เอาชนะตัวเองให้ได้ คติประจำใจของนักศึกษาสาวมากความสามารถ ทั้งร้อง เต้น และเป็นนางแบบ เพราะความเป็นเด็กกล้าแสดงออก ทำให้ นัท-ณัฐมน กฤษณคุปต์ วัย 20 นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกดุริยางคศาสตร์สากล (ขับร้อง) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผลักดันตนเองเข้าแข่งขันและประกวดร้องเพลง จนได้ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย เวทีปั้นดาว เดอะสตาร์ 5 อีกทั้งเข้าร่วมประกวดบนเวทีนางงาม มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2011 เธอสามารถคว้าตำแหน่งรองอันดับ 2 และรางวัล
รักษ์ความเป็นไทย มาครอง ล่าสุดเธอเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด
มิส ทัวริซึม ควีน ออฟ เดอะ เยียร์ อินเตอร์เนชันแนล 2011 ที่จัดขึ้นที่เมืองอีวู ประเทศจีน เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
บนเวทีการประกวดระดับนานาชาติ นัททำได้ดี แต่ก็ยังไปไม่ถึงมงกุฎ เธอสามารถคว้า 2 รางวัล ได้แก่
มิส แอมบาสซาเดอร์ มิส บอดี บิวตี้ และผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย แม้ทำได้ดี แต่เธอก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ เธอตั้งใจและตั้งความหวังไว้มากกับเวทีระดับนานาชาติ แต่ความมีเลือดนักสู้ในตัว ประสานกับการมองโลกในแง่ดี ทำให้เธอมองว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลาของเธอ และไม่รู้สึกท้อ เพราะคนเราเมื่อล้มแล้วต้องลุกขึ้นมาสู้ใหม่ และอย่าหมดกำลังใจไปง่ายๆ
แรงผลักดันที่ทำให้ ณัฐมน ชอบการประกวดทั้งความงามและการร้องเพลง เพราะเป็นความท้าทาย อีกทั้งยังเป็นการฝึกศักยภาพที่มีในตนเองให้พัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป จำได้ว่าตัวเองชอบการแสดงและเป็นคนกล้าแสดงออกมาตั้งแต่เด็กๆ ประกอบกับคุณแม่ผลักดัน ทีแรกไม่รู้ว่าตัวเองร้องเพลงได้ เวลามีประกวดร้องเพลงในโรงเรียนก็อยากประกวด เลยลองร้องให้เพื่อนๆ กับคุณครูฟัง ทุกคนก็เชียร์ สนับสนุนส่งเราเข้าประกวด หรือเวลามีกิจกรรมหน้าเสาธงคุณครูก็ให้เราได้ไปร้องเพลงตลอด ส่วนคุณแม่สนับสนุนให้นัทได้ประกวดร้องเพลงตามเวทีต่างๆ
นัทได้ร้องเพลงจริงจังตอนเรียนมัธยม 1 และเรียนร้องเพลงมาเรื่อยๆ เพราะเป็นอีกสิ่งที่รัก กระทั่งปัจจุบันนัทเรียนร้องเพลงที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ การได้ลงประกวดร้องเพลงในเวทีต่างๆ ทำให้ ณัฐมน ยิ่งได้ฝึกศักยภาพตนเองมากขึ้น เพราะเมื่อเธอผ่านเวทีประกวดมากกว่าคนอื่นๆ ก็ย่อมได้พบประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่า และนำความรู้ในห้องเรียนมาใช้ได้จริง โดยทุกอย่างตั้งอยู่บนแนวคิด เมื่อคนเรามีความสามารถก็ควรนำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์
แม้ไม่ได้เป็นที่ 1 แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยการฝึกฝนนัทยังไม่โด่งดังเท่าไหร่ แต่กว่าจะมาถึงตรงจุดนี้ได้นัทคิดว่ามันก็เป็นเรื่องยาก เพราะการผ่านเวทีและการประกวดมากๆ จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เพราะบางครั้งเราก็ชนะและแพ้บ้าง แต่นัทก็ไม่ยอมแพ้ เพราะนัทคิดว่าถ้าเรายอมแพ้ง่ายๆ เราก็จะไม่ก้าวไปข้างหน้าสักที นัทได้บทเรียนชีวิตเยอะมาก บนเวทีประกวดถ้านัทพลาดหวัง นัทก็จะร้องไห้อย่างหนัก พอได้ระบายได้ปลดปล่อยแล้ว นัทจะรู้สึกดีขึ้น และเหมือนมีแรงฮึดขึ้นสู้ใหม่ นัทคิดอยู่เสมอว่าชีวิตเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ใครไม่ลองประกวดประลองความสามารถของตัวเองก็ไม่มีวันรู้ว่า เสน่ห์ของการประกวดคือ ความท้าทายที่ว่า เธอจะทำได้ไหม และให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า เราไม่ได้เก่งน้อยกว่าคนอื่น
