Eiam Love The Earth “วรรษพร วัฒนากุล”


“เอี๊ยม วรรษพร วัฒนากุล” สาว สวยวัย 23 ปี สัดส่วน 32-26-36 ส่วนสูง 170 เซนติเมตร ดีกรีบัณฑิตจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความสวยของเธอถูกการันตีด้วย ชื่อตำแหน่งสุดเก๋ Miss Water หรือ รองอันดับ 2 บนเวทีประกวด Miss Earth 2010 เวทีที่ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยโด่งดังมากนัก ทว่าแฝงด้วยสาระเพื่อให้สาวงามได้เป็นทูตในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ด้วยบุคลิก รูปร่าง หน้าตา ความร่าเริง แลดูเป็นมิตร ที่มีรอยยิ้มและปฏิภาณไหวพริบในแบบสาวไทย ทำเอาชนะใจกรรมการและสาวงามจากอีก 80 ประเทศที่เข้าร่วมประกวดมาได้ นอกจากรางวัล รองอันดับ2 แล้วเธอยังคว้ารางวัล มิสโฟโตเจนิก รวมถึงติด1 ใน 5 ของชุดราตรีที่สวยงามอีกด้วย




สามใบเถา

จากเด็กสาวที่เติบโตในจังหวัดเชียงราย คุณพ่อและคุณแม่รับราชการครู เอี๊ยมเป็นลูกสาวคนที่สามของครอบครัว โดยอายุห่างจากพี่สาวคนโตถึง 14 ปี และพี่สาวคนกลาง 10 ปี การที่เธอมีพี่สาวที่อายุห่างกันมาเป็นลูกสาวคนเล็ก ทำให้พี่สาวทั้งสองเปรียบได้กับแม่คนที่สองของเธอ

“เวลาไปไหนมาไหนกับพี่สาว หลายคนจะมองว่าเขาเป็นแม่เรา ไปตลาดก็คิดว่าเราเป็นลูก เราต้องคอยบอกว่าไม่ใช่ค่ะเป็นน้องสาว”

ถึงอายุจะห่างกันมาก ความสัมพันธ์ของสามสาวพี่น้องก็ยังคงสนิทและรักกันมาก พี่สาวจะคอยเข้ามาดูแลเธอตลอด เมื่อพี่คนโตย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศ เอี๊ยมก็ได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดม ได้ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวคนกลาง เอี๊ยมย้ำว่าพี่สาวคนกลางยิ่งเป็นเหมือนแม่คนที่สองเข้าไปใหญ่ ทั้งดูแล ส่งเสียจนกระทั่งเธอเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน เอี๊ยมการันตีด้วยน้ำเสียงมั่นใจกลั้วเสียงหัวเราะว่า เป็นสาวสวยทั้งบ้าน ไม่ว่าจะพี่หรือน้องก็สวยหมดทุกคน ความสวยของสาวบ้านนี้จึงทำให้คุณพ่อทั้งรักทั้งหวง โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็ก

“หลังจากพี่ๆ ก็ประสบความสำเร็จกันไปหมดแล้ว หนูเองก็มาอยู่กรุงเทพฯ ด้วย คุณพ่อ คุณแม่ก็อยู่ที่เชียงราย มาอยู่กับพี่สาวก็เหมือนเป็นแม่ จะคอยดูแล คุณพ่อหวง ไม่อยากให้มีแฟน ไม่อยากให้มีตอนเรียน เราก็เชื่อฟัง เรียนไปก่อน พอเรามาทำงานตรงนี้ มีคนรู้จักเรา ก็ต้องระวังตัว พ่อก็สอน เหมือนสุภาษิตสอนหญิง พอเรามาทำงานก็ไม่ค่อยเข้ามายุ่งกับเรามาก พอเราเรียนจบ ก็ปล่อยๆ เราก็ดูแลตัวเองได้ เขาก็ไว้ใจมากขึ้น”

