Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
อาหารบำรุงต่อมลูกหมาก




สำหรับคุณผู้ชายทุกคนทราบไหมว่าเจ้าอวัยวะที่เรียกว่า “ต่อมลูกหมาก” นั้นอยู่ตรงไหนและมีไว้ทำอะไร?
ทำไมหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้สูงอายุถึงมักจะมีปัญหากับต่อมลูกหมากให้ได้ยินกันบ่อยๆ
เรามาทำความรู้จักกับต่อมลูกหมากกันก่อนสักนิดดีกว่า

ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกายที่มีรูปร่างคล้ายๆ ถั่ววอลนัท ตำแหน่งที่ตั้งอยู่แถวๆ โคนของอวัยวะเพศชาย
ทำหน้าที่ผลิตของเหลวที่ช่วยบำรุงเลี้ยงตัวอสุจิในน้ำอสุจิของคุณผู้ชาย
อวัยวะส่วนนี้เป็นจุดหนึ่งที่เจ้าตัวร้ายอย่างเนื้องอก หรือมะเร็งมักจะเข้าแทรกแซงเสมอๆ

จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าสาเหตุของมะเร็งที่เกิดกับต่อมลูกหมากมักจะไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์เหมือนอย่าง
ส่วนอื่นของร่างกาย แต่มักจะเกิดจากการดำเนินวิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสมของตัวเจ้าของ โดยเฉพาะวิถีการรับประทาน
อาหาร ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชาวตะวันตกโดยเฉพาะอังกฤษ สแกนดิเนเวีย หรืออเมริกา มีโอกาสเป็นมะเร็งที่
ต่อมลูกหมากกันได้มากกว่าเราๆ เพราะวิถีการกินอยู่ของเขาที่ต่างจากเรานั่นเอง

มีการศึกษาถึงสาเหตุของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากว่า เกี่ยวข้องกับการกินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ
โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเนื้อแดง นม เนย เป็นหลัก อันเป็นอาหารหลักของชาวตะวันตก
สำหรับคนแถบเอเชียทั่วไปที่เน้นกินข้าว ปลา พืชผักต่างๆ นั้นพบการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้น้อยกว่า

....แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไปครับ...เพราะทุกวันนี้จากการผสมผสานทางวัฒนธรรมในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่
แทบทุกประเทศแถบเอเชียในเมืองใหญ่ๆ ต่างก็มีร้านอาหารฝรั่ง หรือฟาสต์ฟู้ดขายสเต๊ก แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า
หรือไก่ทอดให้เรากินจนกลายเป็นอาหารประจำวันไปแล้ว ก็พบว่าตัวเลขของคนเอเชียที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก อีกหลักฐานหนึ่งจากผลวิจัยที่ยืนยันข้อนี้ก็คือตัวเลขคนเอเชียที่ย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากิน
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ยิ่งอาศัยอยู่นานก็ยิ่งมีอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นสูงจนแทบจะใกล้เคียงกับ
ชาวอเมริกันเลยทีเดียว เพราะการปรับเปลี่ยนอาหารการกินไปตามวัฒนธรรมท้องถิ่นนั่นเอง คราวนี้คงเห็นกันแล้ว
ใช่ไหมครับว่าอาหารที่เรากินเข้าไปนั้นมีผลต่อสุขภาพของต่อมลูกหมากของเราขนาดไหน

ได้ฟังอย่างนี้คุณผู้ชายไม่ควรจะนิ่งนอนใจแล้วนะครับ ลองกลับมาพิจารณาอาหารที่คุณกินเข้าไปแต่ละมื้อกันดีกว่า
หากคุณอยากจะมีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงทำงานได้อย่างใจนึก ก็ต้องรู้วิธีบำรุงมันให้ถูกวิธี
ข้อมูลจากการวิจัยล่าสุดยืนยันว่า การกินอาหารที่ปรุงจากมะเขือเทศ บร็อคโคลี หรือดอกกะหล่ำ
ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และพวกที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี ซีลีเนียม
ล้วนเป็นอาหารกลุ่มที่ช่วยพิทักษ์ต่อมลูกหมากของคุณให้มีสุขภาพดีปลอดจากมะเร็งทั้งสิ้น


มะเขือเทศ พระเอกต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก
จากวารสารของสถาบันมะเร็งของสหรัฐอเมริกาฉบับเดือนมีนาคม 2545 ดร.เอ็ดวาร์ด จิโอวานนุกซี
และคณะได้รายงานผลการศึกษาในผู้ชายที่กินซอสมะเขือเทศอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีอัตราความเสี่ยงต่อ
การเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากลดลงถึง 20% เนื่องจากในอาหารที่ปรุงจากมะเขือเทศจะพบสารไลโคปีนที่มี
คุณสมบัติช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้ในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยลดการทำลาย DNA จากปฏิกิริยาออกซิเดชัน
อันเกิดจากอนุมูลอิสระในกระแสเลือด การทำลาย DNA นั้นจะเกิดไปพร้อมๆ กับการแปรรูปของเนื้อเยื่อที่
ในที่สุดแล้วจะนำมาสู่การพัฒนาเซลล์มะเร็งให้เติบโต เมื่อลดการเกิดอนุมูลอิสระจะช่วยลดการเกิดมะเร็งลงไปได้
ดังนั้นเราอาจป้องกันมะเร็งได้โดยการกินอาหารที่ปรุงด้วยมะเขือเทศอย่างน้อยวันละครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นผลมะเขือเทศสด น้ำมะเขือเทศ ซุป หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศก็ยังดี
ก่อนหน้านี้ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคยศึกษาพบว่าผู้ชายที่กินมะเขือเทศในปริมาณ 6.5 มก.ต่อวัน
หรือประมาณ 10 ครั้งต่อสัปดาห์ (ครั้งละประมาณครึ่งถ้วยตวง)
จะเป็นปริมาณที่ได้ผลมากที่สุดในการป้องกันการเกิดมะเร็งครับ


