“บวร อัศวมงคลไพศาล” หรือ เฮียชัย เจ้าของร้าน

พอนึกถึง อาหารเหลา แล้วละก็ คนธรรมดา เดินดิน ก็คงจะไม่อาจหาญกล้า เดินเข้าไปกิน เพราะกลัวว่า กระเป๋าอาจจะฉีกได้ หรือไม่ก็ต้องทำงานใช้หนี้กันหลายเดือนกว่าจะใช้หนี้หมด แต่ไม่ใช่ ร้าน ไต๋ตงอาหารเหลา แห่งนี้ เพราะสโลแกนของร้าน คือ “อาหารเหลา รสชาติขั้นเทพ ราคาตลาดนัด” ใครที่มีโอกาสผ่านไปย่านตลาดพุทธมณฑล สาย 2 แวะไปชิมได้

เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพมาตรฐาน

วันนี้ เรามาทำความรู้จักกับร้านไต๋ตง อาหารเหลา แห่งนี้กันก่อน “บวร อัศวมงคลไพศาล” หรือ เฮียชัย เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นทายาทรุ่นที่3ของร้านไต๋ตง สาขาแรกตั้งอยู่ปากซอยเจริญกรุง 46 หรือข้างโรบินสันบางรัก สาขานี้เปิดมา 60 ปี ตั้งแต่รุ่นอากง เมนูเลื่องชื่อที่ใครมาต้องสั่ง มีหูฉลาม กระเพาะปลา ข้าวผัดปู ผัดหมี่ฮ่องกง

จุดเด่นอยู่ที่รสชาติกลมกล่อม ราคาไม่แพง แต่ด้วยความที่อยากให้ลูกค้าย่านพุทธมณฑล สาย 2ได้มีอาหารจีนอร่อยๆ รับประทาน อีกทั้งใกล้บ้าน เลยแยกตัวออกมาเปิดอีกสาขาที่ตลาดพุทธมณฑล สาย 2 หรือตลาดสาย 2

ส่วนร้านที่สาย 2 เฮียชัย ก็ได้ยอมทุ่มทุน 3 แสนบาท เพื่อเปิดร้านแห่งนี้ เพราะเห็นว่ายังไม่มีร้านอาหารจีนแบบนี้เปิดให้บริการในย่านนี้มาก่อน และประกอบกับมองว่าคนในย่านนี้มีกำลังซื้อ พอสมควร ที่สำคัญลูกค้าต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากกินอาหารจีนอร่อยๆ เลยตัดสินใจเปิดร้านเมือประมาณ ต้นปี 2555 ที่ผ่านมา

 พอถามถึงเรื่องรสชาติ เฮียชัย การันตีความอร่อย ว่าไม่แพ้ ไต๋ตง สาขาแรก เพราะ เขาฝึกทำอาหารจีนกับอากงมาตั้งแต่เด็กๆ เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกสรรวัตถุดิบ แหล่งซื้อ ขั้นตอนการปรุง เรียกว่ารู้ทุกกระบวนทุกเมนูอย่างละเอียด เฮียชัย บอกว่า ถ้าไม่อร่อยจริงสาขาแรกไม่เปิดมายาวนาน60กว่าปี โดยยึดจุดขาย เน้นคุณภาพระดับภัตตาคาร แต่ขายในราคาตลาดนัด เช่นเดียวกันทั้ง 2 สาขา ตรงจุดนี้ทำให้ ร้านไต๋ตงสามารถครองใจ ลูกค้ามาได้จนถึงทุกวันนี้

สำหรับคุณภาพระดับภัตตาคารที่เฮียชัย พูดถึง เขายกตัวอย่างว่า “หูฉลาม” ทางร้านใช้ หูฉลามแท้ เคี่ยวกันหม้อต่อหม้อ เสิร์ฟขณะที่ร้อนแบบเดือดปุด ๆ มาในหม้อดินกินกับจิ๊กโฉ่ว “ผัดหมี่ฮ่องกง” ใช้เส้นหมี่สั่งตรงจากฮ่องกง เส้นเหนียวนุ่มหนึบ

จานนี้ครบเรื่องทั้งเห็ดหอม เนื้อปู แฮม และถั่วงอก สำหรับคนรักเส้นไม่ควรพลาด ส่วน“ข้าวผัดปู” ทางร้านเลือกใช้ปูก้อนเนื้อแน่นๆ ไม่ใช่เศษเนื้อปู “กระเพาะปลาผัดแห้ง” ใช้เนื้อกระเพาะปลาแท้ไม่ใช้หนังหมู ผัดแห้งกำลังดีกับไข่ และถั่วงอก เสิร์ฟมาในจานใบใหญ่

