BlogGang.com : : navagan : *** นาคี 2 *** รถพวงมาลัยซ้าย บนถนนพวงมาลัยขวา

*** นาคี 2 *** รถพวงมาลัยซ้าย บนถนนพวงมาลัยขวา

*** นาคี 2 ***

ต้องออกตัวไว้ก่อนเลยว่า ไม่เคยดูละครโทรทัศน์มาก่อน ดังนั้นบทความนี้จะไม่พูดถึงฉบับละครโทรทัศน์

นาคี 2 คือผลงานต่อเนื่องจากละครโทรทัศน์ของผู้กำกับ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่ทำออกมาในรูปแบบภาพยนตร์

หนังเล่าเรื่องของ สารวัตรป้องปราบ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ที่ต้องย้ายมาประจำที่สถานีตำรวจดอนไม้ป่า ที่ซึ่งคนในชุมชน เคารพบูชาสิ่งเหนือธรรมชาติ

และเมื่อมีคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างเหนือธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ้าแม่นาคี สารวัตรป้องปราบจึงต้องสืบคดี และต้องมาเกี่ยวข้องกับ สร้อย (อุรัสยา เสปอร์บันด์) สาวชาวบ้านที่เคารพบูชาเจ้าแม่นาคี

จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ เหมาะสำหรับผู้ที่ชมแล้วเท่านั้นครับ

หมายเหตุ:

1. การตีความต่อไปนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ได้บอกว่าทางผู้สร้างจงใจสื่อสารประเด็นเหล่านี้

2. ในโลกความจริงอาจพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาติหรือไม่ แต่โลกในหนังเรื่องเหนือธรรมชาติ อย่างพญานาค มีอยู่จริง

ดังนั้นบทความนี้จะยึดตรรกะในโลกของหนังเพื่อมองถึงประเด็นที่ซ่อนอยู่

สารวัตรป้องปราบ คือตำรวจหนุ่มผู้ไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ เขาคือคนนอกผู้ที่แตกต่างจากคนในสังคมโดยสิ้นเชิง

สัญลักษณ์ที่หนังใส่มาก็คือ สารวัตรป้องปรามเดินทางมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ด้วย “รถยนต์ที่มีพวงมาลัยอยู่ด้านซ้าย”

ในขณะที่สังคมดอนไม้ป่าแห่งนี้เป็นสังคมที่ใช้ “ถนนสำหรับรถยนต์ที่มีพวงมาลัยอยู่ด้านขวา”

(ในทางสังคมวิทยา ฝ่ายซ้าย หมายถึง พวกกลุ่มก้าวหน้า ฝ่ายขวา หมายถึง พวกอนุรักษ์นิยม)

สิ่งที่เราจะได้พบในช่วงแรกของหนังก็คือการที่สารวัตรป้องปราบพยายามแก้ไขปัญหาในสังคมแห่งนี้ ด้วยมุมมองที่ต่างไปจากมุมมองส่วนใหญ่ของผู้คนในสังคม

ซึ่งนั่นทำให้เกิดความยากลำบากในการหาสาเหตุของปัญหาและการแก้ปัญหา เพราะมุมมองที่มีต่อปัญหานั้นแตกต่างจากมุมมองของผู้ที่ประสพปัญหา

เหมือนการขับรถพวงมาลัยซ้ายบนถนนที่สร้างมาเพื่อขับโดยพวงมาลัยขวา ซึ่งจะทำให้ทัศนวิสัยการมองไม่ดีเพราะมีจุดบอดในการมองเห็น

ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงมีประเด็นว่าด้วย

การขับรถพวงมาลัยซ้าย บนถนนสำหรับพวงมาลัยขวา

สร้อย หญิงสาวชาวบ้านผู้รักและเทิดทูนบูชาเจ้าแม่นาคีดั่งชีวิตจิตใจ คือตัวแทนของคนที่รักและยึดมั่นในระบอบสังคมของตัวเอง

ดูเผินๆแล้ว เธอเองไม่ต่างจากชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เชื่อในเรื่องของ “พญานาค” หรือ “เจ้าแม่นาคี” แต่อันที่จริงแล้วมีส่วนที่ต่างกันอย่างมากก็คือ

สร้อยเคารพเจ้าแม่นาคีเพราะความรัก

ชาวบ้านเคารพเจ้าแม่นาคีเพราะความกลัว

และเมื่อเกิดปัญหาที่สังคมเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากเจ้าแม่นาคี สังคมจึงชี้เป้าและหันมาเอาผิดที่ตัวสร้อยในฐานะที่เป็นเหมือนตัวแทนของสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัว

ในขณะที่สร้อยเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเจ้าแม่นาคีที่เธอรักและบูชาจะกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างที่คนเขาว่าหรือไม่

ตัวละคร สารวัตรป้องปราบและสร้อยคือตัวละครขั้วตรงข้ามที่ตกที่นั่งลำบากด้วยปัญหาเดียวกัน

