Group Blog
All Blog
<<< “ธรรมะโอสถ” >>>









“ธรรมะโอสถ”

อย่าปล่อยให้ใจเราปราศจากสติ

ให้มีสติคุ้มครองควบคุมจิตใจควบคุมความคิด

 อย่าปล่อยให้ใจเราคิดเลยเปื่อย ให้เราหยุดคิด

 คิดเท่าที่จำเป็น คิดกับเรื่องที่เราต้องจำเป็น

จะต้องคิดเท่านั้น เรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องคิดก็อย่าไปคิด

 แล้วใจเราจะได้สงบ ถ้าเรามีสติ

เราก็จะควบคุมความคิดได้

แล้วถ้าเราอยากจะให้จิตสงบนิ่งสงบอย่างเต็มร้อย

 เราก็ต้องนั่งเฉยๆ นั่งหลับตา ร่างกายต้องนิ่งก่อน

ใจจึงจะนิ่งได้ ถ้าร่างกายยังมีการเคลื่อนไหวอยู่

 ใจจะนิ่งไม่ได้เต็มร้อย ดังนั้นถ้าเราต้องการให้จิตสงบ

รวมเป็นสมาธิเต็มร้อยเป็นบ้านสมบูรณ์

 เราต้องนั่งหลับตานั่งขัดสมาธิหลับตา

แล้วก็บริกรรมพุทโธๆ ไปเรื่อยๆ

อย่าปล่อยให้ใจไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้

ถ้าเราไม่ชอบบริกรรมเราใช้การดูลมหายใจเข้าออกก็ได้

 เพ่งอยู่ที่ปลายจมูกดูลมที่เข้าไปดูลมที่ออกมา

 แล้วใจของเราก็จะรวมเข้าสู่ความสงบได้ในที่สุด

 พอสงบก็แสดงว่าเราได้สร้างบ้านขึ้นมาสมบูรณ์แล้ว

 เวลามีความทุกข์ความวุ่นวายใจ

เราก็หลบเข้าไปในบ้านได้ทันที

ด้วยการไปหามุมสงบบริกรรมพุทโธๆ ไป

 ความวุ่นวายใจนี้นี่แหละที่เรียกว่า

เป็นความไม่สบายใจเป็นโรคของใจ

ถ้าเราต้องการที่จะกำจัดความวุ่นวายใจอย่างถาวร

 เราต้องใช้ยารักษาโรคของใจคือปัญญา

ถ้าเราใช้สมาธินี้เป็นเพียงเป็นที่หลบเท่านั้นเอง

 แต่เรายังไม่สามารถกำจัดความทุกข์ความวุ่นวายใจ

ที่เป็นโรคของใจได้อย่างถาวร

ถ้าเราอยากจะกำจัดโรคของใจ

ให้หมดไปได้อย่างถาวรนี้เราต้องใช้ปัญญา

 ปัญญาที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ

ที่ได้ทรงตรัสรู้ที่ได้เห็นว่าความไม่สบายใจของเรานี้

เกิดจากเชื้อโรคของใจ เชื้อโรคของใจก็คือ

ความอยากต่างๆ สามประการ

ความอยากในรูปเสียงกลิ่นรส ความอยากมีอยากเป็น

 และความอยากไม่มีอยากไม่เป็น

อันนี้เป็นตัวที่ทำให้ใจเราไม่สบาย

ถ้าเราอยากจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

หายจากความไม่สบายใจ

โดยที่ไม่ต้องไปหลบเข้าไปในบ้าน

 เราก็ต้องใช้ปัญญามากำจัด เราต้องใช้ธรรมะโอสถ

 ปัญญาคือธรรมะโอสถ เป็นยารักษาโรคใจ

 ค้นหาสาเหตุเวลาเราไม่สบายใจ

 ถามเราว่าตอนนี้เราไม่สบายใจเพราะอะไร

เราอยากได้อะไรใช่ไหม เราอยากให้สิ่งนั้นสิ่งนี้

เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ใช่ไหม

แล้วมันเป็นได้หรือเปล่า ถ้าเป็นไม่ได้

ก็อย่าไปอยากให้มันทุกข์ไปเปล่าๆ เลย

 เช่นเวลาเราไม่สบายก็อยากจะให้มันหาย

หรือเวลาเราดีเราก็อยากไม่ให้มันไม่สบาย

 ร่างกายเราตอนนี้สบาย พอไปคิดถึงโรคภัยไข้เจ็บ

ก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาทันที เป็นเพราะอะไร

 ก็เพราะเราอยากไม่ให้มันไม่สบายนั้นเอง

แต่โรคร่างกายนี้มันหนีพ้นไหม

จากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

มันหนีไม่พ้น มันจะต้องเจอ

 ก็อย่าไปอยากให้มันไม่เจ็บเลย

ต้องยอมรับว่ามันต้องเจ็บ

 แล้วเราจงหยุดความอยาก

ให้มันไม่เจ็บเสีย แล้วเราจะสบายใจ

 เวลาร่างกายเจ็บหรือไม่เจ็บ

เราจะไม่ทุกข์เราจะไม่เดือดร้อน

 ถ้าเรายอมรับความจริง

ว่าร่างกายมันต้องเจ็บไข้ได้ป่วย

 ร่างกายมันต้องตาย

ฉะนั้นความไม่สบายใจของเรา

เกิดจากความอยากของเราเอง

อยากไม่แก่ อยากไม่เจ็บ อยากไม่ตาย

ทั้งๆ ที่ตอนนี้ยังไม่ทันแก่เลยยังไม่ทันเจ็บเลย

ยังไม่ทันตายเลย เพียงแต่คิดถึง

ความแก่ความเจ็บความตาย

ก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว

 เราสามารถกำจัดความไม่สบายใจเหล่านี้ได้

เพราะสาเหตุที่ทำให้เราไม่สบายใจก็คือ

ความอยากของเรานั่นเอง

 ความอยากไม่แก่อยากไม่เจ็บอยากไม่ตาย

 พอเรายอมรับความจริง

ว่ามันต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย

 อยากไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

 อยากไปก็เท่ากับเอาเชื้อโรคมาใส่ร่างกาย

ทำให้ร่างกายไม่สบาย

 เหมือนกับเอาเชื้อโรคมาใส่ใจ

มาใส่ใจทำให้ใจไม่สบาย

ความอยากนี้เป็นเชื้อโรคของใจ

 ฉะนั้นเราต้องหยุดความอยากทุกรูปแบบ

ทั้งสามรูปแบบนี้ให้ได้ ถ้าเราหยุดมันได้แล้ว

ความไม่สบายใจของเราจะหายไปหมด

 ใจของเราจะมีแต่ความสุขไปตลอด.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.................................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

“หาปัจจัย ๔ ให้กับใจ”






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 16 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2560 10:22:57 น.
Counter : 554 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