Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
อาหารปรับอารมณ์




เคยสังเกตตัวเองกันบ้างไหมว่า อาหารบางอย่าง เมื่อกินแล้วจะรู้สึกกระชุ่มกระชวย คึกคัก อาหารบางอย่างกินแล้ว
รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน บางคนบอกว่า กินหวานมากแล้วอารมณ์ร้าย กินช็อกโกแลตแล้วอารมณ์โรแมนติก
อาหารมีอิทธิพลต่ออารมณ์ ได้ขนาดนั้นจริงๆ หรือ

คำตอบคือ อาหารที่กินกันอยู่ทุกวันนี้มีอิทธิพลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเราได้จริง
เหตุที่อาหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องของสมองแท้ๆ ก็เพราะสารอาหารสามารถเข้าไปปรับสมดุลของ
ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ หรือพฤติกรรมแสดงออกต่างๆ ได้ เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์เขารู้กันมานานแล้ว

การศึกษาวิจัยของ ดร.จูดิธ เวิร์ตแมน แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสสาชูเซ็ตต์หรือ MIT ได้ข้อมูลว่า
การรับประทานคาร์โบไฮเดรตหรือแป้ง จะมีผลทำให้สารเคมีหรือสารสื่อประสาทบางตัว
(Neurotransmitter) มีปริมาณสูงขึ้น ทำให้สมองสงบลง
สารเคมีตัวที่ว่านี้คือสารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า เซโรโทนิน แป้งหรือน้ำตาล เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะส่งผลให้
กรดอะมิโนทริปโตฟานสูงขึ้นในสมอง กรดอะมิโนตัวที่ว่านี้ เป็นสารต้นกำเนิดของสารเซโรโทนิน
ทำให้ระดับสารตัวนี้สูงขึ้นในสมอง ซึ่งจะออกฤทธิ์ทำให้สมองสงบลง
เหตุนี้เองคนที่กินอาหารประเภทแป้งจึงค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่ตึงเครียดหรือเอะอะโวยวาย

หากรับประทานอาหารประเภทโปรตีนหรือกรดอะมิโน สารอีกตัวหนึ่งในสมองคือ โดปามีน และ นอร์อิพิเนฟริน
จะมีระดับสูงขึ้น สารสื่อประสาทกลุ่มนี้ สร้างความกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่าให้กับสมอง
คนที่กินโปรตีนจึงรู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในที

อาหารโปรตีนและแป้ง ส่งผลต่ออารมณ์ตรงกันข้ามกันอย่างนี้นี่เอง จึงทำให้มีการนำเอาอาหารทั้งสองกลุ่มนี้
ไปใช้แก้ปัญหาบางปัญหา ยกตัวอย่างเช่น ในฤดูหนาวแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ อากาศครึ้ม กลางวันสั้น
กลางคืนยาว ผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะเกิดอาการเครียดและซึมเศร้าได้ง่ายๆ เรียกอาการกลุ่มนี้ว่า
"ความซึมเศร้าที่เป็นผลมาจากฤดูกาล" หรือ Seasonal Affected Depression
มีคำเรียกย่อว่า SAD ความรู้สึกซึมเศร้าประเภทนี้แก้ไขได้โดยการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารประเภทแป้งและ
น้ำตาลมากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ระดับเซโรโทนินในสมองสูงขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการสงบลง
แต่หากรับประทานแป้งมากเกินไป ก็จะทำให้ง่วงเหงาหาวนอนเอาได้ง่ายๆ

คนที่รับประทานอาหารประเภทแป้งมากๆ ในมื้อกลางวัน พอตกบ่ายจึงมักง่วงเหงาอย่างที่ชอบพูดกันว่า
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนนั่นแหละ หากไม่อยากง่วงตอนบ่าย วิธีการง่ายๆ คือ
เลือกรับประทานอาหารโปรตีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะโปรตีนประเภทย่อยง่าย
ซึ่งจะทำให้ระดับฮอร์โมนโดปามีนสูงขึ้นในสมอง ช่วยให้รู้สึกตื่นตัวสดชื่นขึ้น ในทำนองเดียวกันหากรู้สึกเครียดขึ้น
การรับประทานแป้งหรือดื่มน้ำหวานสักแก้ว จะช่วยเพิ่มเซโรโทนินในสมอง ความเครียดจะลดลงได้เอง

