Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
22 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

เตือน! ขาดไอโอดีนกระทบทุกวัย



* ถ้าขาดไอโอดีน ทำให้หญิงแท้งง่าย ชายเซ็กส์เสื่อม เด็กพิการแต่กำเนิด

นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เป็นประธานการประชุม
ประสบการณ์การควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนระดับนานาชาติ ที่ห้องประชุมกำธร กรมอนามัย ระบุว่า
ปัจจุบันโรคขาดสารไอโอดีนยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ
เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับโรคนี้
โดยคิดว่าการขาดสารไอโอดีนจะทำให้เกิดอาการคอพอกเพียงอย่างเดียว

หากใครไม่มีอาการคอพอก ก็แสดงว่าไม่ขาดสารไอโอดีนและคิดว่าเป็นเฉพาะในวัยเด็กเท่านั้น
จึงไม่ให้ความสำคัญกับการกินอาหารที่มีสารไอโอดีนมากนัก
โดยหารู้ไม่ว่าไอโอดีนมีผลต่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย สมอง และสติปัญญาของคนในทุกช่วงอายุ

อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า หากขาดสารไอโอดีนก็จะมีภาวะผิดปกติแตกต่างกันไป เช่น
ช่วงทารกในครรภ์ถึงแรกคิด จะทำให้เกิดการแท้งหรือตายก่อนกำเนิดได้ง่าย
หรือหากไม่ตาย คลอดออกมาทารกก็จะพิการแต่กำเนิด คือ หูหนวก ขาแข็ง กระตุก ตาเหล่ รูปร่างแคระแกร็น
และสติปัญญาเสื่อมจนถึงปัญญาอ่อน หรือที่เรียกว่าเป็นเอ๋อ
ส่วนวัยเด็กถึงวัยรุ่นร่างกายจะเจริญเติบโตช้า สติปัญญาด้อยลงกว่าคนปกติและมีอาการคอพอก
ขณะที่วัยผู้ใหญ่จะมีอาการคอพอก เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น สมรรถนะในการทำงานลดลง ร่างกายและจิตใจเสื่อมถอย
หากเป็นเพศชายจะมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สำหรับผู้หญิงประจำเดือนอาจมาไม่ปกติ

โดยปกติร่างกายคนเราต้องการสารไอโอดีนรวมกันแล้วไม่เกิน 1 ช้อนชา
หรือเฉลี่ยแล้วในวันหนึ่งๆ แม้ว่าร่างกายต้องการสารไอโอดีนเพียงแค่ 150 ไมโครกรัมเท่านั้น
แต่ก็ขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว เพราะร่างกายไม่สามารถสะสมไว้ได้

สารไอโอดีนบางส่วนจะถูกนำไปใช้ในการสร้างฮอร์โมน สำหรับการเติบโตของร่างกาย และสมอง
ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกจากร่างกาย จึงจำเป็นต้องกินอาหารที่มีสารไอโอดีนทุกวัน

"ในอดีตผู้ป่วยที่เป็นโรคขาดสารไอโอดีน จะพบมากในเขตพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลทะเล
หรือแถบพื้นที่สูงทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ขณะนี้พบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคกลาง ภาคใต้
หรือแม้แต่พื้นที่ติดชายทะเล รวมทั้งคนกรุงเทพฯ ก็มีสิทธิ์เป็นโรคขาดสารไอโอดีนเช่นกัน
หากร่างกายไม่ได้รับสารไอโอดีนที่เพียงพอทุกวัน" นพ.ณรงค์ศักดิ์กล่าว

นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนไม่สามารถขจัดให้หมดไปได้
มาตรการควบคุมที่กรมอนามัยได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องขณะนี้ คือ
การส่งเสริมให้ทุกครัวเรือน มีการใช้เกลือเสริมไอโอดีนในการปรุงอาหารไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 เป็นมาตรการหลัก
และใช้อาหารเสริมไอโอดีนเป็นมาตรการเสริมอีกทางหนึ่ง ในการควบคุมและป้องกัน
เพราะจากข้อมูลปี 2548 พบว่า มีความครอบคลุมเกลือเสริมไอโอดีในครัวเรือนเพียงร้อยละ 58.8
และมีเกลือเสริมไอโอดีนในครัวเรือนที่ได้คุณภาพมาตรฐานร้อยละ 54 เท่านั้น

จากผลการสำรวจอนามัยโพล โดยกรมอนามัยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อปี 2550
เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคเกลือเสริมไอโอดีนในกลุ่มตัวอย่าง 630 คน พบว่า
มีการใช้เกลือเสริมไอโอดีนปรุงประกอบอาหารภายในครอบครัวร้อยละ 57.67

ดังนั้น การส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนใช้เกลือเสริมไอโอดีน ที่มีคุณภาพปรุงอาหาร
ก็จะเป็นวิธีการหนึ่ง ที่ช่วยลดปัญหาการขาดสารไอโอดีนในประเทศไทยลงได้


ที่มา : //www.thaihealth.or.th
ภาพจาก : //www.healthjockey.com




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2553
0 comments
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2553 12:47:45 น.
Counter : 1188 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.