หากสังเกตสัญลักษณ์การวางตำแหน่งตัวละครในจอภาพ เราจะพบว่า เกือบทุกฉากที่ทั้งคู่ร่วมจอกันในครึ่งแรกของหนัง ทั้งคู่จะอยู่ในด้านตรงข้ามกัน หรือมีอะไรบางอย่างแยกทั้งคู่ออกจากกันในเฟรมภาพ

ที่เด่นชัดที่สุดคือ ตอนที่สารวัตรป้องปราบไปหาสร้อยที่บ้านก็จะมีประตูรั้วบ้านกั้นอยู่ แม้เธอจะเปิดประตูรับเขาเข้ามา ตำแหน่งที่ทั้งคู่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน กล้องยังจับพวกเขาให้แยกกันด้วยเสาบ้านที่กั้นพวกเขาเอาไว้บนจอภาพ

แต่จะมีฉากหนึ่งที่สารวัตรป้องปราบสามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งได้ เพราะคืนก่อนเขามองตามสายตาของสร้อย ที่เหลือบไปเห็นผู้ต้องสงสัยในตลาด

นี่คือฉากเล็กๆที่บอกว่า

สารวัตรป้องปราบควรจะมีมุมมองตามแบบคนในสังคม

เพื่อที่จะเห็นในสิ้งที่พวกเขาเห็น

ในที่สุดทั้งสองตัวละครที่ตกอยู่ในปัญหาเดียวกัน เริ่มที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหาไปด้วยกัน ภาพที่จับไปที่ทั้งคู่ จะไม่พบวัตถุใดๆในภาพกั้นพวกเขาทั้งสองอีกต่อไปแล้ว

จากนั้นเมื่อทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันในรถ (รถพวงมาลัยซ้าย) โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นคนทั้งคู่ ชื่อของผู้ก่อปัญหาตัวจริงก็ปรากฏขึ้นมา

การที่ สร้อย ที่เป็นเหมือนกับสังคมส่วนใหญ่ที่เป็นฝ่ายขวา มานั่งอยู่ในรถยนต์ที่มีพวงมาลัยอยู่ด้านซ้ายของสารวัตรป้องปราบ

สร้อยก็กลายเป็นเหมือนตาด้านขวาที่คอยมองในจุดอับที่สารวัตรป้องปราบมองไม่เห็นขณะขับรถ

นี่คือการใช้สัญลักษณ์ที่น่าสนใจของหนัง (เป็นสัญลักษณ์ที่ดี แต่ในแง่บทภาพยนตร์มันคือการคลี่คลายที่ง่ายเกินไป)

ดังนั้นนี่คืออุปมาอุปไมยเปรียบเทียบว่า

การจะแก้ไขปัญหาในสังคมใด เราต้องมองด้วยมุมมองของคนในสังคมนั้น

และหากไม่สามารถมองมุมนั้นได้ด้วยตัวเอง ก็ต้องอาศัยสายตาของคนที่มองมุมนั้นได้

โดยแก่นหลักของเรื่อง หนังว่าด้วยเรื่องของคนสองคนที่มีมุมมองแตกต่างกัน แต่ต้องมาเผชิญปัญหาร่วมกัน และการที่จะคลี่คลายปัญหาได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกันของทั้งสองมุมมองที่แตกต่าง

ในส่วนของบทหนัง ถือว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

ช่วงครึ่งแรกของหนังเป็นความน่าติดตามในแบบหนัง thriller ที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อถึงตอนสุดท้าย หนังเลือกที่จะรวบรัดเพื่อคลี่คลายปมทั้งหมด โดยไม่สนใจสิ่งที่ได้ปูมาอย่างดีตั้งแต่ต้น

ตัวละครนำทั้งสองคนมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยม

ณเดชน์ แบกหนังเอาไว้ในช่วงแรก และเป็นเหมือนตัวแทนสายตาของผู้ชมในการสำรวจเรื่องราวในหนัง

ส่วน อุรัสยา สื่อสารอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม

งานกำกับภาพของ สยมภู มุกดีพร้อม ยอดเยี่ยมในการสื่อความหมายและกำกับอารมณ์ของหนัง

นาคี 2 ถือเป็นหนังที่มีประเด็นน่าสนใจ ที่มาพร้อมกับความบันเทิงที่น่าติดตาม

แม้ว่าช่วงสุดท้ายอาจจะดูรวบรัด จนทำลายพลังของหนังไปบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้ว นาคี 2 ถือเป็นหนังที่ไม่น่าพลาดชม

7 / 10

Create Date : 22 ตุลาคม 2561

Last Update : 23 ตุลาคม 2561 8:09:38 น.

2 comments

Counter : 2859 Pageviews.

กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/38192142

โดย: navagan

วันที่: 11 พฤศจิกายน 2561 เวลา:12:32:23 น.

เริ่ดค่ะ

โดย: อุ้มสี

วันที่: 19 มกราคม 2562 เวลา:0:14:18 น.