กลับมาเมืองไทยอีกครั้งและครั้งนี้อยู่ยาว นาตาลี เกลโบวา มิสยูนิเวิร์ส 2005 ซึ่งได้ชื่อเล่นจากคนไทยว่า
"ฟ้า" เริ่มงานในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้กับบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์สิงห์ ด้วยสัญญาระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีค่าตอบแทนสัญญาเป็นหลักล้านและเงินเดือนในหลักแสน
นาตาลีกล่าวว่า หลงรักเมืองไทย คนไทยน่ารัก อบอุ่น และประเทศไทยนั้นเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของตัวเอง ก่อนเดินทางมาถึงยังรู้สึกว่าอยากมาจนจะรอไม่ไหว อยากให้ถึงวันเดินทางเร็วๆ
และเมื่อมาถึงก็ปลื้มมากที่คนไทยยังต้อนรับอบอุ่นเหมือนเดิมแม้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สแล้ว
นอกเหนือจากงานที่บริษัทบุญรอดฯ จัดตารางให้แล้ว นาตาลีกล่าวว่าอยากทำประโยชน์ในหลายด้านอีกมาก เช่น รณรงค์ช่วยเหลือผู้ป่วยเอชไอวีและงานด้านบันเทิง รวมถึงเดินทางไปทุกที่ในเมืองไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ อยากไปมาก
นาตาลีกล่าวว่า สิ่งที่จะทำก่อนเลย คือให้บริษัทบุญรอดฯ จัดหาครูสอนภาษาไทยให้ เพราะตั้งใจจะพูดภาษาไทยให้ได้
เริ่มต้นตอนนี้มีชื่อเล่นเป็นภาษาไทยว่า
"ฟ้า" ซึ่งชาลี ชุลิตา อารีย์พิพัฒน์ บรรณาธิการนิตยสารพลอยแกมเพชรเป็นคนตั้งให้ ชอบมากเพราะเข้ากับตาสีฟ้าของตนเอง นอกจากนี้ยังพูดภาษาไทยได้บ้างแล้ว เช่น
"ฉันชื่อนาตาลี" "สบายดีไหมคะ" และ
"ฉันชอบอาหารไทยค่ะ" สำหรับการทำงานให้กับบริษัทบุญรอดฯ นาตาลีจะมีเวลาส่วนตัวอยู่แล้ว คือเวลาเย็นหลังเลิกงาน และวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะเป็นวันหยุดเหมือนพนักงานทั่วไป แม้ว่าจะไม่ได้นั่งทำงานในออฟฟิศ แต่จะมีศูนย์ทำงานและผู้จัดการของตัวเอง เพื่อติดต่อออกมาพบปะกับประชาชนตามตำแหน่งที่ได้รับ
เมื่อถามถึงการลงหลักปักฐานที่เมืองไทย น้องฟ้า นาตาลี กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ เพราะยังไม่มีกำหนดการระยะยาว แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะอยู่เมืองไทย การเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้แม่แนะนำว่าการมีทัศนคติที่ดีเป็นสิ่งที่ดี ถ้านำมาใช้จะได้รับแต่สิ่งที่ดี
นาตาลีไม่ใช่นางงามจากต่างแดนคนแรกที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยหลังพ้นตำแหน่ง เพราะมีบรรดาลูกครึ่งไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศก่อนมาประกวดที่เมืองไทย จากนั้นก็ตัดสินใจย้ายบ้านมาอยู่เมืองไทยเลย
แม้ว่านาตาลี นางงามสัญชาติแคนาดา เชื้อชาติรัสเซีย จะพิเศษกว่าคนอื่นๆ ตรงที่ไม่มีเชื้อสายไทย แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเหมือนกันก็คือชื่นชอบบรรยากาศที่เมืองไทย
ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม มิสไทยแลนด์เวิลด์ 1992 ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ประเทศไทยนานถึง 14 ปีแล้ว เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ตัวเองอยู่อเมริกาประมาณ 20 ปี เมื่อได้รับมงกุฎตอนแรกก็คิดเพียงแค่ว่าจะอยู่เมืองไทยแค่ 6 เดือน มากที่สุดก็ 1 ปี แต่มาจนถึงตอนนี้ก็ 14 ปีแล้ว