“ถึงจะเป็นลูกสาวคนเล็กเราก็ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองนะ เพราะว่าเราก็ค่อยเรียนรู้ไป แม่ก็ไม่ได้เลี้ยงแบบตามใจมาก ไม่ใช่ว่าอยากจะได้อะไรก็ต้องได้ มีห้ามเหมือนกัน เลี้ยงดูมาตามปกติของเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง การดำเนินชีวิตก็เรียบๆ ไม่เหมือนเด็กเมืองกรุง”

“ชีวิตที่ต่างจังหวัดก็จะซนตามประสาเด็ก แต่ก็อยู่ในระเบียบ คุณพ่อคุณแม่เป็นครูด้วย ท่านก็จะคอยสอน แต่ก็ไม่มาก แต่จะได้ซึมซับมาเอง เพราะแม่คอยเป็นแบบอย่างมาตลอด แม่เป็นครูเราเป็นลูกครูก็ต้องทำตัวที่ดีเป็นแบบอย่าง ต้องเป็นเด็กดีนะ”




เวทีเด็กน้อย สู่เส้นทางบันเทิง

การเริ่มต้นขึ้นสู่เวทีประกวดของสาวสวยรวยเสน่ห์อย่างเธอ เริ่มต้นจากการที่คุณแม่พาไปร่วมงานต่างๆ ทั้งพาไปฟ้อนไปรำ แสดงบนเวทีตามเวทีประกวดต่างๆ จนได้ร่วมเข้าประกวดเวที “หนูน้อยนพมาศ”
เธอจำได้ว่าการประกวดหนู น้อยนพมาศในครั้งแรก คล้ายว่าบนเวทีมีการประกวดกันอยู่ เมื่อคุณแม่ได้พาไปร่วมงาน ความรู้สึกของเธอก็นึกอยากจะร่วมประกวดขึ้นมา คุณแม่จึงทำการแต่งตัวแปลงโฉมให้เด็กสาวตัวเล็กกลายเป็นหนูน้อยนพมาศ

“ในงานนั้นอยู่ดีๆ ก็อยากขึ้นไปร่วม คุณแม่ก็จับแต่งองค์ทรงเครื่อง จำได้เลยว่าตอนนั้นลูกโป่งติดผม เดินไปก็ต้องคอยแกะลูกโป่งไป แต่จำไม่ได้ว่าได้ที่สองหรือที่สาม แต่ก็ได้ของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ กลับมาค่ะ”

หลังการประกวดเวทีหนูน้อยนพมาศในวัยเด็ก เธอได้ห่างหายไปจากการเวทีประกวด จนกระทั่งมาสู่โครงการค้นหาผู้ประกาศหน้าใหม่ และรายการเส้นทางบันเทิง กลายเป็นก้าวแรกที่ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยการติดอันดับ 1 ใน 7 จากการค้นหาผู้ประกาศหน้าใหม่

“เราก็ชอบงานผู้ประกาศบ้างแล้ว แต่ว่าตอนนั้นยังไม่ค่อยเก่ง แต่พอได้ฝึกฝน ได้ลองก็เริ่มทำได้ดีขึ้น ชอบดูพี่ที่เขาเคยเป็นพิธีกรบ่อยๆ ก็จะชอบ ครั้งแรกที่เป็นผู้ประกาศ ตื่นเต้นมาก ในรายการเส้นทางบันเทิงครั้งแรก คู่กับพี่ที่เป็นพิธีกร ดารา มาก่อน ก็จะรู้สึกเกร็งนิดหนึ่ง นานไปก็มีคนคอยแนะนำมากขึ้น พี่ดู๋ก็คอยแนะนำ ก็ปรับตัวพัฒนาตัวเอง ตอนนี้ก็ทำรายการ เส้นทางบันเทิง หมอชิต ติดจอ ข่าวผู้เยาว์”




เส้นทางบันเทิง สู่ เวทีนางงาม

การได้รับโอกาสก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ทำให้มีคนเห็นแววความสวยของเอี๊ยม และชักชวนมาให้ประกวดเวที มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2010 ทว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนชักชวนให้เธอมาประกวด แต่เธอบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะประกวดบนเวทีใหญ่

