ผลงานไม่ดี ควรได้รับการขึ้นเงินเดือนหรือไม่
เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องของการขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงาน ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่ที่ใช้ในการขึ้นเงินเดือนก็คือ ขึ้นเงินเดือนตามผลงานของพนักงานในแต่ละปี ข้อจำกัดของการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงานในปัจจุบันก็คือ งบประมาณที่ใช้ในการขึ้นเงินเดือนนั้นมันเริ่มที่จะคงที่เอามากๆ ในแต่ละปีที่ผ่านมาอัตราการขึ้นเงินเดือนประจำปีเฉลี่ยวทั่วไปของตลาดวิ่ง อยู่ในระหว่าง 5.5 -6% เท่านั้น ไม่ได้มีตัวเลขอะไรหวือหวาเลย ผมมีตัวเลขของทางผลการสำรวจเรื่องของการขึ้นเงินเดือนของอเมริกา ที่สำรวจโดย WorldatWork ที่ได้ทำนายตัวเลขการขึ้นเงินเดือนในปี 2012 ของอเมริกาไว้ดังนี้ - High performers หรือพวกผลงานดีมาก: 4.0% increase
- Middle performers หรือผลงานปานกลางเข้ามาตรฐาน: 2.7% increase
- Low performers หรือผลงานแย่: 0.7% increase
สิ่งที่หลายๆ บริษัทสอบถามกันมาเยอะก็คือ พนักงานที่มีผลงานแย่ๆ เราควรจะขึ้นเงินเดือนให้กับเขาหรือไม่ ถ้าดูจากผลการสำรวจของทางอเมริกา ก็จะเห็นว่า ขึ้นให้แต่ขึ้นให้ในอัตราที่ต่ำมาก และบางบริษัทก็มีนโยบายที่ชัดเจนมาก ว่า พนักงานที่มีผลงานไม่ดีนั้น จะไม่มีการขึ้นเงินเดือนให้ โดยไม่สนใจว่าค่าครองชีพจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าแนวทางของทางตะวันตกเรื่องของการขึ้นเงินเดือนนั้นมีความชัดเจน และตรงไปตรงมามากๆ ก็คือ ถ้าผลงานไม่ดีจริงๆ เขาก็จะไม่ขึ้นเงินเดือนให้เลย เน้นไปที่ผลงานของพนักงานจริงๆ ส่วนในประเทศไทยนั้นจากประสบการณ์ของผมที่ทำเรื่องนี้มา และจากผลการสำรวจค่าจ้างเงินเดือนประจำปีที่ผ่านๆ มานั้น จะแยกออกเป็น 2 ลักษณะก็คือ - พนักงานที่มีผลงานไม่ดี จะไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงาน
วิธีนี้จะใช้ผลงานของพนักงานเป็นหลักเลย โดยพิจารณาถึงระดับผลงานของพนักงาน พนักงานที่ได้ผลงานในระดับแย่สุด เช่น ระดับ 1 หรือ E จะไม่ได้รับการปรับเงินเดือนใดๆ เลย - พนักงานที่มีผลงานไม่ดี
จะได้รับการขึ้นเงินเดือนเท่ากับอัตราค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในปีนั้น กล่าวคือ พนักงานที่มีผลงานแย่สุดๆ ก็ยังได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปี เพียงแต่ขึ้นในอัตราที่เท่ากับค่าครองชีพในปีนั้นๆ ที่ขยับขึ้นไป เช่น ถ้าปีนี้ค่าครองชีพอยู่ที่ 4% ก็เท่ากับว่าพนักงานที่มีผลงานไม่ดีก็ได้ขึ้นที่ 4% จากสองวิธีที่กล่าวมานั้น ไม่มีวิธีไหนที่ผิด หรือถูกนะครับ อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละบริษัทมากกว่า สำหรับแนวทางแรกนั้น ไม่ได้แปลว่าบริษัทไม่สนใจค่าครองชีพนะครับ เพียงแต่เขานำเอาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีนั้น เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดงบประมาณในการขึ้นเงินเดือนในปีนั้นๆ ไว้แล้วครับ เช่น ค่าครองชีพขึ้น 3% แต่บริษัทตั้งงบประมาณไว้ 6% นั่นก็แปลว่า บริษัทขึ้นเงินเดือนตามผลงานจริงๆ 3% และช่วยค่าครองชีพอีก 3% นั่นเองครับ เพียงแต่วิธีนี้เป็นการเน้นไปที่ผลงานของพนักงานมากกว่า แต่ในแนวทางที่สองนั้น บริษัทจะเน้นไปที่เรื่องของความเป็นอยู่ของพนักงานมากกว่า กล่าวคือ บริษัทกลุ่มนี้จะมีความเชื่อว่าการที่พนักงานไม่ได้รับการขึ้นเดือนเลยนั้น จะไม่ยุติธรรมกับการใช้ชีวิตของพนักงานเอง เพราะราคาสินค้าในตลาดก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นขั้นต่ำสุดที่น่าจะขึ้นเงินเดือนให้สำหรับพนักงานที่มีผลงานไม่ดีก็ คือ เท่ากับอัตราค่าครองชีพของตลาดในช่วงเวลานั้นนั่นเองครับ แล้วบริษัทท่านเอง พนักงานที่ได้ผลงานแย่สุด ได้รับการขึ้นเงินเดือนหรือไม่ครับ
Free TextEditor
Create Date : 04 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 4 สิงหาคม 2554 6:19:04 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1329 Pageviews. |
|
|
|