เมนูยอดนิยมของทางร้าน

“หูฉลาม” ที่ดี เจ้าของร้าน บอกว่า เนื้อจะนิ่ม กรุบกรอบ เป็นแผ่นไม่เละ ส่วน “กระเพาะปลา” เลือกใช้กระเพาะปลาแท้ชิ้นใหญ่ นุ่มลิ้น มีเทคนิคก่อนนำมาปรุงจะนำไปทอดก่อน ด้าน “เนื้อปู” เลือกใช้เฉพาะเนื้อปูก้อนจะมีความสด เคี้ยวหนืบ รสชาติอร่อยกว่าเนื้อปูธรรมดา “กุ้ง” เลือกใช้แต่เฉพาะกุ้งแชบ๊วย เนื้อแน่น ตัวโต

“หมูแฮม ไส้กรอก” ใช้แต่ยี่ห้อบีลัคกี้ วัตถุดิบทั้งหมดนี้ ทางร้านสั่งจากเยาวราชเท่านั้น และลูกค้าเชื่อใจได้ว่าทุกครั้งที่มากินจะได้รสชาติที่เหมือนเดิม เพราะเฮียชัยลงมือทำด้วยตัวเอง และทางร้านใช้การชั่งตวงส่วนผสมเครื่องปรุง เพื่อให้ทุกเมนูไม่มีข้อผิดพลาด

สำหรับผลตอบรับ เจ้าของร้านบอกว่า เหนือความคาดหมาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้สื่อประชาสัมพันธ์ใดๆ เพียงแต่ขยันเรียกลูกค้าเข้าร้านด้วยตัวเอง จัดหน้าร้านสะอาดสะอ้าน นำวัตถุดิบคุณภาพดีมาวางโชว์ให้ลูกค้าได้เห็น ปรุงสดๆ ที่หน้าร้าน ซึ่งผลตอบรับที่ได้ เหลือเชื่อว่า ขายดีตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน และขายดีมาจนวันนี้ รายได้แต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท

       ทั้งนี้ คงอยากจะรู้แล้วว่า ราคาที่บอกว่าตลาดนัดนั้นราคาเท่าไรกัน เริ่มจาก กระเพาะปลาหม้อดิน หม้อละ 60 บาท ข้าวผัดแฮม จานละ 60 บาท กระเพาะปลาผัดแห้งทรงเครื่อง จานแปล จานละ 300 บาท ข้าวผัดปูก้อน ( ก้อนโตคัดพิเศษ ) จานละ 100 บาท ข้าวผัดกุ้งจานละ 70 บาท หมี่ผัดฮ่องกง ( แฮม ) จานละ70บาท หมี่ผัดฮ่องกง (กุ้ง) จานละ 80 บาท เป๋าฮื้อน้ำแดง หม้อละ300-500 บาท หูฉลามหม้อละ 500 บาท และผัดเป๋าฮื้อทรงเครื่องจานละ 500 บาท

       ขายราคาสบายกระป๋อง ในขณะที่วัตถุดิบใช้ของคุณภาพดี คำถามที่ตามมา คือ ทำได้อย่างไร? เฮียชัย ให้คำตอบว่า แม้จะขายได้กำไรน้อย แต่เน้นขายในปริมาณมาก รวมถึง แหล่งซื้อวัตถุดิบจากขาประจำได้ราคาพิเศษ ค่าเช่าสถานที่ไม่สูงมาก ทำให้โดยเฉลี่ยแล้ว ช่วยให้สามารถขายของดีได้ในราคาไม่แพง

กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาอุดหนุน มีทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น นักศึกษา วัยทำงาน คนสูงอายุ แต่ส่วนมากที่มากินมักเป็นกลุ่มครอบครัว พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูกหลาน ส่วนเมนูขาย ได้แก่ หูฉลาม กระเพาะปลา ข้าวผัดปู ผัดหมี่ฮ่องกง กระเพาะปลาผัดแห้ง ไข่เจียวปู

ด้วยไอเดียอิ่มอร่อยสุดหรูได้ในราคาสบายกระป๋องโดนใจดังกล่าว กิจการเลยไปโลด
โทร. 08-5649-8823