“ จริงๆ ก็มีคนมาชวนหลายปีแล้วล่ะ แต่เอี๊ยมก็กลัว หรือไม่กล้า เราอยากจะเรียนก่อน พอเรียนจบ ก็มีพี่ๆ เริ่มมาชวน ให้มาลอง ที่บ้านก็เริ่มสนับสนุน เราคิดว่าเรียนจบแล้วก็เลยลองดู”

“ชอบนะค่ะ ตอนแรกไม่ได้อยากประกวดเลยนะ แต่พอมาช่วงตอนเก็บตัวก็มันมากๆ สนุกดีค่ะ เพื่อนๆ แบบว่าสนุกสนาน ได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ อีก 44 สาว แต่ละคนก็จะต่างกันออกไป มีเคล็ดลับความงาม อะไรหลายอย่างมาแชร์กัน ก็สนุก มีช่วงที่ได้ซ้อมเต้น สนุกค่ะ ได้มีการแสดงบนเวที ทุกคนจะสนุกกัน หนูก็ชอบเต้นนะ แต่ไม่ได้เต้นเก่งมากมายอะไรนัก ไม่เคยไปเรียนนะ ก็อาศัยดูแล้วก็ซ้อมเอาบ้างค่ะ เต้นได้ ลองคิดท่าตัวเอง เพื่อนๆ ก็รักกันดี ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ ”

การประกวดบนเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์ส 2010 ฉายแววให้เอี๊ยมได้รับรางวัลรองอันดับหนึ่งไปครอง ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ได้รับรางวัลอันดับ 1 ในการประกวดครั้งนี้ไปครอง

ทว่า เมื่อการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ครั้งนี้ผ่านไป แต่การดำรงตำแหน่งรองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ก็ยังส่งผลให้เธอต้องปฏิบัติหน้าที่ในการประกวด Miss Earth 2010 เพื่อเฟ้นหาสาวงามที่มีใจรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ประเทศเวียดนาม




Miss Earth ประสบการณ์สุดประทับใจ

เมื่อได้เป็นตัวแทนของสาวไทยเพื่อไปประกวด Miss Earth 2010 การได้เตรียมตัวก่อนเข้าร่วมการประกวดเป็นประสบการณ์ที่ได้อย่างมาก ในการช่วยปลูกฝังให้ทุกคนร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เอี๊ยมบอกว่าการเตรียมตัว เพื่อไปประกวดซึ่งต้องมีการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อม เตรียมตัวทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ที่สำคัญต้องมีการเตรียมความพร้อมในการตอบคำถาม เพื่อให้มีความรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อม และการได้เข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ในการเก็บภาพเพื่อส่งเป็นโปรไฟล์ไปในการประกวดด้วย

ประสบการณ์ในการประกวดครั้งนี้มีสาวงามที่เข้าร่วมประกวดจากทั้งสิ้น 84 ประเทศทั่วโลก เมื่อสาวงามจากต่างบ้านต่างเมืองต่างภาษามาอยู่ร่วมกัน จึงต้องมีการปรับตัวให้เข้ากันเพื่อใช้ชีวิตและทำกิจกรรมร่วมกันตลอดเวลา

สำหรับเอี๊ยมเรื่องการสื่อสารเห็นว่าจะไม่ใช่ปัญหา และการปรับตัวให้เข้ากับผู้คนก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ เพราะในช่วงที่เธอเรียนมัธยมฯ เธอได้รับโอกาสในการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา

“ภาษาอังกฤษหลังจากที่ได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกลับมากไทยก็ไม่ ค่อยได้ใช้เลยค่ะ พอมาทำหน้าที่นี้ก็ค่อยๆ ฟื้นความทรงจำ สนุกดีค่ะ ถ้าเราเคยมาแล้วก็ไม่ยากค่ะ”