"แฮปปี้มากที่อยู่ประเทศไทย เราทำอะไรได้ง่ายกว่าที่อเมริกาเยอะ อยู่ประเทศไทยเราเป็นเมทินี กิ่งโพยม แต่อยู่ที่อเมริกาเราเป็นใครก็ไม่รู้ เหตุผลที่ตัดสินใจมาอยู่เมืองไทยตอนแรกคือแค่อยากลองมาเป็นนางแบบ ยังไม่ได้คิดว่าจะย้ายมาอยู่ถาวร แต่อยู่ไปอยู่มาทุกอย่างลงตัวเลยไม่อยากกลับไป ตอนนี้ครอบครัวก็ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยกันหมดแล้วด้วย ตัวเองก็กำลังสร้างบ้านที่เมืองไทย คงไม่คิดจะกลับไปอยู่อเมริกาแล้ว น่าจะแค่ไปๆ มาๆ เท่านั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้อยากอยู่เมืองไทยคือหลงรักคนไทย ความเป็นไทย วัฒนธรรม ประเพณี ที่สำคัญคือเป็นคนไทยน่าภูมิใจกว่าเยอะ" ลูกเกดกล่าว
ด้านนักกีฬายิงธนู
มิกซ์ เจนจิรา เกิดประสพ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2003 ลูกครึ่งไทย-สวีเดน กล่าวว่า หลังจากได้รับมงกุฎแล้วตัดสินใจอยู่ประเทศไทยต่อเลย เพราะการที่เราได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสประเทศไทยภายใต้มงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ทำให้ตัวเองได้เห็นประเทศไทยในอีกมุมมองหนึ่ง ได้เรียนภาษาไทย ซึ่งตอนแรกนั้นเราไม่ได้เห็นอะไรมากเพราะตัวเองอยู่ในแวดวงกีฬาเป็นนักกีฬาทีมชาติ
"สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจอยู่ประเทศไทยเลยคือตัวเองเป็นลูกครึ่งไทย-สวีเดน และตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตอยู่สวีเดนแล้ว จึงอยากมาลองใช้ชีวิตที่ประเทศไทยดูบ้าง เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นไทยมากกว่ายุโรป แม่เองก็สอนความเป็นไทยให้เราเยอะ ที่สำคัญคือประทับใจคนไทย คนไทยอบอุ่น ยิ้มง่าย ใจดี จึงคิดว่านาตาลีเองคงรู้สึกแบบนี้เหมือนกันถึงได้ตัดสินใจมาอยู่เมืองไทย ผิดกับที่ยุโรปซึ่งทุกอย่างล้วนแต่เคร่งเครียดไปหมด ทุกอย่างเต็มไปด้วยการแข่งขัน ตอนนี้มิกซ์มีบ้านของตัวเองอยู่เมืองไทยแล้ว และเรียนภาษาไทยมาได้ 2 ปีแล้วเริ่มอ่านภาษาไทยได้รู้สึกดีมากที่ได้เรียนภาษาไทยและหวังว่าจะใช้ภาษาไทยได้ดีกว่านี้" ส่วนน้อง
ซินดี้ สิรินดา เจนเซ่น ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ที่เพิ่งอำลาตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 ไปหมาดๆ บอกว่า ตอนแรกไม่ได้คิดจริงๆ ว่าจะอยู่เมืองไทย คิดแค่ว่าหลังจากหมดสิ้นภารกิจแล้ว 1 ปี จะกลับไปอยู่เดนมาร์ก แต่พอมาถึงตอนนี้ใกล้เวลาที่จะต้องวางมงกุฎจริงๆ เริ่มรู้สึกไม่อยากกลับเดนมาร์กแล้ว รักประเทศไทย รักคนไทย ชอบอากาศที่เมืองไทย ที่เดนมาร์กหนาวมาก คนไทยน่ารัก ใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และตัวเองชอบที่จะเป็นคนไทยมากกว่า ไม่เหมือนคนเดนมาร์กที่ค่อนข้างจะมีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่สุงสิงกับใคร ใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว
"ตอนนี้รู้สึกว่าเป็นคนไทยเต็มตัวแล้ว ตอนแรกๆ ที่มาอยู่เหงาบ้างเหมือนกันเพราะไม่รู้จักใครเลย แต่ตอนนี้มีเพื่อนเยอะมาก ไม่เหงาแล้ว มีงานให้ทำเยอะแยะ ตั้งใจว่าจะอยู่เมืองไทยต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าถามว่าจะอยู่ถาวรเลยหรือเปล่าคงยังบอกไม่ได้ อีก 2 อาทิตย์พ่อกับแม่จะบินมาจากเดนมาร์กจะมาซื้อบ้านที่ประเทศไทยแล้วก็ย้ายมาอยู่เมืองไทยเลย แม่มีความสุขมากๆ ที่เราอยากอยู่เมืองไทย เพราะแม่เป็นคนไทย ส่วนคุณพ่อเคยพูดไว้ตั้งแต่มาประเทศไทยครั้งแรกๆ ว่ารักเมืองไทยมาก และจะมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่เมืองไทยตอนแก่ ซึ่งความฝันใกล้จะเป็นจริงแล้ว" ซินดี้กล่าว