ในหนังใช้คำว่า prawn)



หนังบอกเล่าที่มาที่ไปเหล่านี้ผ่านภาพบันทึกเหตุการณ์ สลับการสัมภาษณ์ ในสไตล์สารคดี จากนั้นหนังก็ Focus เรื่องราวไปที่ Wikus Van De Merwe (Sharlto Copley) เจ้าหน้าที่ MNU (Multinational United, หน่วยงานที่เข้ามาดูแลความเป็นอยู่ของเหล่าเอเลี่ยนในเขต 9) ผู้ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าแผนงาน ในการอพยพพวกเอเลี่ยนไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ ซึ่งถูกเรียกว่า เขต 10


แต่เมื่อเข้าไปในเขต 9 Wikus กลับถูกสารเคมีของพวกเอเลี่ยน ซึ่งนั่นทำให้ DNA ของเขา เกิดการกลายพันธุ์



และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อ MNU ต้องการตัว Wikus มาทดลอง เนื่องจากเขาสามารถใช้อาวุธไฮเทคของเอเลี่ยนได้ (ซึ่งตามปกติแล้วมีแต่เอเลี่ยนเท่านั้นที่สามารถใช้ได้)






District 9 อาศัยความเป็นหนัง Action-Sci-fi มาเป็นเครื่องมือในการ วิพากษ์-วิจารณ์ ความเลวร้ายของมนุษย์ที่กระทำต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง



ซึ่งก็ทำให้นึกไปถึง The Day the Earth Stood Still หนังมนุษย์ต่างดาวบุกโลกอีกเรื่อง ที่มีการวิพากษ์-วิจารณ์ “มนุษย์” ในมุมมองของมนุษย์ต่างดาว อยู่เหมือนกัน



เพียงแต่ว่า District 9 นั้นลึกลงไปในประเด็น “คนต่างด้าว” มากกว่า และ พาผู้ชมลงไปใกล้ชิดคลุกคลีกับพวกเขาเหล่านั้นมากกว่า และเปิดเผยให้เห็นมุมมองของทั้งสองฝ่าย นั่นก็คือ



ฝ่าย “เจ้าบ้าน” ซึ่งหนังแทนด้วย ฝ่ายมนุษย์


และ


ฝ่ายผู้อาศัย หรือ “ต่างด้าว” ซึ่งหนังแทนด้วย ฝ่ายเอเลี่ยน






ใน District 9 ตัวละคร Wikus เป็นเสมือนไกด์นำเราไปพบกับมุมมองของทั้งสองฝ่าย


แต่ทั้งสองมุมมองนั้นกลับไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน ฝ่ายมนุษย์ (ฝ่ายเจ้าบ้าน) ก็คือผู้ร้ายเห็นๆ

(แม้หนังจะไม่ได้เจตนาเหมารวมมนุษย์ทุกคนก็ตาม แต่ก็แทบจะไม่ได้แสดงด้านดีของมนุษย์เลย)



Wikus ในช่วงเริ่มเรื่อง คือ ตัวแทนของฝ่าย “เจ้าบ้าน” ที่มอง “ต่างด้าว” เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ คนละระดับกับตน และเป็นแค่ตัวปัญหาที่มาเบียดเบียนพวกเขา


ส่วนหน่วยงาน MNU ที่ เขาทำงานอยู่นั้น ก็ถูกหนังนำเสนอในฐานะองค์กรใหญ่ที่มีฉากหน้าที่ดี และทำงานเพื่อช่วยเหลือเหล่าต่างด้าว แต่แท้จริงแล้ว คอยจ้องจะหาผลประโยชน์จากพวกต่างด้าว ซึ่งในหนังก็หมายถึงอาวุธอันล้ำหน้าของเหล่าเอเลี่ยนนั่นเอง

ซึ่งนี่เป็นเหมือนการเสียดสีองค์กรใหญ่ หรือกลุ่มอำนาจใหญ่ของโลก ที่อ้างว่าจะเข้าไปฟื้นฟู ดูแล พื้นที่ต่างๆ แต่แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์เคลือบแฝงในการหาประโยชน์จากทรัพยากรของผู้อื่น

แถมยังมีอำนาจในการใช้ “สื่อ” ในการนำเสนอข้อมูลเท็จเพื่อประโยชน์ของตนเองอีกด้วย




เท่านี้ยังไม่พอ หนังยังย้ำถึงความชั่วร้ายของมนุษย์ ด้วยการเพิ่มกลุ่มมาเฟียชาวไนจีเรีย ที่เข้าไปตั้งรกรากในเขต 9 และคอยหาผลประโยชน์จากเอเลี่ยนเช่นเดียวกัน






แต่เมื่อ Wikus เริ่มกลายพันธุ์ เขาก็ถูกฝ่ายมนุษย์ตัดออกจากกลุ่มทันที

ซึ่งไม่ใช่แค่ร่างกายของเขาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป “ความเป็นมนุษย์” ของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ Wikus เป็นเพียงแค่ “สินค้า” มูลค่าสูง ชิ้นหนึ่งเท่านั้น



