"ความสุขทางใจ"
เราควรที่จะคอยสอดส่อง
ดูการกระทำของเราอยู่อย่างต่อเนื่องว่า
วันเวลาผ่านไปๆ เรากำลังทำอะไรกันอยู่
เรากำลังทำทานกันหรือเปล่า
กำลังรักษาศีลกันหรือเปล่า
กำลังภาวนากันหรือเปล่า
เรากำลังทำอย่างอื่นหรือเปล่า
เรากำลังหาเงินหาทอง
หาลาภหายศ หาสรรเสริญ
หาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กายอยู่หรือเปล่า
ถ้าเราหา เราก็ควรที่จะหยุดหาได้แล้ว
ถ้าจะหาก็หาเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
ถ้าเรายังไม่มีทรัพย์พอที่จะเลี้ยงดูร่างกายของเรา
ด้วยปัจจัย ๔ เราก็หาทรัพย์มา
เพื่อมาเลี้ยงดูร่างกายของเรา แต่เราไม่หามาก
จนเกินต่อความต้องการของร่างกาย
เราจะไม่ไปหา ยศถาบรรดาศักดิ์
เราจะไม่ไปหา สรรเสริญการยกย่องเยินยอ
เราจะไม่ไปหาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
แต่เราจะมาหาความสุขทางใจกัน
ด้วยการทำทาน ด้วยการรักษาศีล ด้วยการภาวนา
ถ้าเราหมั่นสอดส่องดูแลพฤติกรรมของเรา
ทุกวันทุกเวลา เราจะได้ไม่หลงทางกัน
เหมือนกับถ้าเราเปิดเเผนที่ดู
เวลาที่เราเดินทางไปในที่ที่เราไม่เคยไป
ทุกครั้งที่เรามาเจอสี่แยก ทางเลี้ยว
เราก็เปิดเเผนที่ดู ว่าเราต้องไปทางไหน
ก็ถ้าเราไม่เปิดเราอาจจะเลี้ยวผิดทางไป
แล้วเเทนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทาง
เราจะไปไม่ถึง เราจะต้องเสียเวลา
วกกลับมาใหม่ มาเริ่มต้นใหม่
หรือบางทีเราอาจจะไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่า
เรากำลังไปผิดทาง อย่างนี้ยิ่งยากต่อการ
กลับมาสู่ทางที่ถูกได้
อย่างคนที่ไม่เคยฟังเทศน์ฟังธรรม
ไม่สนใจที่จะศึกษาพระธรรมคำสอน
ของพระพุทธเจ้าจะไม่รู้เลยว่า
ภารกิจของตนที่เป็นประโยชน์กับตน
อย่างแท้จริงนั้นเป็นอะไร ก็จะหลงคิดว่า
สิ่งที่ควรจะหากันในโลกก็คือ ลาภยศสรรเสริญ
หาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กายกัน
อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้
คนส่วนใหญ่นี้จะทุ่มเทชีวิตจิตใจ
ให้กับการหาสภยศสรรเสริญ
หาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
โดยไม่เคยคิดเลยว่า จะต้องสูญเสียสิ่งต่างๆ
ที่หามาได้นี้ไปหมด
เมื่อเวลาที่ร่างกายนี้ตายไปแล้ว
เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นร่างกาย เขาเป็นใจ
เขาคิดว่าเขาเป็นร่างกาย พอร่างกายนี้ตายแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างก็หมด
ตัวเขาเองก็หมดไปกับร่างกาย
จึงทำให้เขาต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจ
ให้กับการหาลาภยศสรรเสริญ
หาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย
เพราะเป็นความสุขทางเดียว
ที่เขาสามารถจับต้องได้เห็นได้
เพราะเขาไม่เคยได้สัมผัสจับต้อง
กับความสุขทางใจนั่นเอง.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
................................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