“การประกวดครั้งนี้เขาจะดูหลายอย่างทั้งรูปร่างหน้าตา ปฏิภาณไหวพริบ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เราเตรียมมา ดูที่การสื่อสารของเราด้วย เพราะถ้าเราได้เป็นมิสเอิร์ธ เราก็ต้องไปเดินทางเพื่อพบปะกับผู้คนต่างประเทศมากมาย ต้องพูดต้องสื่อสาร บนเวที กรรมการจะดูเรื่องพื้นฐานการสื่อสารของเราด้วยค่ะ ว่ามีหรือเปล่า แล้วก็เราโชคดีที่ได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ได้มีการสื่อสารมากขึ้น ที่ดี อีกทั้งได้มีโอกาสเข้าวงการบันเทิง เป็นพิธีกร ทำให้ได้ฝึกพูดคุย ตอบคำถาม เหมือนทุกอย่างที่เป็นประสบการณ์ที่ผ่านมากลายเป็นทุนให้เราได้เข้าไปประกวด ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่มีนะค่ะ ทุกคนทั้งสวย รูปร่างหน้าตาคมเข้ม เราก็เอาความอ่อนหวาน ยิ้มสยามเข้าสู้ค่ะ ”

จากสาวงามทั้ง 84 คนทั่วโลก ถูกคัดเลือกให้เหลือเพียง 14 คน ในการเพื่อให้เข้าสู่การคัดเลือกให้เหลือเพียง 7 คนในรอบสุดท้าย ความเป็นตัวของตัวเอง น่ารัก คอนเซ็ปต์ สาวสวยรวยอารมณ์ขัน จึงทำให้เธอก้าวมาติดท็อป 1 ใน 7 คน

“ยิ่งใกล้วันประกวดก็ยิ่งลุ้นสุดๆ ทุกคนดูแข่งขันและทำให้ดีที่สุด แต่เราก็คิดว่าจะสู้เขาได้หรือเป่ล่า แบบว่าทุกคนมีความสามารถเหลือเกิน ตอนวันที่ก่อนจะประกาศจริงเราก็ต้องมีการสัมภาษณ์เดี่ยวกับกรรมการก่อน รอบแรกให้ใส่ชุดว่ายน้ำ บิกินี่ พูดแล้วขนลุกมาก เราก็เขิน แล้วก็มีรอบสัมภาษณ์แต่พอได้เข้าไปสัมภาษณ์รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดี หนูเข้าไปก็พูดขำขำ ว่าขอมงกุฎเลยได้มั้ย เขาก็ขำกันค่ะ คือแบบการเข้าไปสัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่ควรที่จะเครียด ต้องทำให้สนุกสนาน เราก็ดีใจที่ตอบคำถามได้ดี แต่กลับมาคิดว่า เอ๊ะ! หรือว่าเราจะเล่นเกินไปหรือเปล่า ”

เอี๊ยมเล่าถึงความรู้สึกตอนเข้าถึงรอบ 7 คน ด้วยความตื่นเต้นและความตั้งใจ เพื่อทำให้รอบตอบคำถามให้ดีที่สุด เพราะมีพ่อ แม่และพี่สาวเข้าไปร่วมเชียร์ รวมถึงคนไทยทุกคน จึงไม่อยากทำให้ผิดหวัง

“ความพยายามอะไรที่รัฐบาลคุณจะทำเพื่อหยุดโลกร้อน” คือคำถามที่เธอจะต้องตอบเพื่อพิสูจน์ถึงความรู้ ไหวพริบ ปฏิภาณ เพื่อคว้ามงกุฎมิสเอิร์ธที่เธอหวังเอาไว้ในใจลึกๆ ว่าเธอจะต้องมีสิทธิ์คว้ามาให้ได้

“เรื่องของการศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาที่ต้องให้แก่เด็ก เพราะเด็กเป็นเหมือนผ้าขาว ให้ข้อมูลกับเขาก็ง่าย อยากให้รัฐบาลจัดให้มีวิชาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่เด็กทุกคน เพื่อให้เด็กซึมซับและก็รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมของเราจริงๆ เพราะเด็กเป็นอนาคตของชาติ” นี่คือคำตอบที่ทำให้เธอชนะใจคณะกรรมการและคว้ารางวัล รองอันดับสอง หรือตำแหน่ง Miss Water 2010 มาครอง

