4 สาวเวทีประกวด กับความฝันในอนาคต
ปัจจุบันภาคเอกชนจัดการประกวดสำหรับนิสิต นักศึกษา กันเป็นจำนวนมากทั้งประกวดวางแผนการตลาด ประกวดการออกแบบแฟชั่น-สิ่งประดิษฐ์ รวมถึงเรื่องของการประกวดความงาม ที่ยุคนี้โดยมากแล้วเจ้าภาพผู้จัดการประกวดมักจะบอกถึงวัตถุประสงค์ในการประกวดดังกล่าวว่าเพื่อส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษามหาวิทยาลัยใช้พลังความคิดสร้างสรรค์และทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากในปัจจุบันเรามักจะพบว่ามีนิสิต นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชน ให้ความสนใจเข้าร่วมการประกวดกันเป็นจำนวนมาก


กิติกานต์ - สุพัตรา - มรกต - ฐิติพร


หลายคนที่เข้าร่วมการประกวดอาจจะหวังใช้การประกวดเพื่อเป็นบันไดในการเข้าสู่การทำงานในแวดวงบันเทิงทั้งเป็นนักแสดง นักร้อง ฯลฯ แต่ใช่ว่าทั้งหมดที่เข้าร่วมการประกวดจะหวังเพียงได้ทำงานในวงการบันเทิง ‘ไลฟ์ ออน แคมปัส’ ได้พูดคุยกับ 4 นักศึกษาผู้ที่ได้รับตำแหน่งจากการประกวดมิส แคนนอน ยูลีกส์ ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่มีความใฝ่ฝันไม่เหมือนกัน เรามาดูมากันว่าความใฝ่ฝันของพวกเธอที่แท้จริงในอนาคตหลังจบการศึกษานั้นเป็นอย่างไร

เริ่มที่ “กานต์ - กิติกานต์ ธนะอุดม” นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กานต์เล่าว่าความฝันในเรื่องของงานที่อยากทำในอนาคตคือการเป็นหมอ ดังนั้นเมื่อได้เวลาเข้าสู่สนามสอบเพื่อสอบเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย กานต์จึงเลือกที่จะสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ เพื่อไล่ตามความฝันของตัวเอง และผลที่ได้ก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นก็คือเธอได้เรียนแพทย์สมใจอยาก

“กานต์อยากเป็นจิตแพทย์ค่ะ เป็นคนชอบศึกษาจิตใจคนก็เลยเลือกที่จะเรียนเพื่อเป็นจิตแพทย์ค่ะ ก็ยังต้องเรียนอีกหลายปีเหมือนกันค่ะ และคงจะไม่เลิกความคิดที่อยากจะเป็นจิตแพทย์ค่ะ เพราะนั่นคือความตั้งใจตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ส่วนการที่กานต์มาเข้าประกวดงานนี้ก็เพราะว่ามีคนชวนให้ลองมาประกวดดู ซึ่งกานต์ก็มองว่าลองดูสักครั้งหนึ่งก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ลองหาประสบการณ์อื่นดูบ้างเท่า
ก็ยืนยันว่าความตั้งใจที่จะเป็นจิตแพทย์ยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ”


ในขณะที่ “ลูกกิ๊ก - สุพัตรา ธนากิจ” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะเ ทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี บอกว่าเธออยากเป็นนักข่าวเพราะเธออยากทำหน้าที่เป็นสื่อสารมวลชนที่ดี ที่จะถ่ายทอดข่าวให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงให้มากที่สุด

“กิ๊กรู้สึกว่าสื่อค่อนข้างมีอิทธิพล แต่บางครั้งก็ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เช่น ตอนนั้นเครื่องบินตก แต่หนูดูโทรทัศน์สองช่องเสนอข่าวเรื่องเดียวกัน แต่ละช่องกลับบอกตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ตรงกัน หรือมีข้อมูลอื่นๆ ผิดพลาดไป ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้บริโภค เราก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดีค่ะ”

ความสนใจในงานด้านนักข่าวโดยเฉพาะนักข่าวสายบันเทิง ลูกกิ๊กจึงเลือกที่จะเรียนคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน และได้พบว่าคณะนี้แตกต่างจากนิเทศศาสตร์ตรงที่เรียนทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลังไปพร้อม ๆ กัน เรียนถึงกลไกการทำงานของโทรทัศน์และวิทยุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร อีกทั้งทำให้เธอเข้าใจถึงงานข่าวที่ต้องมากด้วยความรับผิดชอบ

“ความท้าทายในงานข่าวก็คือ เราต้องรู้จริงในเรื่องนั้นๆ ก่อนที่เราจะไปเผยแพร่ให้คนอื่นแล้วก็ต้องหาความรู้ให้มากๆ ในทุกด้าน ทั้งการเมือง การปกครอง การศึกษา เทคโนโลยี ต้องหาความรู้ตลอดเวลา และที่สำคัญต้องตรงต่อเวลาด้วยค่ะ”

ทว่างานในฝันของลูกกิ๊กอาจต้องเลื่อนออกไป เมื่อสาวน้อยคนนี้มีแววโดดเด่น จนได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมเล่นละคร “ใจสู้มุ่งสู่ฝัน” ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งลูกกิ๊กยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เธอพยายามที่จะคว้าโอกาสนี้มาเอง

