All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 

*** The Maze Runner *** สัมพันธภาพของศาสนาและวิทยาศาสตร์

*** The Maze Runner ***






The Maze Runner ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ James Dashner


หนังเล่าเรื่องของกลุ่มชายหนุ่มที่ถูกส่งมาอยู่ร่วมกันในทุ่งกว้าง ที่ถูกล้อมรอบด้วยวงกตเพื่อป้องกันการหลบหนี

โดยแต่ละเดือน จะมีเด็กชาย 1 คนถูกส่งเข้ามา และรายล่าสุดนี้ก็คือ Thomas (Dylan O’Brien) ชายหนุ่มช่างสงสัย



จากนี้ไปจะเป็นการวิเคราะห์-วิจารณ์แบบเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ใครยังไม่ได้ดูขอให้ข้ามไปครับ







จากหนังเราจะพบว่านี่คือ “แบบจำลอง” ที่มีไว้เพื่อศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ในยุคเริ่มแรก ก่อนที่มนุษย์จะมีความรู้

ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนดังนี้



Thomas ถูกส่งมาอยู่ในสังคมใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นได้ 3 ปี

[โลกใหม่ที่มนุษย์เพิ่งวิวัฒนาการมาได้ไม่นาน]



ผู้คนในทุ่งไม่มีความทรงจำในความรู้ใดๆเหลือเลยนอกจากชื่อตัวเอง และความรู้พื้นฐานเล็กน้อย

[ความรู้ต่างๆของมนุษย์ยังมีไม่มากนัก]



ที่นี่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร เพราะถูกส่งมาทุกเดือน

[อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ของมนุษย์ในยุคแรก]



แต่จำนวนคนจะเพิ่มขึ้นมาเดือนละ 1 คน

[มนุษย์กำลังขยายเผ่าพันธุ์]







จากในท้องทุ่งเราจะพบว่ามีแต่มนุษย์เพศชาย ซึ่งนี่ช่วยตัดตัวแปรเรื่อง “แรงขับทางเพศ” ในการทดลองนี้ออกไปได้ โดยให้มนุษย์ขยายเผ่าพันธุ์ด้วยการให้กำเนิดมนุษย์คนใหม่ในทุกเดือน (ถูกลบความทรงจำทิ้งก็เปรียบเสมือนการเกิดใหม่)



สิ่งเดียวที่เป็นความน่ากลัวก็คือวงกตที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้

[ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยที่มนุษย์ยังไม่เข้าใจ]



ในนั้นมีสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายซึ่งมันได้ทำลายชีวิตพวกเขา

[ความโหดร้ายของธรรมชาติทำให้มนุษย์ต้องตาย]



สัตว์ประหลาดชื่อ Griever (Grieve แปลว่า ความทุกข์หรือความเศร้า)

[ธรรมชาติทำให้เกิดความทุกข์หลากหลาย]



พวกเขาตั้งข้อสงสัยว่าทำไมตัวเองมาอยู่ที่นี่

[มนุษย์สงสัยว่าทำไมต้องเกิดมา]







การจำลองนี้ทำให้เห็นสภาพของมนุษย์ในยุคเริ่มแรกที่ยังไม่มีความรู้ใดๆ


1. ความไม่รู้ก่อให้เกิดความกลัว

2. ความไม่รู้ก่อให้เกิดความสงสัย ความสงสัยก่อให้เกิดการค้นคว้า



ดังนั้น “ความไม่รู้” ก่อกำเนิดขั้วตรงข้ามขึ้นมาสองฝั่งคือ


1. การค้นคว้า ลองผิดลองถูก

(กลัวในความไม่รู้ เพราะคิดว่ารู้แล้วจะปลอดภัย กลุ่มนี้มองไปที่สาเหตุ)


2. การใช้ชีวิตอยู่ในรูปแบบเดิมๆ

(กลัวความไม่ปลอดภัยในชีวิต กลุ่มนี้ไม่สนว่าต้องรู้ทุกอย่าง แค่รู้ว่าทำอย่างไรจะรอดก็พอ กลุ่มนี้มองไปที่ผลลัพธ์)