บร็อคโคลี ผู้ช่วยตัวสำคัญต้านมะเร็ง
สารอาหารอีกตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยต้านมะเร็งได้แก่ 3,3’-diindolylmethane หรือ DIM
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เบิร์คลีย์ ได้วิจัยพบว่าการกินผักพวกบร็อคโคลี หัวกะหล่ำปลี
หรือดอกกะหล่ำ ซึ่งมีฤทธิ์สูงในการต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่
ต่อมลูกหมากได้ โดยปกติแล้วฮอร์โมนแอนโดรเจนในเพศชายก็คล้ายๆ กับเทสโทสเตอโรนที่มีบทบาทสำคัญใน
การพัฒนาของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกๆ เราสามารถรักษาสุขภาพของต่อมลูกหมากให้ดีได้โดย
การกินผักบร็อคโคลี หรือดอกกะหล่ำ ร่วมกับผักใบเขียวอื่นๆ เป็นประจำทุกวัน นอกจากจะได้ DIM แล้วยังเป็น
แหล่งของวิตามินเอ และซีที่สำคัญอีกด้วยครับ (อย่าลืมก่อนนำมาปรุงต้องล้างให้สะอาดจนแน่ใจว่าปลอดสารเคมี)


เต้าหู้-ถั่วเหลือง รักษาสุขภาพต่อมลูกหมาก
การทดสอบในห้องทดลองพบว่าอาหารใดๆ ที่เป็นผลผลิตของถั่วเหลือง ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ นมถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว
(ซอสถั่วเหลือง) รวมทั้งซุปเต้าหู้แบบญี่ปุ่น (มิโซซุป) ล้วนแต่เป็นอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารที่มีชื่อว่า
ไอโซฟลาวอน (isoflavones) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก
เช่นเดียวกับ DIM ในบร็อคโคลี และด้วยเหตุที่อาหารประเภทนี้เป็นอาหารที่ชาวเอเชียหลายๆ ประเทศนิยม
บริโภคกัน จึงเป็นสมมติฐานสำคัญที่ว่าทำไมคนเอเชียจึงมีอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากต่ำ
จะให้ได้ผลดี เราจึงควรกินอาหารที่ปรุงจากถั่วเหลืองให้ได้เป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 35-40 กรัม
(จากบทความที่ตีพิมพ์โดยศูนย์มะเร็งต่อมลูกหมาก หลุยส์ วอร์ซชอร์ ของศูนย์การแพทย์ ซีดาร์-ไซนาย )
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าสารไอโซฟลาวอนในถั่วเหลืองยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจที่ได้ผลดีอีกด้วย


ลืมไม่ได้...วิตามินอี และซีลีเนียม
ในปี 2541 ที่ประเทศฟินแลนด์มีการทำวิจัยกับนักสูบบุหรี่ที่เป็นมะเร็งปอดจำนวน 29,000 คน พบว่า
วิตามินอีมีส่วนช่วยเพียงเล็กน้อยต่อการเกิดมะเร็งที่ปอด แต่เวลาเดียวกันก็ได้ผลที่น่าสนใจมากว่าวิตามินอีนั้นมี
ส่วนช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมากได้ถึง 32% เช่นเดียวกับซีลีเนียมที่นอกจากจะช่วยอัตราการเกิด
มะเร็งผิวหนังแล้ว ยังพบว่าซีลีเนียมนั้นช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 66% เลยทีเดียว
ทั้งซีลีเนียมและวิตามินอี ต่างก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังเช่นเดียวกับไลโคปีนในมะเขือเทศ
ซีลีเนียมนั้นจัดเป็นธาตุอาหารในกลุ่มอโลหะซึ่งพบได้ในอาหารหลายชนิดรวมทั้งน้ำ
โดยเฉพาะในอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และถั่วบราซิล ส่วนวิตามินอีนั้นพบมากในผักใบเขียว น้ำมันพืช ถั่ว และไข่แดง
ปริมาณที่เราควรได้รับซีลีเนียมต่อวันอยู่ที่ประมาณ 55 ไมโครกรัม และวิตามินอีประมาณ 15 มก.ต่อวัน

เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์แล้วอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สุขภาพดีจะอยู่คู่คุณไปอีกนาน

ที่มา สยามดารา


Create Date : 11 เมษายน 2552
Last Update : 11 เมษายน 2552 19:31:19 น. 0 comments
Counter : 1097 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.