BlogGang.com : : sirivinit :

ริบรูม แอนด์ บาร์ (RR&B) โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ

คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม โดย ปิ่นโตเถาเล็ก

อยากรู้ไหมครับว่าครอบครัวผม นับตั้งแต่บิดา คุณชายถนัดศรี พี่หมึกแดง จนมาถึงตัวผมเอง มีร้านสเต๊กที่ไหนเป็นร้านโปรดร้านประจำในดวงใจ

ขอเฉลยเลยก็แล้วกันว่าคือ "ห้องอาหารริบรูม แอนด์ บาร์ (RR&B) บนชั้น 31 ของโรงแรมแลนด์มาร์ค (Landmark) กรุงเทพฯ"

มาริบรูมแอนด์บาร์ นอกจากจะได้นั่งริมกระจกสูงโปร่งบนชั้น 31 ชมทัศนียภาพแสนสวยงามยามราตรีของกรุงเทพมหานครแล้ว ยังได้ชิมสเต๊กและอาหารฝรั่งรสเลิศ ที่คัดสรรวัตถุดิบจากทุกมุมโลก และควบคุมการปรุงทุกขั้นตอน โดยเชฟใหญ่ (หรือ Executive Chef) "ฟิลิปป์ โกดัล (Philippe Gaudal)" อีกด้วย

ห้องอาหารตกแต่งด้วยดีไซน์ทันสมัย เน้นสีแดงโทนเฟอร์รารีกับสีทองแดง มีครัวเปิดโชว์การปรุงอาหารโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ ช่วยกระตุ้นความหิวได้ชะงัด

เมนูของห้องอาหารริบรูม แอนด์ บาร์ เพิ่งมีการปรับปรุงใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ที่น่ากินอยู่แล้ว ก็ยิ่งมีความอร่อยหลากหลายยิ่งขึ้น มีหลายเมนูที่มีเรื่องราวความเป็นมา สร้างความเพลิดเพลินเจริญใจในอรรถรสเป็นทวีคูณ

อย่างเช่นเมนูกินเล่น เป็น "ไข่จากฟาร์มของเปาโล ปาริซี่ (Paolo Parisi)" จากชนบทของเมืองปิซ่า ประเทศอิตาลี ที่เป็นสุดยอดไข่ไม่เหมือนใคร ขนาดที่โน่นยังขายถึงฟองเป็นร้อยๆ บาท

ความพิเศษอยู่ที่ "ความหอมมันเข้มข้นเหมือนครีมของไข่แดง ที่มีเคล็ดลับจากการเลี้ยงแม่ไก่ด้วยนมแพะ" ในช่วงที่ฟักไข่ ขอแนะนำเมนู "ไข่เปาโลปาริซี่ (Poached Egg)"(450++) ที่ปรุงให้สุกอย่างช้าๆ ที่อุณหภูมิ 63 องศา นาน 50 นาที และเสิร์ฟมาในหม้อเหล็กโคค็อท (Cocotte) รองด้วยผัดเห็ดแชมปิญอง เบคอนกับหอมแดง ราดซอสไก่อบ โรยหน้าด้วยทรัฟเฟิล

"สลัดเศรษฐี (Millionaire Salad)"(1,500++) ชื่อนี้เหมาะมากเพราะแทบจะไม่เห็นสลัด อุดมไปด้วยของดีๆ มี "หอยนางรมซาร์สกาย่า (Tsarskaya oyster)" จากฝรั่งเศส ราดซอสโฟมส้มยูซุ กับแอปเปิลฝานเป็นเส้นๆ และเยลลี่มะนาว มี "เมนล็อบสเตอร์ (Maine Lobster)" รมควันในครอบแก้วมาหอมๆ ราดน้ำมันกุ้งล็อบสเตอร์และน้ำส้มสายชูบัลซามิคหมักนาน 25 ปี โปะด้วยไข่ปลาแซลมอนสีส้ม ปิดทองด้านบนอีกด้วย กินคู่กับเบบี้สปีนัช อย่างที่ 3 ในจานนี้ก็คือ "ตับห่านหรือฟัวกราส์กับหอยเชลล์ยูเอส" ตัวโตๆ รองด้วยมันบดทรัฟเฟิลหอมๆ

ก่อนจะชิมสเต๊กขอให้ลอง "ยำเนื้อดิบหรือลาบเนื้อดิบสูตรคลาสสิกแบบฝรั่ง บีฟทาร์ทาร์ (Beef Tartare)" ปรุงข้างๆ โต๊ะให้ชมเลย ใส่เนื้อสันในออสเตรเลีย (150-200 วัน) สดๆ สับ ปรุงรสด้วยซอสต่างๆ เช่น ซอสเปรี้ยว ซอสพริกทาบาสโก้ ใส่ไข่แดงดิบ มัสตาร์ด ต้นหอมสับ หอมแดงสับ ลูกเคเปอร์สับ และอื่นๆ อีกมากมาย รสจัดจ้านไม่คาวแม้แต่น้อย กินกับขนมปังปิ้ง Melba Toast กรอบๆ