กลับมาที่การเปรียบเทียบอีกครั้ง



พวกเขาบางคนอยากหลุดพ้นจากทุ่งแห่งนี้ อยากรู้โลกภายนอก

[มนุษย์บางคนอยากพ้นจากทุกข์ อยากรู้แจ้ง]



พวกเขาบางคนจึงสำรวจวงกต

[มนุษย์จึงศึกษาธรรมชาติ]



แต่พวกเขาบางคนไม่ชอบการท้าทายสิ่งที่ไม่รู้

[แต่มนุษย์บางพวกไม่ชอบค้นคว้าเพราะความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้]



บางครั้งถึงขั้นจะบูชายัญด้วยชีวิต

[ก่อกำเนิดลัทธิศาสนาต่างๆที่บูชาภูติผี]



มาถึงจุดนี้เหมือนหนังจะแสดงให้เห็นว่า ความกลัวก่อให้เกิดลัทธิที่แตกต่างกัน 2 ขั้ว นั่นคือ วิทยาศาสตร์ และ ศาสนา

โดยผ่าย Thomas ที่หนังเลือกให้เป็นตัวเอกนั้น มีลักษณะของนักวิทยาศาสตร์







แต่เดี๋ยวก่อน !!!



กลุ่มนักสำรวจชุดเก่า (Runner) รู้ทุกซอกทุกมุมของวงกต แต่ก็ยังไม่เจอทางออก

[มนุษย์เข้าใจแทบจะทุกอย่างในธรรมชาติแต่ยังไม่หลุดพ้นจากความทุกข์]





เนื่องจากพระเจ้าในแต่ละศาสนา มีความแตกต่างกัน แต่ที่คล้ายกันคือพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและมนุษย์

ดังนั้นขอนิยามคำว่า “พระเจ้า” ว่าคือผู้สร้างโลกและมนุษย์ หรืออีกแง่หนึ่งก็คือ “ธรรมชาติ”





วงกตและท้องทุ่ง ถูกสร้างโดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง

[โลกเกิดขึ้นจากธรรมชาติ หรืออีกนัยหนึ่งคือถูกสร้างโดยพระเจ้า]



Thomas เคยเป็นพวกเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองนี้ แต่ถูกส่งลงมา

[พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า ที่ถูกส่งมาเกิดในโลกมนุษย์]



Thomas ใช้พิษจาก Griever ที่สามารถทำให้ตายได้ ฉีดเข้าตัวเอง แล้วใช้ยาถอนพิษเพื่อให้จำอดีตได้

[พระเยซูยอมโดนตรึงกางเขนจนเสียชีวิต จากนั้นฟื้นคืนชีพอีกครั้ง]



Thomas พากลุ่มคนที่เชื่อในตัวเขาหนีออกจากวงกต

[พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ และผู้ที่เชื่อในพระเจ้าและปฏิบัติตามหลักศาสนาก็จะได้ขึ้นสวรรค์]




หมายเหตุ: พระเยซูถูกกล่าวถึงในหลายศาสนา, ในศาสนาคริสต์ พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า ในศาสนาอิสลาม พระเยซูเป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้าที่ถูกส่งมาสั่งสอนศีลธรรม






ตอนแรกดูเหมือนว่า หนังจะเทน้ำหนักไปว่าวิทยาศาสตร์คือแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เป็นแนวทางที่จะพาให้หลุดพ้นทุกข์

แต่หนังกลับแสดงให้เห็นว่า ถึงจะสำรวจทุกซอกทุกมุม รู้แจ้งขนาดไหน ก็ไม่อาจหนีไปจากที่นี่ได้



ส่วนวิธีที่หลุดพ้นได้ในตอนสุดท้ายนั้น คล้ายคลึงกับตำนานของศาสนา ที่ต้องใช้ “ศาสดา” หรือ “ผู้เกี่ยวข้องกับพระเจ้า” คอยชี้ทางสว่างให้





จากเกร็ดของหนังที่บอกว่า ชื่อตัวละครหลักทั้งหลายนั้น มาจากชื่อนักวิทยาศาสตร์


Thomas = Thomas Alva Edison ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ = ผู้นำทางสว่างให้ผู้คนในทุ่ง

Alby = Albert Einstein ผู้คิดค้นทฤษฎีอันเป็นพื้นฐานในวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน = ผู้ที่รู้ทฤษฎีพื้นฐานในการใช้ชีวิตในทุ่ง


คนอื่นๆลองตีความเอาเอง





นั่นหมายความว่า The Maze Runner กำลังเล่าเรื่องศาสนาผ่านนักวิทยาศาสตร์นั่นเอง

แต่ในตอนจบ หนังก็ไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า วิทยาศาสตร์ หรือ ศาสนา คือสิ่งที่เหมาะสมกว่ากัน

หนังเพียงแค่จำลองให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของมันก็เท่านั้น







ในฐานะที่ไม่เคยอ่านหนังสือนิยายมาก่อน หนังสร้างความน่าติดตามได้ดีทีเดียว

แม้หลายส่วนของการกระทำของตัวละคร อาจขาดความสมเหตุสมผลไปบ้าง แถมการคลี่คลายปัญหาออกจะง่ายดายไปหน่อย แต่หนังก็เป็นความบันเทิงที่คุ้มค่า



คงต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับ Wes Ball ที่คุมจังหวะหนังได้ดี

อีกคนคือ Dylan O’Brien ในบท Thomas ที่สร้างความน่าติดตามให้กับหนัง ซึ่ง Thomas อยู่ในฐานะเดียวกับผู้ชมคือ ไม่รู้อะไรเลย

และที่ต้องชมเป็นพิเศษก็คือประเด็นของเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆของ James Dashner ผู้เขียนนิยาย







The Maze Runner คือการแสดงให้เห็นสัมพันธภาพของศาสนาและวิทยาศาสตร์ที่ก่อตัวมาตั้งแต่มนุษย์ในยุคแรกของประวัติศาสตร์


ตอนจบที่หนังทิ้งไว้ว่าการทดลองนี้ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งผู้ชมประเภทช่างสงสัยใคร่รู้ คงต้องติดตามความสัมพันธ์ของศาสนาและวิทยาศาสตร์กันต่อไป






7 / 10





 

Create Date : 04 ตุลาคม 2557
5 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2557 22:02:56 น.
Counter : 6196 Pageviews.

 

กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

//pantip.com/topic/32668645/

 

โดย: navagan 4 ตุลาคม 2557 22:27:34 น.  

 

สนุกเกินคาดมากๆครับสำหรับเรื่องนี้ ชอบๆ ดูจบแล้วก็ยิ่งทำให้อยากดูภาค 2 ไวๆ

 

โดย: ปีศาจความฝัน 7 ตุลาคม 2557 16:03:51 น.  

 

นิวท์ นี่นิวตันรึเปล่าน้าา

 

โดย: fuyu IP: 58.11.108.76 7 ตุลาคม 2557 17:10:17 น.  

 

เหมือนกันครับคุณปิศาจความฝัน

ว่าแต่หkยไปนานเลยนะครับ


ส่วนนิวท์นี่ก้ นิวตั้นเลยครับ เหมือนเจ้าของนิยายเขาพูดไว้เองนะครับ

 

โดย: navagan 7 ตุลาคม 2557 23:55:55 น.  

 

แวะมาทักทายอีกรอบครับ ถึงจะหายไปนานแต่ก็ตามดูหนังในโรงเกือบทุกอาทิตย์ครับ แล้วก็แวะเข้ามาอ่านรีวิวของคุณบ่อยๆ

 

โดย: ปีศาจความฝัน 10 ตุลาคม 2557 15:02:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.