“ได้มาเล่นละครเพราะบริษัทที่ทำเขาเปิดคัดเลือกนักแสดง ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าต้องเคยประกวด หรือมีตำแหน่งอะไรมาก่อน ก็เลยตัดสินใจไปลองดูค่ะ แล้วงานในวงการบันเทิงก็น่าสนใจ แต่ถ้าทำเบื้องหน้าไปจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ก็อาจเปลี่ยนไปทำเบื้องหลังแทน รวมถึงความฝันอยากเป็นนักข่าวด้วยค่ะ”

ส่วน “ใยไหม - มรกต หทัยสีวงศ์” นักศึกษาชั้นปี 1 คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการตลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เธอคนนี้ก็มาพร้อมกับอีกหนึ่งความฝัน นั่นคือการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
“ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างปูทางด้านธุรกิจเอาไว้ให้พอสมควรค่ะ เลยทำให้อยากทำธุรกิจของตัวเองด้วยเหมือนกันค่ะ”

ความฝันและความหวังของเธอกับครอบครัว สอดคล้องกับสาขาวิชาที่เลือกเรียนได้อย่างเหมาะเจาะ โดยเธอเปิดเผยว่า การเรียนในคณะบริหารธุรกิจไม่ได้มีความซับซ้อนในเรื่องการเรียนมากนัก และจบไปก็หางานทำได้ง่าย เพราะปัจจุบันนี้ธุรกิจต่าง ๆ ก็ต้องอาศัยการตลาดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเธอจึงคิดว่าถ้าเรียนทางด้านนี้ จบไปก็น่าจะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ทำงานได้

จากพื้นฐานเดิมของครอบครัวที่มีกิจการให้เช่าชุดขันหมาก โต๊ะรดน้ำสังข์ ฯลฯ อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใยไหมบอกว่าเธออยากเข้ามาสืบทอดกิจการต่อ เพราะปัจจุบันร้านของครอบครัวก็มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร
“หนูอยากเพิ่มเติมในส่วนของชุดเจ้าสาว ให้เช่าอุปกรณ์ในงานแต่งงาน นอกเหนือจากขันหมาก โต๊ะรดน้ำสังข์ แต่คงไม่ถึงระดับของเวดดิ้งสตูดิโอค่ะ”

นอกจากนี้ ใยไหมยังรู้สึกด้วยว่าเธอเหมาะกับงานด้านพิธีกรด้วยเช่นกัน
“เคยรับงานพิเศษ เป็นงานพิธีกรที่จังหวัดสุราษฎร์ฯ ค่ะ รู้สึกว่างานที่ท้าทาย ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงสร้างบรรยากาศงานให้ครึกครื้น ซึ่งครั้งแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสงานนี้ ผลตอบรับออกมาดี เลยเป็นจุดที่ทำให้มั่นใจสำหรับการรับงานในครั้งต่อๆ ไปด้วยค่ะ”

สุดท้าย “ชะเอม - ฐิติพร พลอยเกลื่อน” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต นั้นถึงแม้เธอจะศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 แต่ด้วยความที่เธอทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยด้วยการเป็นพริตตี้ทำให้เธอเจอประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก

“พริตตี้ก็เป็นอาชีพที่เสี่ยง จะเสี่ยงเวลาที่มีคนมาติดต่อเราให้เราไปทำงานที่นั้นที่นี้ โดยเฉพาะพี่ๆโมเดลลิ่งติดต่องาน บอกได้เลยว่าเดี๋ยวนี้อันตรายมาก บางคนเป็นโมเดลลิ่งจริงๆ แต่บางคนก็โกหกว่าเป็นโมเดลลิ่ง เวลาไปคุยงานที่บริษัทเขา ก็ต้องพาเพื่อน พาคุณพ่อคุณแม่ไปด้วย”

นอกจากนี้ชะเอมยังเล่าอีกด้วยว่าเธอเคยได้รับโทรศัพท์ที่โทรมาถามว่าไปเรียนลำบากหรือเปล่า อยากมีรถขับไหม อยากมีคนส่งเสียค่าเรียนให้หรือเปล่า

“โทรศัพท์แปลกๆ แบบนี้จะไม่คุย ไม่สนใจ นี่ล่ะคือสาเหตุหนึ่งที่ชะเอมคิดว่าถ้ามีโอกาสเข้าวงการบันเทิงจริง ก็ไม่อยากจะเข้าไปทำงานแบบเต็มตัว คือถ้ามีโอกาสเข้าวงการบันเทิงก็ อยากถ่ายแบบ เล่นละคร แต่ทั้งหมดนี้แค่เข้าไปผ่านๆ ไม่ได้เข้าไปหาชื่อเสียง แค่อยากเรียนและทำงานไปพร้อมกัน”

ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์




Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2551 18:50:32 น.
Counter : 1595 Pageviews.

1 comments
  
ได้แสดงนางงาม
โดย: บ่าว IP: 202.28.180.202 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:23:13:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beauty-queen.BlogGang.com

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]

บทความทั้งหมด