เคล็ด(ไม่) ลับบริโภคน้ำมันอย่างปลอดภัย
ช่วงนี้ใครๆ ก็ตื่นตัวเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ต่างก็หันมาดูแลสุขภาพตัวเอง และปฏิบัติตามกระแสรักสุขภาพที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย นับว่าเป็นผลดีที่ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนไทย ให้หันมาใส่ใจตนเองและ ครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
ม.ร.ว. พรรณนิภา จันทรทัต ประธานชมรมโภชนวิทยามหิดล มีเคล็ด (ไม่) ลับ ดูแลตัวเองเรื่องการบริโภคน้ำมัน ที่ทุกคนควรรู้ไว้อย่างยิ่งมานำเสนอ
ม.ร.ว.พรรณนิภา จันทรทัต ประธานชมรมโภชนวิทยามหิดล แนะว่า ในการประกอบอาหารแต่ละชนิด ควรใช้น้ำมันให้เหมาะกับประเภทของการปรุงอาหาร ไม่ใช่ว่ามีขวดเดียวก็ใช้ทำซะทุกอย่าง เพราะน้ำมันพืชบางชนิดมีจุดเดือดเป็นควันต่ำ ไม่เหมาะจะนำไปทอดหรือผัดที่ใช้ความร้อนสูง เนื่องจากจะทำให้โครงสร้างของน้ำมันเปลี่ยนไป จนอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ จึงควรเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะกับการปรุงอาหารแต่ละประเภทด้วย
"ในการเลือกน้ำมัน ก็เหมือนการเลือกวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ไม่ว่าเนื้อสัตว์หรือผักทุกคนจะเลือกที่สด สะอาด และคำนึงถึงคุณภาพที่ดีเสมอ แต่ในทางกลับกันในการเลือกน้ำมันมาปรุงอาหารกลับเลือก ที่ราคาเป็นหลัก ทั้งที่น้ำมันเป็นส่วนประกอบในอาหารทุกมื้อ และการบริโภคน้ำมันบางชนิดมากๆ และบ่อยๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้าย อาทิ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วน เป็นต้น
จึงควรเลือกน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ และไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว สูง เช่น น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันคาโนล่า น้ำมันมะกอก เป็นต้น แม้จะมีราคาสูงแต่ก็มีประโยชน์คุ้มค่า หากใช้ให้ถูกประเภทของการปรุงอาหาร"
ไม่เพียงเท่านั้น ประธานชมรมโภชนวิทยามหิดล ยังย้ำถึงปริมาณการใช้น้ำมันประกอบอาหารด้วยว่า บรรดาอาหารผัดหรือทอดทั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำมันท่วมเพื่อให้น่ากินหรือ กรอบอร่อย แต่ควรบริโภคแค่พอเหมาะ เพราะทุกอย่างหากมากเกินไปก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน สำหรับการทอดไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเยอะใส่แค่พอเหมาะ และเลือกน้ำมันที่มี จุดเดือดสูงเท่านี้ก็พอ
"ที่สำคัญเรามักจะย้ำเตือนกันอยู่เสมอว่า อย่าใช้น้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำ เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้รับประทานแล้ว ผู้ปรุงเองก็ต้องสูดกลิ่นไอของน้ำมันเหล่านี้เข้าไป ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าน้ำมันชนิดใดไม่ควรใช้ทอดซ้ำเกิน 3 ครั้ง เพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ก็ต้องรู้จักเลือกน้ำมันที่มีกรดไขมันสมดุล กับความต้องการของร่างกาย คือ ในน้ำมันมีส่วนประกอบของ โอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายควรได้รับกรดไขมันทั้ง 2 ชนิดในปริมาณที่เหมาะสม หากได้รับตัวใดตัวหนึ่งมากกว่า หรือน้อยไป ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะผิดปกติตามมา เช่น ภาวะอักเสบของเส้นเลือด ซึ่งมีงานวิจัยที่แนะนำให้บริโภคโอเมก้า 6 : โอเมก้า 3 ในสัดส่วน 4 :1 ซึ่งในธรรมชาติไม่มีน้ำมันใดที่มีสัดส่วนของสารโอเมก้า 6 มากกว่าโอเมก้า 3 แต่ปัจจุบันมีการนำน้ำมันพืชมาผสมผสาน เพื่อให้มีสัดส่วนกรดไขมันโอเมก้า 6 มากกว่าโอเมก้า 3 ที่สมดุลเพื่อมีประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มขึ้น
"น้ำมันผสมทางเลือกใหม่ที่น่าลอง ในเมืองไทยอาจเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ แต่ในต่างประเทศกลับมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยนำน้ำมัน 2 ชนิด มาผสมกันในสัดส่วนของกรดไขมันที่เหมาะสม เพื่อให้เหมาะแก่การบริโภค โดยผ่านกรรมวิธีและเทคโนลียีการผลิตขั้นพิเศษ จนเกิดน้ำมันทางเลือกใหม่ที่น่าลอง อาทิ น้ำมันมะกอกผสมน้ำมันคาโนล่า เป็นต้น สำหรับในบ้านเราก็มีน้ำมันทางเลือกใหม่ คือ น้ำมันคาโนล่าผสมน้ำมันทานตะวัน ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี"
ที่มา //www.naewna.com ภาพจาก //home.families.com/blog/removing-a-cooking-oil-stain
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 19:02:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 800 Pageviews. |
|
|
|
|
|