"เราต้องมีบารมีธรรม"
ชีวิตของพวกเราก็เป็นเหมือนเรือ
ที่ลอยอยู่ในกลางทะเล ถ้าเราไม่มีพาย ไม่มีใบ
ไม่มีหางเสือหรือไม่มีเครื่องยนต์
เรือมันก็ต้องไหลไปตามกระแสน้ำกระแสลม
มันก็จะลอยอยู่ในทะเลไปเรื่อยๆ
โอกาสที่มันจะไปขึ้นฝั่งนี้ ก็คงจะยาก
แต่ถ้าเรามีหางเสือ มีใบหรือมีพาย
หรือมีเครื่องยนต์ไว้ควบคุมบังคับเรือ
เรือมันก็สามารถที่จะไปสู่ จุดหมายปลายทาง
ที่เราต้องการจะไปได้ เช่นขึ้นฝั่ง
ถ้าเราต้องไปขึ้นฝั่งถ้าเราไม่มีอะไร
เราลอยคออยู่กลางทะเล ไม่มีใบ ไม่มีหางเสือ
ไม่มีพายก็ทำอะไร ก็ต้องปล่อยให้มันไหลไป
ตามกระแสลมกระแสน้ำ ลมก็พัดไปพัดมา
น้ำมันก็พัดไปพัดมา
โอกาสที่มันจะพัดขึ้นฝั่งนี้แทบจะไม่มี
ดังนั้นชีวิตของเราก็เหมือนกัน
ถ้าเราไม่มีอะไรควบคุมจิตใจของเรา
ปล่อยให้มันเป็นไปตามอารมณ์
ความรู้สึกนึกคิด อยากจะทำอะไรก็ทำ
ไม่อยากจะทำก็ไม่ทำ มันก็จะพาให้เราวนไปวนมา
อยู่ในวัฏฏะ แห่งการเวียนว่ายตายเกิด
เพราะส่วนใหญ่ความอยากของเรา
อารมณ์ของเรามันจะให้เรา
ไปหาของที่มีอยู่ ในกลางทะเล
มันจะไม่พาให้เราไปขึ้นฝั่งนั่นเอง
ฝั่งที่พูดถึงนี้ก็คือพระนิพพาน
การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
การที่เราจะเอาจิตใจของเราที่เป็นเหมือนเรือนี้
ให้ไปสู่ฝั่งของพระนิพพานได้
เราก็ต้องมีเครื่องบังคับเรือ
เช่นจะเป็นเครื่องยนต์ก็ได้ หรือเป็นใบ
สมัยก่อนสมัยโบราณก็ใช้ใบใช้หางเสือหรือใช้พาย
ก็สามารถที่จะควบคุมบังคับเรือให้ไปสู่ฝั่งได้
ถ้าจิตใจของพวกเราไม่ต้องการที่จะปล่อย
ให้มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารไปเรื่อยๆ
เราก็ต้องมีเครื่องมือ เครื่องมือนี้ก็คือธรรม
ธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญ เรียกว่า บารมี
บารมีนี้แหละที่ทำให้พระทัยของพระพุทธเจ้า
ได้ไปถึงพระนิพพาน
ถ้าพวกเราอยากจะไปพระนิพพาน
เราก็ควรที่จะมาทำตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำ
คือเจริญบารมีทั้ง ๑๐ ประการ .
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..................................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