หลังจากการได้รับรางวัลโครงการที่เธอวาดฝันเอาไว้ ด้วยการกลับมาสานต่อโครงการที่ได้ไปทำกิจกรรมปลูกต้นไม้ รักษาสิ่งแวดล้อม ร่วมกับเด็กๆ ที่เคยทำก่อนไปประกวดที่เวียดนาม อาจจะมีงานเดินแบบถ่ายแบบที่เวียดนามและร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ ฟิลิปปินส์




สิ่งที่ได้มากกว่ารางวัล

ไม่เพียงแค่รางวัลใหญ่ แต่สำหรับสาวสวยมากความสามารถยังหอบรางวัลอีกมากมายกลับมาฝากคนไทยจำนวนมาก ทั้งติด 1 ใน 5 ชุดราตรียอดเยี่ยม ซึ่งการตัดเย็บของชุดสวยงามด้วยการใช้ผ้าไหมไทย รางวัลมิสโฟโตเจนิก เป็นรางวัลที่เธอไม่คาดคิดเอาไว้ล่วงหน้า สำหรับรางวัลชุดประจำชาติที่เอี๊ยมหวังเอาไว้อาจจะพลาดไป แต่เธอก็ทำด้วยความตั้งใจ

“รางวัลชุดประจำชาติผิดหวังเหมือนกันที่ไม่ได้ เพราะเราหวังกับรางวัลนี้มาก แต่รางวัลขวัญใจช่างภาพ ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ ตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะกระจายรางวัลกันไป ก็เลยไม่ได้บอกใครให้โหวต เพราะลึกๆ เราเองก็หวังจะคว้ามงกุฎ ได้แรงเชียร์จากสื่อเวียดนามด้วยค่ะ เราเข้ากับสื่อได้ดี เพราะสื่อที่นั้นจะชอบคนไทย คนไทยคล้ายกับเขา การสื่อสารเราก็ได้ ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยโหวตและให้กำลังใจที่ช่วยสนับสนุน

เขาชอบที่เราเป็นคนอัธยาศัยดี พูดจายิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง สื่อสารรู้เรื่อง ดีใจมากที่เวลาไปไหน ก็จะตะโกนเรียก มิสไทยแลนด์ ”

มิตรภาพกับสาวงามจากหลายประเทศทำให้เธอได้รับการต้อนรับและเพื่อนอีก มากมาย สาวงามจากประเทศเกาหลี เวียดนาม ญี่ปุ่น ประเทศในโซนเอเชีย ด้วยวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน จึงทำให้สนิทกันมากที่สุด

“เหมือนไปถึงก็จะแบ่งโซนกันว่ากลุ่มนี้มาจากละตินอเมริกา เอเชีย ก็จะมารวมกลุ่มกันค่ะ คุยกันได้หมด หนูจะสนิทกับมิสเกาหลี มิสญี่ปุ่น มิสเวียดนาม โดยเฉพาะเวียดนาม เขาจะคอยสอนภาษาเวียดนามให้เราด้วยค่ะ สอนร้องเพลงเวียดนาม ส่วนเกาหลีกับญี่ปุ่น เขาก็จะภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง เค้าก็จะคอยให้เราเป็นล่ามให้ค่ะ คือต้องแปลอังกฤษเป็นอังกฤษให้เค้า แล้วก็ต้องแปลให้กับคนที่เขาสื่อสารกลับไปอีกทีค่ะ ก็ดีค่ะ รักกันมาก ยังติดต่อ มีทั้งอีเมล์ เฟซบุ๊กทุกคน ”