Wikus ซึ่งในตอนนี้จะเป็นเอเลี่ยนก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง จึงเหมือนโดดเดี่ยวตัวคนเดียว และในเมื่อเขาหวังพึ่งพวกมนุษย์ไม่ได้ ที่เดียวที่ให้เขาพึ่งพิงได้ก็คือ เขต 9

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้เขาเริ่มเข้าใจถึงหัวอกของพวกเอเลี่ยน ที่เคยถูกพวกเขากระทำ แม้ว่า “สันดานมนุษย์” ของเขา ที่มองพวกเอเลี่ยนอย่างเหยียดหยามจะยังคงหลงเหลืออยู่บ้างก็ตาม





น่าสนใจตรงที่ แม้ Wikus จะไม่ใช่พวกเดียวกับเอเลี่ยน แต่เมื่อไปอยู่ในเขต 9 พวกเอเลี่ยนก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขา ในลักษณะเดียวกับที่มนุษย์มีต่อพวกเอเลี่ยนเลย



หรือว่าพวกเอเลี่ยนนั้นเข้าใจดีถึงหัวอกของการเป็น “ต่างด้าว”






District 9 ถือว่าเป็นหนังเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่มี ความสดใหม่ในตัวสูงมาก ทั้งพล็อตเรื่องที่ถือว่าใหม่สำหรับหนังแนวนี้ อีกทั้งวิธีการนำเสนอในแบบ “สารคดีปลอม” (Mockumentary) ที่น่าจะเป็นครั้งแรกสำหรับหนังแนวนี้เช่นกัน แม้ว่าโดยรวมแล้วหนังจะยังมีความเป็น “สูตรสำเร็จ” อยู่มากก็ตาม


หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่องราว และทำให้หนังสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้ชมได้อย่างล้นหลามนั้น อยู่ที่การแสดงของ Sharlto Copley ในบท Wikus ที่แสดงได้ดีมาก และเอาหนังอยู่ในฐานะตัวเดินเรื่องหลัก ที่สำคัญ Copley ค่อยๆเผยให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละคร Wikus อย่างค่อยเป็นค่อยไป และเป็นธรรมชาติมากๆ

นั่นทำให้ในตอนแรก ผู้ชมจะรู้สึกหมั่นไส้ Wikus นิดๆ แต่ในช่วงหลังก็จะเห็นใจและเอาใจช่วยตัวละครนี้อย่างเต็มที่





แต่ตัวละคร Wikus กลับเป็นตัวละครเดียวในเรื่อง ที่มีมิติความลึก และ พัฒนาการ ส่วนตัวละครอื่น กลับแบนราบไร้มิติ ฝ่ายร้ายก็ร้ายสุดๆ ฝ่ายดีก็ดีใจหาย แต่มันกลับส่งผลดีกับหนังอย่างมาก



เพราะถ้าผู้ชมยิ่งรู้สึกสงสาร Wikus (ขณะเดียวกันก็ เกลียดฝ่าย MNU) มากขึ้นแค่ไหน ผู้ชมก็จะได้รับความสะใจกับผลลัพธ์ในช่วงท้ายของหนังมากเท่านั้น






อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหนังจะใช้สไตล์การถ่ายภาพ การคัดเลือกนักแสดงที่ไม่เป็นที่รู้จัก อีกทั้งวิธีการนำเสนอที่หนังใช้นั้น จะทำให้หนังดู “จริง” และ “น่าเชื่อถือ” แต่ว่ากับการกระทำบางอย่างในหนัง กลับดูไม่สมเหตุสมผลเลย (อย่างขับรถโดยไม่มีกุญแจ)
หรือการใช้ความบังเอิญเข้าช่วยในหลายๆสถานการณ์ ซึ่งนี่เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของหนังลงไปพอสมควร


อย่างไรก็ตามความระทึกและการเดินเรื่องที่รวดเร็วของหนัง ก็ทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินจนอาจมองข้ามข้อผิดพลาดเล็กน้อยเหล่านี้ไปได้ไม่ยาก



หนังยังมาพร้อมกับความรุนแรงแบบสุดๆ ที่มีทั้งร่างระเบิดกระจาย หัวหลุด เลือดสาด แต่มันก็เข้ากับโทนหนังที่จริงจัง และทำให้นึกไปถึงเกมยิงเลือดสาดอย่าง Half Life หรือเกมประเภทเดียวกันเกมอื่นๆได้ด้วย


และถึงแม้หนังจะใช้ทุนสร้างไม่มากนัก แต่งาน CG และ Effect ต่างๆถือว่าเนี๊ยบ และดูดีมากทีเดียว



ซึ่งผู้ที่สมควรได้รับคำชมอีกคนนอกจาก Copley แล้ว ก็คือ ผู้กำกับและเขียนบท Neill Blomkamp ซึ่งความสำเร็จของ District 9 คงส่งให้ชื่อของเขา ขึ้นทำเนียบผู้กำกับหน้าใหม่ที่น่าจับตามองทันที






