เก่งหาธรรมะดีกว่า
การเก่งหาเงินนี้มันไม่ดีหรอก
เก่งหาเงินสู้เก่งหาธรรมะดีกว่า
เก่งหาเงินนี้เท่ากับเก่งหาความทุกข์
เพราะเงินนี้มันเป็นทุกข์ เดี๋ยวหามาได้แล้วเกิดหายไป
ถูกคนเขาโกงไป หรือหามาแล้ว
ก็เอาไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย เดี๋ยวมันก็หมดไป
ฉะนั้นเราต้องใช้เหตุผลในการทำอะไรต่างๆ
การที่เราทำงานหาเงิน
ก็เพื่อจะได้มีอะไรมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเรา
ถ้าเราหาได้มากก็ถือว่าเราโชคดีดีกว่า
อย่าไปคิดว่าเราเก่ง แล้วหาได้มาก
เราก็จะได้เก็บเอาไว้มาก
แล้วเราจะได้หยุดทำงานหยุดหาได้
เพื่อเราจะได้เอาเวลาไปหาธรรมะ
เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้
ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์
จากความเครียดได้ นอกจากธรรมะ
สิ่งอื่นๆ จะทำให้เราเครียดมากขึ้น
เครียดกับเงินใช่ไหม พอต้องเกี่ยวข้องกับเงิน
ก็เครียดกับเงิน ถ้ามีแฟนก็ต้องเครียดกับแฟน
มีอะไรก็ต้องเครียดกับสิ่งที่เรามี
ฉะนั้นเราไม่ต้องการจะมีสิ่งเหล่านี้
แต่การที่เราจะไม่มีสิ่งเหล่านี้ได้เราก็ต้องมีธรรมะ
เพราะถ้ามีธรรมะมันจะทำให้ใจเราอิ่ม ใจเราสุข
ใจเราอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีสิ่งต่างๆ
ดังนั้นเราควรที่จะพุ่งเป้าไปที่การหาธรรมะ
ไม่ใช่ไปการหาเงิน แต่ถ้าเป็นผู้ชายนี่ก็ไปบวชเลย
เพื่อจะได้หาธรรมะได้เต็มที่
อย่างเราเมื่อก่อนเราก็หาเงินเหมือนกัน
ทำงานหาเงิน หามาก็ใช้ไป
เงินออกปั๊บใช้หมดก็ต้องหาใหม่
ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ เพราะของที่ใช้เราซื้อ
นี่มันเยอะเหลือเกิน
แล้วพอได้มาอ่านหนังสือธรรมะ
สอนให้รู้จักนั่งสมาธิให้หาความสุขจากการนั่งสมาธิ
พอลองนั่งดูแล้วก็สัมผัสกับความสุข
ก็เห็นว่าเอ๊ะวิธีนี้มันดีกว่าหาเงิน มันไม่เหนื่อย
นั่งเฉยๆ สบายจะตายไป
นั่งเฉยๆ แล้วก็ควบคุมความคิดให้ได้
บังคับใจให้จดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เช่นนั่งถ้านั่งสมาธิก็นั่งดูลมไป ดูลมเฉยๆ
สบาย ตายไป แล้วใจสงบก็มีความสุข
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..................................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