"นิพพาน"
การเกิดแก่เจ็บตายนี้ จะไม่มีวันสิ้นสุด
ตราบใดที่มีความอยากทั้งสามนี้
คือความอยากในรูปเสียงกลิ่นรส
ความอยากมีอยากเป็น ความอยากไม่มีอยากไม่เป็นนี้
ยังไม่ได้ถูกกำจัดให้หมดไปจากใจ
เราจึงต้องมาบำเพ็ญธรรมขั้นสูงสุดคือขั้นวิปัสสนา
ขั้นปัญญา ถึงจะสามารถกำจัดความอยากต่างๆ
ให้หมดไปจากใจได้ ยุตติการเวียนว่ายตายเกิดได้
ยุติความทุกข์ที่ทำให้เราต้องหลั่งน้ำตา
มากยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรได้
ต้องหยุดที่ความอยากทั้งสามประการนี้
แต่ก่อนที่เราจะขึ้นไปสู่ขั้นปัญญาได้เราก็ต้องไต่เต้าขึ้นไป
เหมือนกับการเรียนหนังสือ เรียนหนังสือก็ต้องเริ่มต้น
จากขั้นนุบาล แล้วก็ขยับขึ้นสู่ขั้นประถม ขั้นมัธยม
ถึงจะขึ้นสู่ขั้นอุดมศึกษา ขั้นปริญญาได้
ปัญญานี้ถือว่าเป็นขั้นระดับปริญญา เป็นระดับอุดมศึกษา
ก่อนจะขึ้นสู่ขั้นอุดมศึกษาได้ก็ต้องขึ้นไปสู่ขั้นมัธยมก่อน
ขั้นมัธยมก็คือขั้นสมาธินี้เอง ก่อนจะเข้าสู่ขั้นสมาธิได้
ก็ต้องผ่านขั้นศีล ๘ ไปก่อน ศีล ๘
หรือศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ ไปก่อน
แล้วก่อนที่จะขึ้นสู่ขั้นศีล ๘ ได้ ก็ต้องผ่านขั้นศีล ๕ ไปก่อน
แล้วก่อนที่จะรักษาศีล ๕ ได้
ก็ต้องผ่านการทำบุญทำทานไปก่อน
เพราะถ้าเราไม่ทำบุญทำทานนี้เราจะไม่มีความเมตตา
เราจะมีแต่ความโลภ ความอยากได้เงินได้ทอง
ได้ข้าวได้ของได้สิ่งต่างๆ เราก็อาจจะทำบาปกัน
เพราะว่าถ้าเราไม่สามารถหาได้โดยวิธีไม่ทำบาป
เราก็จะทำบาปกัน
แต่ถ้าเราทำบุญทำทานได้เราจะมีความเมตตา
มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
ก็จะทำให้เราไม่อยากจะทำบาป
คนที่ทำบุญนี้จะไม่ชอบทำบาป
ก็จะทำให้รักษาศีล ๕ ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ได้ทำบุญ
คนไม่ทำบุญนี้มักจะไม่รักษาศีลกัน
แต่คนที่ทำบุญแล้วนี้จะรักษาศีลกันได้
ถ้ารักษาศีล ๕ ได้ เดี๋ยวก็ขยับเพิ่มเป็นศีล ๘ ได้
ตอนต้นก็ต้องรักษาศีล ๕ ไปก่อน
เพราะวันพระก็มาลองรักษาศีล ๘ ดู
พอรักษาศีล ๘ ได้ ก็จะมีเวลามาฝึกนั่งสมาธิได้
พอนั่งสมาธิได้ใจมีความสุข
ก็อยากจะรักษาศีล ๘ ให้มากขึ้น
ก็จะรักษาเพิ่มจากอาทิตย์ละวันเป็นสองวันบ้างสามวันบ้าง
หรือเพิ่มเป็นตลอดเวลาเลยก็ได้ ออกบวชเลยก็ได้
เพราะเห็นประโยชน์ของการรักษาศีล
ว่าเป็นการสนับสนุนในการมานั่งสมาธิทำใจให้สงบ
พอนั่งสมาธิได้ ก็จะพบกับความสุข
ที่เหนือกว่าความสุขที่ได้จากการไปหาลาภยศสรรเสริญ
ไปหารูปเสียงกลิ่นรสมาเสพ
ก็จะทำให้ก้าวขึ้นสู่ขั้นวิปัสสนาได้
เมื่อเห็นว่าการหาลาภยศสรรเสริญ
หารูปเสียงกลิ่นรสนี้มันเป็นการหาความทุกข์
เพราะความสุขที่ได้มันเป็นความสุขชั่วคราว
ได้มาแล้วเดี๋ยวมันก็ต้องหมดไปต้องจากกันไป
เวลาหมดไปจากกันไปความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่
แต่ถ้าเรามีความสุขจากความสงบจากการนั่งสมาธิ
เราก็จะฝืนความอยากได้ เราจะไม่เดือดร้อน
เราก็จะหยุดความอยาก เพราะเราเห็นว่า
การกระทำตามความอยากนี้เป็นการสร้างความทุกข์
สร้างการเกิดแก่เจ็บตาย เราก็จะหยุดมัน
พอเราหยุดมันได้ ใจเราก็จะไม่มีเหตุ
ที่จะมาพาให้เรามาเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป
ไม่มีเหตุที่จะทำให้เราต้องทุกข์อีกต่อไป
ใจของเราก็จะสุขไปตลอดเวลา ไม่มีวันสิ้นสุด
คือใจของพระพุทธเจ้าใจของพระอรหันต์
ท่านได้พัฒนาจากขั้นต่ำคือขั้นทานสู่ขั้นศีล
สู่ขั้นสมาธิและสู่ขั้นปัญญา
ใจของท่านก็เลยเป็นนิพพานไป
พลิกจากการเป็นสังสารวัฏ
ใจที่เวียนว่ายตายเกิดมาเป็นใจ
ที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
เรียกว่าพระนิพพาน.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..........................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๐
"การพัฒนาชีวิต"
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