เราอายุยังน้อย ยังมีโอกาส ประกอบกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มหาวิทยาลัยให้กำลังใจ บอกว่า เวทีประกวดเหมาะกับนัท เพราะนัทตัวสูง หุ่นดีพี่ๆ ชม อย่างครั้งแรกที่ประกวดบนเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สก่อนหน้านี้ นัทรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม ถ่ายรูปออกมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองอ้วน จึงขอถอนตัว เพราะนัทอยากทำอะไรแล้วตั้งใจทำจริงๆ จากนั้นนัทฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือพิมพ์ดูข่าวทีวีเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของตัวเอง ฝึกเดิน ฝึกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติไม่ฝืน ฝึกตอบคำถามให้สั้นและกระชับ รู้ว่าคำพูดไหนเหมาะสมที่จะพูด เพราะเหนือจากรูปร่างหน้าตา นางงามควรฉลาด มีไหวพริบที่ดี
พอได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 มา นัทรู้สึกพอใจระดับหนึ่ง พอได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดที่ประเทศจีน นัทหวังไว้มาก ตั้งใจสุดๆ ตื่นเช้ามาแต่งหน้าทำผมเอง และร่วมกิจกรรมทุกอย่างและโชว์ความสามารถเต็มที่ เพื่อนๆ ที่ร่วมประกวดก็เชียร์ เพราะนัทก็โดดเด่นมาก เมื่อไม่ได้ก็รู้สึกเสียใจ เพราะเราก็อยากได้มงกุฎบ้าง ณัฐมน บอกว่า เธอจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ อยากผลักดันตัวเองและอยากขอแรงสนับสนุนให้เธอได้ไปประกวดบนเวทีระดับนานาชาติอีก เพราะเธออยากไปให้ถึงที่สุด
ตอนนี้นัทอายุยังน้อย นัทยังต้องฝึกตัวเองอีกเยอะ นัทคิดเสมอว่า นัทไม่เก่ง เราจึงต้องพัฒนาตัวเองอีก นัทอยากทำงานในวงการบันเทิง เช่น เดินแบบ ทำงานพิธีกร ถ่ายแบบ จริงๆ นัทไม่ได้อยากโด่งดังมาก แต่อยากเป็นที่รู้จัก นัทอยากประสบความสำเร็จ นัทชอบทำหลายอย่าง และอยากทำให้ถึงที่สุด
ทำกิจกรรมหลายอย่าง โดยเฉพาะในวงการบันเทิง แต่ด้านการเรียน ณัฐมน ก็ทุ่มเท เพราะเธอคิดว่าการศึกษาสำคัญ แม้มีงานยุ่งช่วงประกวดเดอะสตาร์ และปฏิบัติภารกิจรองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ณัฐมน พยายามเข้าเรียนให้ได้มากที่สุดเมื่อมีโอกาส จนสามารถทำเกรดเฉลี่ยได้ 3.2 ซึ่งเธอค่อนข้างพอใจ เพราะเวลาทำงานร้องเพลงก็ได้นำสิ่งที่เรียนรู้ในห้องเรียน เช่น เทคนิคการร้องเพลงไปใช้ในการทำงานไม่เสียเปล่า การแบ่งเวลาที่ดีนี่แหละคือเคล็ดลับการเรียนดีของสาวนัท
อยากทำกิจกรรมเยอะก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ดี ในแต่ละเทอมเมื่อตารางสอนออกมา นัทจะให้พี่ที่ช่อง 7 จัดตารางงานให้นัท ถ้าต้องขาดจริงๆ นัทจะฝากเพื่อนๆ ให้จดบทเรียนเผื่อเราด้วย นัทอยากควบคุมการเรียนให้สามารถจบพร้อมเพื่อนๆ เมื่อเรียนจบปริญญาตรีแล้วก็อยากต่อปริญญาโทด้านการร้องเพลงอีก เพราะมันคือความชอบของนัท ไปเรียนทุกวันก็รู้สึกดีทุกวัน เพราะเหมือนเราได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ
สุดท้ายสาวนัทอยากให้กำลังใจคนที่รู้สึกผิดหวัง หรือพลาดหวัง โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่พยายามไขว่คว้าโอกาสให้ตัวเอง โอกาสที่ดีนั้นต้องไขว่คว้า ไม่มีโอกาสลอยมาหาหากเราไม่ก้าวเข้าไปหามัน
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังรู้สึกท้อ หรือหมดหวังกับอะไรสักสิ่งหนึ่ง นัทอยากให้กำลังใจว่า ชีวิตคนเรามีแค่ชีวิตเดียว อยากให้ลองทำทุกอย่างเพื่อดูว่าเราเหมาะกับอะไร และเมื่อพลาดหวังก็อย่าท้อ อย่าหมดหวัง ทุกสิ่งเริ่มใหม่ได้เสมอ ทำชีวิตให้เต็มที่ แต่ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ถูก นี่ก็รู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องเลื่อนเวลาเปิดเทอมออกไป อยากมาเรียนหนังสือมาก เพราะตารางชีวิตทุกอย่างแพลนไว้หมดแล้ว เมื่อเรียนจบปริญญาตรีก็อยากต่อปริญญาโท แต่ทุกอย่างตอนนี้คงต้องเลื่อนไปก่อน รอให้น้ำลด
ที่มาposttoda
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [