ความเชื่อ ในการบริหารงานบุคคล
ความเชื่อในเรื่องราวต่างๆ ในการใช้ชีวิตนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อในการกินอยู่ ของแสลงต่างๆ หรือ ความเชื่อในเรื่องของที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย หรือแม้กระทั่งความเชื่อในเรื่องของตัวเลข และโชคลางต่างๆ ท่านผู้อื่นเชื่อหรือไม่ว่า การบริหารบุคคลเองก็มีความเชื่ออยู่เช่นกัน และความเชื่อบางเรื่องก็ยังคงอยู่ในการบริหารงานบุคคลในปัจจุบัน ลองมาดูกันว่ามีเรื่องอะไรกันบ้าง - ความเชื่อว่า เด็กที่เรียนได้เกรดดีมาก จะทำงานเก่งด้วย
บริษัทที่มีความเชื่อเรื่องนี้อยู่ ก็จะมีเกณฑ์ในการรับพนักงานใหม่ โดยใช้เกรดเฉลี่ยของผู้สมัครมาเป็นเครื่องมือในการพิจารณารับ หรือไม่รับพนักงาน โดยไม่สนใจคุณสมบัติด้านอื่นๆ บริษัทเหล่านี้จะมีการกำหนดเกรดขั้นต่ำในการที่จะรับสมัครพนักงาน - ความเชื่อว่า พนักงานที่ทำงานกับบริษัทนานๆ
จะเป็นพนักงานที่มีความผูกพันต่อบริษัทมาก บางองค์กรที่มีความเชื่อนี้ ก็จะมีความภาคภูมิใจมากว่าองค์กรของเรานั้นอัตราการลาออกไม่มีเลย หรือมีน้อยมาก แปลว่าพนักงานของเรานั้นรักและผูกพันกับบริษัทมาก แต่ในปัจจุบัน เรื่องของความผูกพันนั้น ไม่ใช่แค่เพียงอยู่นานเท่านั้น จะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรอย่างไม่หยุดด้วย นี่ถึงจะเรียกกว่าผูกพันกันจริงๆ - ความเชื่อว่า เงินเดือนเยอะ จะสามารถจูงใจพนักงานได้ดีกว่า
ก็เลยทำให้บางบริษัทใช้เรื่องของเงินเดือน และค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินเพียงอย่างเดียวในการที่จะพยายามสร้างแรงจูงใจ ให้กับพนักงานของตน ซึ่งผลก็คือ พนักงานจะไม่เคยรู้สึกถูกจูงใจเลย ในระยะหลังๆ ก็เริ่มเน้นแรงจูงใจที่ไม่ใช่ตัวเงินมากขึ้น เพราะหลายบริษัทต่างๆ ก็พิสูจน์กันมาแล้วว่า แรงจูงใจที่ดีนั้นมาจากภายในมากกว่าที่จะมาจากตัวเงินเพียงอย่างเดียว - ความเชื่อว่า
พนักงานที่มีผลงานดีจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นหัวหน้า หลายบริษัทก็เลยเลื่อนตำแหน่งให้กับพนักงานที่มีฝีมือ มีความเชี่ยวชาญในการทำงานมากๆ โดยให้ขึ้นไปเป็นหัวหน้างาน ดูแลทีมงาน ผลก็คือ เราเสียพนักงานมือดีไป แต่ได้หัวหน้างานมือแย่ๆ มา ในระยะหลังๆ ก็เริ่มมีการเตรียมความพร้อมกันก่อนล่วงหน้า ก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งให้กับพนักงานที่มีผลงานที่ดี เพื่อให้เขาสามารถที่จะบริหารคนได้ หรือไม่ก็มีการแบ่งเส้นทางในการเติบโตออกเป็นสองทาง ก็คือสายวิชาชีพ และสายบังคับบัญชา ใครที่เหมาะกับด้านไหน ก็ให้โตไปในด้านนั้น - ความเชื่อว่า ผลงานดี ต้องขึ้นเงินเดือนเยอะๆ
ดังนั้นถ้าพนักงานทำผลงานได้ดี ก็จะมีการขึ้นเงินเดือนให้ในจำนวนมากๆ ปัญหาก็คือ ถ้าปีถัดไปพนักงานทำผลงานได้ไม่ดีล่ะ แปลว่า บริษัทจะต้องรับภาระต้นทุนเงินเดือนพนักงานที่สูงขึ้นไปตลอด โดยที่เราลดไม่ได้ ในระยะ 5-6 ปีให้หลังมานี้ บริษัทส่วนมากเริ่มเปลี่ยนความเชื่อใหม่ โดยเอาผลงานระยะสั้นของพนักงานที่เป็นปีต่อปีนั้นผูกกับเรื่องของโบนัสตามผล งาน ปีนี้ทำได้มาก ก็ให้มาก ปีไหนทำได้น้อยก็ให้น้อยได้ แต่เรื่องของการขึ้นเงินเดือนนั้นจะเป็นการตอบแทนศักยภาพของพนักงานในระยะ ยาวๆ มากกว่า ก็คือ จะให้เงินเดือนขึ้นเยอะๆ สำหรับพนักงานที่เราสามารถฝากอนาคตขององค์กรไว้กับเขาได้นั่นเอง - ความเชื่อว่า
ความก้าวหน้าของการทำงานก็คือการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นหัวหน้าหรือผู้จัดการ เท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่บริษัทจะทำก็คือ การเลื่อนตำแหน่งให้กับพนักงานไปเรื่อยๆ ให้เป็น ผู้ช่วยหัวหน้า หัวหน้า ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้จัดการ ฯลฯ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยที่พนักงานยังคงทำงานเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เพราะกลัวว่าพนักงานจะรู้สึกถึงความไม่ก้าวหน้าในการทำงาน แต่ในเรื่องของความก้าวหน้านั้นปัจจุบันไม่ใช่ของการเลื่อนตำแหน่งไปเห็นหัว หน้างานเพียงอย่างเดียว เราสามารถสร้างตำแหน่งในสายวิชาชีพให้พนักงานได้ แต่ก็ต้องเป็นสายวิชาชีพจริงๆ นะครับ เพราะบางองค์กรเชื่อเรื่องของสายวิชาชีพมากๆ ก็เลยออกแบบตำแหน่งงาน พนักงานพิมพ์ดีดอาวุโส หรือพนักงานขับรถอาวุโสขึ้นมา ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้ทำงานแตกต่างอะไรกับตำแหน่งที่ไม่ใช่อาวุโสเลย ทั้งหมดที่ผมเขียนมาไม่ได้แปลว่าผิดนะครับ เพียงแต่ว่า บางเรื่องนั้นอาจจะเหมาะกับบางบริษัท หรือบางสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ดี ในการบริหารบุคคลที่ดีนั้น เราจะต้องบริหารเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง ไม่ใช่เอาใจพนักงานมากเกินไป จนบริษัทก็แทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว หรือตรงกันข้าม โหดร้ายกับพนักงานจนพนักงานไม่อยากอยู่ทำงาน แบบนี้ก็ไม่ดี วิธีที่ดีที่สุดก็คือ win win ครับ win ทั้งนายจ้าง และ win ทั้งฝ่ายพนักงาน
Free TextEditor
Create Date : 23 สิงหาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 23 สิงหาคม 2554 7:44:09 น. |
Counter : 1320 Pageviews. |
|
|