เวทีไม่ดัง แต่มีสาระ

ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการประกวดสาวงามเวทีต่างๆที่ได้รับรางวัลจาก ต่างประเทศ มักจะมีเสียงตอบรับและการแสดงความชื่นชมยินดีอย่างมากมาย สำหรับเวทีการประกวด Miss Earth 2010 แม้จะไม่มีใครรู้จัก และได้รับความนิยมมากเท่าเวทีการประกวดอื่นๆ ทว่า เธอกลับรู้สึกภาคภูมิใจในการประกวดบนเวทีนี้เพื่อกลายเป็นอีกกระบอกเสียง หนึ่งให้ทุกคนได้หันกลับมาดูแลรักษาสภาพแวดล้อมในเมืองไทย

“เอี๊ยมไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แต่อยากให้คนไทยมาเห็นว่า เวทีนี้มันมีสาระ มีอะไรที่เป็นแก่นสารมาก เป็นเวทีที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อยากให้คนไทย หันมาตื่นตัวกับสิ่งแวดล้อม เพราะเราคิดว่าถ้าเราได้รับรางวัล คนไทยก็น่าจะตื่นตัว หันมาดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นนะ เพราะว่าหนูก็อยากเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นตัวแทนหรืออะไรก็ได้ ที่จะสามารถเป็นกระบอกเสียงให้คนไทยหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ”

เธอแสดงทัศนะว่า ในเมืองไทยเองยังคงขาดเรื่องการกระตุ้นเพื่อช่วยกันหันมาอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อม ไม่มีความกระตือรือร้นในการรักษาเท่าที่ควรหากเปรียบกับประเทศต่างๆ ที่เธอได้เห็นจากประเทศของเพื่อนสาวงามหลายๆ ประเทศ

“การที่เราได้มีโอกาสไปเวทีนี้ทำให้ได้รู้ว่าที่อื่นเขามีความพยายาม ในการที่จะช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างมาก แต่ละประเทศ มีการซื้อน้ำดื่ม เพราะน้ำบ้านเขาแพงมาก บ้านเราน้ำถูกมาก แล้วทุกคนใช้กันฟุ่มเฟือย อยากให้คนไทยดูแลเรื่องนี้ ”

“ตอนนั้นบ้านเราเกิดน้ำท่วมตอนที่ประกวดอยู่ที่นู้น เขาคุยกันว่า บ้านเราน้ำท่วมอยู่ใช่ม่ะ ก็บอกว่า ก็เกิดจากภัยธรรมชาติเราก็ต้องบอกเขาไปว่าการเกิดน้ำท่วมทำให้เราได้เห็นว่า คนไทยมีน้ำใจมากขึ้น สามัคคีกัน ช่วยเหลือกัน ”

“หนูว่าเมืองไทยควรที่จะเริ่มที่เรื่องการศึกษา เพื่อให้เด็กได้ซึมซับ การที่ได้เริ่มไปทำงานไปให้เด็ก รู้จักการปลูกต้นไม้ มันเริ่มได้ผล ซึ่งเราได้สานต่อจาก พี่มะเหมี่ยวที่ได้รับรางวัล รองมิสยูนิเวิร์สจากปีที่แล้ว ก็รู้สึกว่าได้ผล ถึงเราจะรู้ว่าต้นไม้ที่เคยปลูกมันอาจจะมีตายบ้าง แต่ก็ยังมีต้นไม้ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมา เด็ก ก็ใส่ใจมากขึ้น น้องๆ ก็บอกว่า สัญญากับเราว่าเดี๋ยวจะคอยดูแลต้นไม้ของพี่ให้นะค่ะ เดี๋ยวพี่กลับมาดูนะ หนูคิดว่าการศึกษาสำคัญมาก เหมือนเราเป็นคนที่มีความหวังแล้วก็หวังเพื่ออนาคตนะ หนูว่าเด็กๆ ทำได้ แต่เราก็คงไม่ได้มีโอกาสไปคุยกับคณะรัฐมนตรีหรอกนะค่ะ ที่หนูตอบคำถามบนเวทีก็อยากให้มีวิชาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้น อยากให้เขามาดูการประกวดเวทีหนูแล้วเอาการตอบคำถามของหนูไปใช้”