สเต๊กที่นี่ย่าง "เตาถ่านไม้โกงกางหอมๆ" ซึ่งเมนูเนื้ออลังการต้องลอง "ชาโตบริยองสเต๊ก (Chateaubriand Steak)"(600 กรัม 4,900++) เนื้อสันในส่วนตรงกลางชิ้นใหญ่และนุ่มที่สุด ดีที่สุด เป็นที่รู้ในหมู่นักชิมสเต๊กว่า นี่คือราชันย์แห่งสเต๊ก ตั้งชื่อตามนักการทูตชื่อดังในศตวรรษที่ 19 ของฝรั่งเศส ฟรองซัว เรอเน่ เดอ ชาโตบริยอง (Francois-Rene de Chateaubriand) ที่นี่ใช้เนื้อออสเตรเลีย เลี้ยงด้วยธัญพืช 240 วัน

ตามธรรมเนียมของการลิ้มลองชาโตบริยองสเต๊ก จะมาเป็นก้อนหรือเป็นแท่งเนื้อสันในยาวๆ สำหรับกิน 2 คน แล้วแล่เป็นชิ้นๆ โตๆ ตรงขอบด้านนอกจะมีสีเข้มหอมกลิ่นย่างมาก ส่วนเนื้อข้างในสีแดงเรื่อๆนุ่มชุ่มฉ่ำเนียนลิ้นแต่ไม่มัน เสิร์ฟมาในกระทะที่รองด้วยหัวหอมผัดกับมันฝรั่ง (Lyonnaise potato gratin) ที่หวานอร่อยอย่าบอกใคร ราดด้วย Bercy sauce เคี่ยวหอมแดงกับไวน์ขาว เติมน้ำสต๊อกเนื้อ ใส่เห็ดแชมปิญอง น้ำมะนาว และทาร์รากอน

อย่าเพิ่งอิ่มถ้าไม่ได้ลิ้มลอง "เนื้อโอมิ (Ohmi)" สุดยอดเนื้อวากิวจากจังหวัดชิกะ (Shiga) เกรดสูงสุด A5 "เนื้อส่วนเซอร์ลอยน์" ที่นุ่มหอมมันจนแทบละลายในปาก (300 กรัม 6,500++)

ถ้าอยากรู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของเนื้อวัว คือได้เคี้ยวได้รู้สึกถึงความนุ่มด้วย ก็ให้สั่ง "เนื้อริบอาย (Rib Eye) ออสเตรเลีย เลี้ยงด้วยธัญพืช 400 วัน" ที่มีมันแทรก ได้เคี้ยวเนื้อนุ่มๆ อร่อยแตกต่างกับเนื้อวากิวประเทศญี่ปุ่นที่ละลายในปาก ซอสที่ควรสั่งมาคู่กับเนื้อสเต๊กต่างๆ ก็คือ "ซอสพริกไทย ซอสไวน์แดง และซอสเห็ด"

ถ้าไม่กินเนื้อให้ลอง "อกเป็ดชาลลอง (Challan duck breast )" ปรุงในถุงสุญญากาศ ให้สุกช้าๆ ที่อุณหภูมิ 70 องศา นาน 30 นาที จากนั้นนำไปทอด โรยด้วยดอกเกลือเค็มๆ หอมๆ กินคู่กับสลัดผักโขมและมันฝรั่งผัดชิ้นเล็กๆ ราดด้วยซอสเป็ดสูตรพิเศษ

ปิดท้ายด้วยขนมหวานที่ห้ามพลาดเช่นกัน อย่างเมนู "ช็อกโกแลตวาลโฮน่า (Valrhona) Sensation" ที่ทำเป็นช็อกโกแลตฟองดองท์ข้างในเยิ้มๆ รสเข้ม และเมนูใหม่เอี่ยมอ่อง "เบอร์รี่มาการองชิ้นโตๆ กับไอศกรีมชีสมาสคาร์โปเน่" ที่หอมมันมากๆ

ห้องอาหารริบรูม แอนด์ บาร์ เปิดบริการทุกวัน "เฉพาะมื้อค่ำ" ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. ณ ชั้น 31 โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ควรโทร.จองโต๊ะริมหน้าต่างก่อนเพื่อจะได้ชมวิวงดงามยามค่ำคืน ที่เบอร์ 0-2254-0404 ต่อ 3100 นะครับ

ข้อมูลร้าน

ห้องอาหารริบรูม แอนด์ บาร์ (RR&B)
โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ
ที่ตั้ง ชั้น 31 โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ เลขที่ 138 ถนนสุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0-2254-0404 ต่อ 3100

เปิดบริการ ทุกวัน เฉพาะมื้อค่ำ 18.00-22.00 น.

แนะนำ ไข่เปาโลปาริซี่ (Poached Egg) ในหม้อเหล็กโคค็อท (Cocotte) สลัดเศรษฐี (Millionaire Salad ) บีฟทาร์ทาร์ (Beef Tartare) ชาโตบริยองสเต๊ก (Chateaubriand Steak)

เนื้อโอมิ (Ohmi) เนื้อริบอาย (Rib Eye) ออสเตรเลีย อกเป็ดชาลลอง (Challan duck breast) ช็อกโกแลตวาลโฮน่า (Valrhona) Sensation เบอร์รี่มาการองชิ้นโตๆ กับไอศกรีมชีสมาสคาร์โปเน่

หน้า 15 มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2557

ขอบคุณ มติชนออนไลน์ - มติชนรายวัน
คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม
หม่อมปิ่นโตเถาเล็ก

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ

Create Date : 21 เมษายน 2557

0 comments

Last Update : 21 เมษายน 2557 10:49:16 น.

Counter : 1689 Pageviews.