ใครที่เคยเลี้ยงเด็กอ่อน คงเคยสังเกตเห็นนะครับว่าเวลาให้เด็กดื่มน้ำหวานหรือนมรสหวานไปสักพัก
เด็กจะสงบลงและอาจจะหลับสบายไม่ลุกขึ้นมากวนให้เป็นที่รำคาญใจ เราอาจจะลองกับตัวเองก็ได้
วิธีการคือ หากชอบรับประทานหัวมันฝรั่งต้มหรือเผา ลองเอาครีมหรือเนยทามันฝรั่ง
อารมณ์จะไม่สงบเหมือนกับการรับประทานมันฝรั่งเปล่าๆ ไม่ใส่ครีม
ที่เป็นอย่างนั้นเพราะการเอาครีมหรือไขมันทามันฝรั่ง จะทำให้การย่อยมันฝรั่งช้าลง น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง
ขณะที่การรับประทานมันฝรั่งเปล่าๆ ร่างกายดูดซึมน้ำตาลจากมันฝรั่งได้ดีกว่า

ทีนี้ลองมาดูที่ช็อกโกแลตหรือโกโก้ ซึ่งมีสารเคมีหลายชนิดที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์
ฝรั่งเขาจึงยกให้ช็อกโกแลตเป็นตัวแทนของความรัก เพราะการรับประทานช็อกโกแลตจะทำให้อารมณ์ครื้นเครง
ขณะเดียวกันก็ทำให้มีเรี่ยวมีแรงทำงานได้นานๆ ซึ่งอารมณ์อย่างนี้ว่ากันว่าช่วยส่งเสริมกิจกรรมการทำรักได้ดีนัก

น้ำตาลในช็อกโกแลต ทำให้ระดับเซโรโทนินในสมอง มีระดับสูงขึ้น คนกินช็อกโกแลตจึงสงบลง ขณะเดียวกัน
สารกาเฟอีนในช็อกโกแลต ยังช่วยทำให้สมองตื่นตัว ไม่ง่วง
สารไขมันในช็อกโกแลต ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเอนโดนฟีนในสมอง ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสุข
สารธีโอโบรมีน และ สารฟีนิลเอธิลอะมีน ในช็อกโกแลตช่วยทำให้มีอารมณ์ครื้นเครงมากขึ้น
แต่อย่ารับประทานช็อกโกแลตให้มากเกินไปก็แล้วกันเพราะน้ำตาลในช็อกโกแลตหากเข้าสู่ร่างกายในปริมาณสูง
อารมณ์สงบจะกลายเป็นอารมณ์ง่วงเหงาหาวนอน แทนที่จะเป็นผลดีต่ออารมณ์รักอาจจะกลายเป็นผลเสียก็ได้

สรุปก็คือ หากต้องการที่จะหายเครียด อารมณ์สงบลง ให้เลือกอาหารประเภทแป้ง
หากต้องการให้สมองกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ให้เลือกอาหารประเภทโปรตีน
ทั้งนี้ ต้องรับประทานในปริมาณพอเหมาะ หากรับประทานมากเกินไป แทนที่อาหารจะช่วยทำให้เกิดอาการสงบ
น้ำตาลที่มากไปอาจจะทำให้เกิดอาการเฉื่อย ให้ผลตรงกันข้ามไปได้ ระวังหน่อยก็แล้วกันครับ

โดย ดร.วินัย ดะห์ลัน


Create Date : 11 มีนาคม 2552
Last Update : 11 มีนาคม 2552 19:52:23 น. 0 comments
Counter : 835 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.