อนาคตที่วาดฝัน

การทำหน้าที่พิธีกร งานในวงการบันเทิง งานแสดงละครที่กำลังได้รับถือเป็นโอกาสที่ดีในการช่วยให้เธอได้พัฒนาตนเอง ให้ได้มากที่สุด ละครเรื่องแรกกับบทบู๊ถือเป็นงานหินไม่น้อยสำหรับนักแสดงหน้าใหม่แต่ฝีมือ ที่เคยลองทั้งละครเวทีมาลงละครจอแก้ว จึงไม่ยากนัก ขาดแต่เรื่องมุมกล้องที่เธออยากจะพัฒนาต่อไป

“อยากพัฒนางานแสดง ละครเรื่องแรกได้เล่นกับนักแสดงมืออาชีพค้าสอนเรื่องมุมกล้อง ทุกวันนี้หนูยังไม่รู้เลยค่ะ ยังบังมุมเขาอยู่เลยค่ะ ตลอดเวลา หนูยังดูไม่เป็นไง หนูยังอารมณ์ซีนร้องไห้ยังไม่ได้ เราก็พยายามนึกถึงเรื่องเศร้าๆ ขึ้นมา ต้องนึกตามตัวละคร เพราะคิดว่าถ้ามีก็ต้องทำให้ได้”

“อยากทำงานทางด้านพิธีกรต่อไปเรื่อยๆ พัฒนาตัว และงานแสดงด้วย เพราะหนูรักงานแสดง ก็ลองดูว่าหนูทำได้ดีหรือยัง ก็รู้ว่ามีทั้งคนชอบและไม่ชอบหนูแต่หนูก็ทำอย่างเต็มที่ ถ้ามีโอกาสแสดงเรื่องต่อไป ก็อยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ ”

งานด้านพิธีกรเธอมีไอดอลที่ทำให้เธออยากมีความสามารถเหมือน ดู๋ สัญญา คุณากร เพราะเขาได้รับงานพิธีกรที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสาวสวยอย่างเธอ ยิ่งมองดูเขาทำงานยิ่งทำให้เธอรู้สึกคลายความตื่นเต้นลงได้ทุกครั้งเมื่อ อยู่บนเวที

สิ่งสำคัญที่สาวสวยมองถึงเมื่ออยู่ในวงการบันเทิง คือการปฏิบัติตัว แม้เธอจะมีบุคลิกขี้เล่น ฮา ขำ การอยู่ในวงการบันเทิง ก็ต้องรู้จักการวางตัวต้องเข้าหาผู้ใหญ่

ในอนาคตเธอได้วางแผนธุรกิจในฝันเอาไว้ ว่าอยากจะมีธุรกิจของตัวเอง อาจจะเริ่มอยากเปิดร้านทำเล็บ ธุรกิจเล็กๆ อยากเก็บเงินสักก้อนเพื่อวางอนาคตที่มั่นคง

“ ที่อยากทำ และฝันเอาไว้กับพี่สาว คือ อยากทำธุรกิจโรงแรม อยากเรียนต่อด้านการโรงแรม ชอบ อยากทำโรงแรมสวย พี่สาวก็เป็นไอดอลของหนูเหมือนกัน เป็นผู้หญิงเก่ง ประสบความสำเร็จ ทำอสังหาริมทรัพย์ ค่ะ”

“ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าปัจจุบันเวทีประกวดมีเกิดขึ้นให้เห็นอย่างมาก ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและโอกาสที่ดีให้แก่สาวๆ ได้ลองแสดงความสามารถและเปิดโอกาสให้สาวได้พิสูจน์ว่าตนไม่ได้สวยเพียงอย่าง เดียว ยังมีความสามารถ มีความคิดที่ดี มีความรู้ ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้หญิงเก่ง แล้วก็เวทีต่างๆ ก็เป็นเหมือนเวทีที่ได้ให้ผู้หญิงได้ออกมาแสดงความคิดความเห็น ถ้าไม่มีลับลมคมใน เวทียอมรับกับความสามารถจริงๆ หนูก็ชื่นชมยินดีกับเวทีเหล่านั้นด้วย” สาวสวยทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม




รัก...ฉบับนางงาม

รัก...คือสิ่งที่ดี

“มุมมองความรัก ความรักเป็นสิ่งที่ดี มีทั้งผิดหวัง มีทั้งสมหวัง เราก็เคยมีความรักมา ก็รักมีหลายแบบทั้งสมหวัง ผิดหวัง แต่ก็ยังมองหาความรักอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายหนูก็ยังแบบบั้นท้ายชีวิตก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ตอนนี้ก็ยังเสาะ หาความรักอยู่ ตอนนี้ก็อยู่กับเพื่อนๆ กินข้าว ปาร์ตี้ ยังไม่มีแฟน มีความสุขนะ เมื่อเวลามาถึงมันก็จะมาเอง

น่าจะเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขนะค่ะ หนูเจอแล้วชอบหนูก็ชอบ (เขิน) แบบคนที่รักครอบครัว รูปร่างหน้าตาก็อยากให้สูงกว่าเราหน่อย เพราะเราค่อนข้างสูง แต่ว่าจะไมค่อยมีคนเข้ามาจีบเพราะเราสูง ไม่กล้ามาเข้ามา หนูก็มองหา แต่หนูไม่มีสเปก แต่เมื่อเพื่อนๆ หลายคนเห็นก็จะบอกว่าหนูชอบ ตี๋ นิด ๆ ก็ๆไม่รู้เหมือนกัน มองที่นิสัยมากกว่าว่าทำให้เรามีความสุขได้มั้ย ชอบผู้ชายขี้เล่น อย่าทำให้เราเครียดนะ แต่ว่ามองแว๊บแรกไม่รู้หรอก ต้องศึกษากันนานๆ ต้องให้เวลาคุยแค่นาน ไม่รู้ว่า ต้องรู้ว่าต้องใช้เวลาคุยนานๆ หรือบางคนคุยกันแป๊บเดียว แต่ละคนก็ให้บทเรียนที่ต่างกัน”

รัก...สุขภาพ

“เราก็ดูแลทั้งเรื่องผิวพรรณ บางทีไปทำงานแต่งตัวธรรมดา เสื้อยืดธรรมดา ใส่แว่น เรื่องผิวพรรณจะดูแลเป็นพิเศษเพราะเราทำงานตรงนี้ เพราะขายหน้าตา มีครีมบำรุง ทาโลชั่นก่อนนอน ทำเลเซอร์บ้าง ดูแลสิว เหมือนสาวๆ ทั่วไป กินเยอะมาก นี้หลังจากกลับจากเวียดนามกินเยอะมาก ก็ต้องควบคุมอาหารต้องออกกำลังกายด้วย

ดูแลจิตใจ ยังไง ไม่ใช่หญิงธรรมะ มีเรื่องก็บอกเพื่อนๆ บอกทุกเรื่องค่ะ บางทีรู้สึกท้อก็จะมองตัวเองในกระจกว่า “เฮ้ยเป็นไร” คุยกับตัวเองในกระจก เหมือนคนบ้า ให้กำลังใจตัวเอง ว่าเราทำได้ เมื่อก่อนจะเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่ร้ายนะ ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ขี้กลัว แต่สิ่งที่เรากลัว สุดท้ายก็ทำได้ เพราะเราเอาสิ่งที่เรากลัว มาเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง ว่าคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ ”

ข่าวโดย Manager Lite / ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์

ภาพโดย พงษ์ศักดิ์ ขวัญเนตร



Create Date : 25 ธันวาคม 2553
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 13:36:45 น.
Counter : 7149 Pageviews.

2 comments
  
พี่เอี๊ยมสวยมากเลยค่ะ และในละครป่านางเสือ2เซ็กซี่มากเลยค่ะ
โดย: เพลง IP: 171.4.127.200 วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:9:20:45 น.
  
น่ารักมาก
โดย: แม็ก IP: 101.51.36.222 วันที่: 8 พฤษภาคม 2556 เวลา:9:25:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beauty-queen.BlogGang.com

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]

บทความทั้งหมด