ในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา เรื่องของอัตราการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงานนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6% เท่านั้น จึงทำให้มีคำถามตามมาว่า อัตราดังกล่าวนั้นเป็นอัตราที่สามารถที่จะสร้างแรงจูงใจให้พนักงานสร้างผลงานที่ดีขึ้นในปีถัดไปหรือไม่ กล่าวคือ พนักงานอยากทำงานให้ดีขึ้น และอยากสร้างผลงานที่ดีนั้นมาจากการได้รับเงินเดือนขึ้น 5-6%
ผมเคยถามคำถามนี้กับกลุ่มพนักงานของบริษัทต่างๆ คำตอบที่ได้ก็คือ อัตราเพียง 5-6% นั้นไม่ได้สร้างแรงจูงใจในการสร้างผลงานเลย จริงๆ เขาได้รับแรงจูงใจมาจากอย่างอื่นประกอบด้วยมากกว่า
คำถามถัดมาก็คือ การให้รางวัลผลงานในรูปตัวเงินตัวใดที่น่าจะจูงใจพนักงานให้สร้างผลงานได้ดีกว่า เรื่องของการขึ้นเงินเดือนประจำปี คำตอบก็คือ โบนัสตามผลงาน
หลายๆ ท่านที่ทำงานมามากกว่า 10 ปีน่าจะจำช่วงเวลาก่อนฟองสบู่ของประเทศไทยจะแตก ตอนนั้นบริษัทต่างๆ จ่ายโบนัสกันอย่างมากมาย มีบางธุรกิจจ่ายโบนัสกันถึง 36 เดือนก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
แต่พอหลังจากที่ผ่านสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ โบนัสของบริษัทต่างๆ ลดน้อยลง และจากนั้นก็อยู่ประมาณ 3-4 เดือน หรือแล้วแต่กลุ่มธุรกิจ และแล้วแต่ผลงานของบริษัท ซึ่งไม่หวือหวาเหมือนกับสมัยก่อน
แต่อย่างไรก็ดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รูปแบบการจ่ายค่าจ้างเพื่อจูงใจผลงานได้เปลี่ยนแปลงไป ที่มานั้นก็มาจากอัตราการขึ้นเงินเดือนประจำปีที่ไม่สูง และแต่ละบริษัทก็ไม่อยากเพิ่มภาระในระยะยาวโดยการขึ้นเงินเดือนเยอะๆ ดังนั้น เครื่องมือที่น่าจะตอบโจทย์ได้ในแง่ของต้นทุนบริษัท และในแง่ของแรงจูงใจตามผลงานอย่างได้ผลก็คือ โบนัสตามผลงาน นั่นเองครับ
โดยมีเงื่อนไขในการให้ว่า ถ้าผลงานของบริษัทดี มีกำไร บริษัทก็จะมีการตัดจ่ายโบนัสให้กับพนักงานเยอะหน่อย แค่ถ้ากำไรน้อย ก็จ่ายให้น้อยหน่อย ด้วยแนวทางนี้เอง หลายบริษัทมีการตั้งเป้าหมายกำไรของบริษัท โดยเอากำไรนี้ไปผูกกับโบนัสที่จะตัดให้กับพนักงาน ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกถึงแรงจูงใจในการทำงาน เพราะเมื่อทำงานได้ผล ก็ได้รับโบนัสตามที่บริษัทได้ตกลงกันไว้ ถ้าอยากได้มากกว่านี้ ก็ต้องพร้อมใจกันสร้างผลงานให้ดีขึ้นกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
เมื่อมีแนวคิดดังนี้ หลายๆ บริษัทที่ผ่านก็สามารถที่จะจ่ายโบนัสให้พนักงานได้ถึง 11 เดือนบ้าง 10 เดือนบ้าง 8 เดือนบ้าง และการจ่ายก็ไม่ได้เป็นไปตามกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยซ้ำไป จ่ายตามกำลังที่ตนเองสามารถจ่ายได้มากกว่าที่จะไปดูว่ากลุ่มอุตสาหกรรมของเราจ่ายอยู่เท่าไร แล้วเราก็ copy เขามาทั้งดุ้น
ในงานวิจัยเรื่องค่าตอบแทนของทางฝั่งตะวันตก ก็คือ อเมริกา ก็ได้สรุปว่า ยุคแห่งโบนัสตามผลงานกำลังจะกลับมา บริษัทจะใช้โบนัสตามผลงานเป็นเครื่องมือในการจูงใจพนักงานให้สร้างผลงาน เพราะถ้าเราสามารถจ่ายโบนัสได้ในอัตรา 4 เดือนขึ้นไป จะทำให้พนักงานรู้สึกถึงความคุ้มค่าในการสร้างผลงาน ยิ่งถ้าบางบริษัทสามารถบริหารการขาย และต้นทุนให้ได้ดีขึ้นกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็จะยิ่งได้โบนัสมากขึ้นตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้นั่นเอง
โบนัสก้อนนี้ ไม่ได้ทำให้ภาระทางด้านการบริหารเงินเดือนของบริษัทสูงขึ้นในระยะยาวแต่อย่างใด เนื่องจากตัดจ่ายกันปีต่อปี และไม่มีภาระผูกพันใดๆ ในระยะยาว ดังนั้นบริษัทก็ยินดีที่จะจ่ายให้กับพนักงาน แต่ก็อยู่บนเงื่อนไขที่ว่า จะต้องสร้างกำไรให้ได้ตามที่ตกลงกันไว้
ก็เลยคิดเล่นๆ ว่า ในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า ระบบการจูงใจด้วยโบนัสตามผลงานน่าจะเป็นเครื่องมือทางด้านการบริหารค่าจ้างที่นำมาใช้ในการกระตุ้นผลงานระยะสั้นปีต่อปีได้อย่างได้ผล ถึงเวลานั้นบางบริษัทอาจจะจ่ายโบนัสให้พนักงานเฉลี่ยปีละ 24 เดือนอีกก็เป็นได้นะครับ