District 9 ถือเป็นหนังที่มอบความสนุก ความบันเทิง ตามแบบฉบับของหนัง Action-Sci-fi ทั่วๆไป ได้อย่างเต็มที่

เพราะถึงแม้จะเริ่มต้นในแบบหนังสารคดีปลอม ที่เน้นไปที่การเสียดสี และตีแผ่ความเลวร้ายของมนุษย์ แต่กับฉากไล่ล่าในครึ่งชั่วโมงหลัง หนังกลับกลายเป็นหนัง Action สูตรสำเร็จ ที่เน้นเอามันส์เข้าว่า ที่ทำได้ถึง และมันส์จริง




นอกจากนี้หนังยังมาพร้อมกับประเด็นที่เป็นการวิพากษ์-วิจารณ์มนุษย์ และปัญหาคนต่างด้าว ซึ่งถูกสอดแทรกและนำเสนอเข้ามาในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียนและคมคายอีกด้วย





ที่สำคัญหนังยังทำให้เราได้ย้อนกลับมาคิด และพิจารณากันใหม่ ในเรื่องของมุมมองที่มีต่อ “ต่างด้าว” (ซึ่งอาจหมายรวมถึง “ผู้อื่น” ที่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับเรา)



ในหนัง Wikus ต้องกลายเป็น เอเลี่ยน ก่อน ถึงจะเข้าใจหัวจิตหัวใจของพวกมันได้

แต่ในชีวิตจริง “คนต่างด้าว” นั้นก็เป็นมนุษย์ไม่แตกต่างจากเรา ซึ่งคงไม่ยากนักที่เราจะเข้าใจหัวอกของพวกเขา



แค่เอา “ใจเขา” มาใส่ “ใจเรา” ก็น่าจะเพียงพอ




8 / 10 ครับ




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 10:29:15 น. 8 comments
Counter : 4663 Pageviews.

 
เขียนดีมากครับ

^_^


โดย: wahamanz IP: 113.53.204.143 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:33:03 น.  

 
เห็นด้วยทุกประการครับ บทจะวิภาคษ์ก็ซัดเต็มที่ บทจะแอ็คชั้นก็บู๊สุดมัน

จนผมยกให้เป็นหนังแห่งปีในอันดับต้นๆเลย


โดย: Seam - C IP: 58.9.222.65 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:07:47 น.  

 
เขียนได้ดีครับ


โดย: rick_kiss IP: 58.64.62.137 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:16:13 น.  

 
เสียดสีสังคมได้จัดจ้านมากๆ

องค์กรที่คอยแต่จะหาผลประโยชน์จากพวกกุ้ง

มนุษย์ที่ดูถูกเหยียดหยามเหล้ากุ้งทั้งหลาย

ประทับใจสุดๆก็ฉากที่กุ้งบอกกับลูกอย่างหมดหวังว่าเราคงไม่ได้กลับบ้านแล้ว

คงต้องไปอยู่ distric 10 ดูแล้วได้อารมย์มากๆ

เนื้อเรื่อง แอคชั่น สนุกมากๆ เอฟเฟคก็เนียนใช้ได้

นี่คือหนังที่ดีอันดับต้นๆของปีนี้เลย

ปล. หวังว่าคงมี distric 10 ออกมานะ จะตั้งตารอ


โดย: hormones IP: 161.200.255.162 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:48:41 น.  

 
สรุปจะมีภาคต่อไม๊คะ อยากดูจัง


โดย: คนทำหนังมีอารมณ์ขัน IP: 203.144.180.65 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:13:45 น.  

 
วิจารย์ดีนะครับ ขอชม
ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีภาคต่อแน่ๆ


โดย: เย้ IP: 118.172.39.73 วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:22:22:44 น.  

 
เพ่งมีโอกาสได้ชมหนังเรื่องนี้ครับ

เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ รวมทั้งขอชื่นชมมุมมองและแง่คิดของคุณ นวกานต์

วิจารณ์ได้เยื่ยมครับ


โดย: ศิระ IP: 183.89.163.251 วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:11:08:27 น.  

 
เคยบอกกับตัวเองว่า ไม่ชอบหนังเรื่องนี้เลย ยังไงก็จะไม่ดู คิดว่ามันไร้สาระ อ่านะ

จนวันนี้ ไม่รู้จะทำอะไรดี ไม่มีอะไรดู เลย

เปิดใจ

ลองไปหามาดู

อยากจะบอกว่า เสียใจมากๆที่ ตอนแรกคิดแบบนั้น

หนังดีจริงๆ แบบว่า สุดยอดอะ

แทรกข้อคิด ที่ดีมากๆ

เพราะที่สุดแล้ว มนุษย์อะแหละ ที่ชั่วร้าย มากๆ

สรุป ว่าชอบหนังเรื่องนี้

ถ้าให้คะแนน ก็ เอาไปเลย 10/10

แต่ยังไงก็ยังรัก Percy Jackson อยู่นะ

รอกินพระเอก


โดย: Perseus Jackson IP: 124.122.174.168 วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:21:55:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.