ปาล์ม-ร.ต.หญิง ชโลธร ชัยภูชม คือสาวหน้าใสวัย 23 ปี จากจังหวัดลำปางที่เพิ่งคว้าตำแหน่งรองนางสาวไทยอันดับหนึ่งประจำปี 2551 ด้วยคุณสมบัติสวยครบสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตใจที่มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือคนไข้ทุกวัยที่เข้ารับการบริการในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ทั้งนี้ปาล์มเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดสุขภาพคนไทยขนาดนี้ มีหรือที่ HealthToday จะพลาดชวนเธอมาแบ่งปันมุมมองสารพันเรื่องสุขภาพแบบเพลินๆแรงบันดาลใจสู่อาชีพ นางฟ้าใจดี ปาล์มอยากเป็นนางพยาบาลมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ เหตุเพราะคุณยายเกิดไม่สบาย แต่คนในบ้านไม่มีความรู้เรื่องการดูแลที่ถูกต้องเลย ปาล์มจึงอยากเรียนสาขานี้เพื่อในอนาคตจะได้ดูแลคนในครอบครัวยามเจ็บป่วยค่ะ แล้วส่วนหนึ่งก็มาจากลูกพี่ลูกน้องที่เรียนพยาบาลขณะนั้นสนับสนุน ปาล์มจึงสมัครสอบเข้าคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบกที่กรุงเทพฯ ค่ะ แม้การเรียนจะยากหรือเหนื่อยจากการเข้าเวรดูแลคนไข้ แต่ปาล์มก็ไม่เคยบ่นค่ะเพราะเป็นทางที่เลือกเดินแล้ว พอเรียนจบปาล์มตั้งใจสมัครประจำพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะกำลังขาดแคลนบุคลากรมาก แต่คุณแม่ไม่อนุญาต ปาล์มก็เลยมาประจำที่ห้องไอซียู แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าค่ะ
ความท้าทายและเสน่ห์ของพยาบาล การทำหน้าที่เป็นนางพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประจำห้องไอซียู ที่มีแต่ผู้ป่วยหนักที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ปาล์มก็ไม่กลัว หรือย่อท้อ กลับชื่นชอบเสียอีก!... ปาล์มคิดว่าการประจำที่ห้องไอซียูเป็นเรื่องท้าทายค่ะ เพราะคนไข้แต่ละคนมีอาการไม่คงที่ ทำให้ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากประสบการณ์หนึ่งปีที่ผ่านมา ปาล์มคิดว่าความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญในการทำหน้าที่ของพยาบาลค่ะ เพราะเมื่อคนไข้ช็อก ความดันตกฉับพลันหรือมีอาการแทรกซ้อน ไม่ว่าพยาบาลคนนั้นจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตคนไข้ได้เพียงลำพัง แต่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันรับผิดชอบและแก้ไขวิกฤตให้เร็วที่สุดค่ะ ตอนนี้ปาล์มย้ายมาประจำแผนกกองการพยาบาลเป็น นางฟ้าใจดี ในโครงการมิตรภาพสัมพันธ์เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยนอกที่เข้ารับบริการ หรือคอยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ให้คนไข้และญาติรู้สึกดีและคลายกังวล เนื่องจากโรงพยาบาลมีคนไข้มาใช้บริการแน่นทุกวันค่ะ พูดง่ายๆ ว่าแม้พยาบาลแต่ละคนจะมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่ก็ต้องมีใจรักการบริการเป็นสำคัญค่ะ และจุดนี้เองที่เป็นเสน่ห์ของอาชีพนี้ปาล์มถือคติว่าทุกคนที่มาโรงพยาบาลเป็นญาติเรา เพื่อเราจะได้พยายามช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะเจ็บเล็กน้อย หรืออาการหนัก ก็ต้องไม่มองข้ามค่ะ
ยิ้ม เทคนิคการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ปาล์มเข้าใจดีว่าบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลต้องสัมผัสกับความเจ็บปวดทรมานและความตายทุกวัน ทำให้จิตใจหดหู่ได้ง่าย แต่ปาล์มมีเทคนิคการสร้างแรงจูงใจให้ตนเองด้วยการยิ้มค่ะ เพราะนอกจากตัวเองจะรู้สึกดีแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนไข้หรือญาติๆ ว่าเราสามารถดูแลคนที่เขารักได้อย่างดีและปลอดภัยค่ะ ปาล์มถือคติว่าทุกคนที่มาโรงพยาบาลเป็นเสมือนญาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่น่ารักเหมือนคุณตาคุณยายที่บ้าน (หัวเราะ) แม้ความเป็นจริงสัดส่วนของแพทย์กับคนไข้จะแตกต่างกันมาก แต่ก็ขอให้ทุกท่านมีความตั้งใจในการรักษาต่อไป เพราะยังมีคนไข้อีกมากที่กำลังรอความช่วยเหลืออยู่ค่ะ สำหรับคนไข้ปาล์มอยากให้ทุกท่านเห็นใจแพทย์และนางพยาบาลที่แม้จะไม่ยิ้มหรือแสดงท่าทีเป็นมิตร แต่ทุกท่านก็หวังดีอยากให้คนไข้หายค่ะ เช่นเดียวกับปาล์มที่จะทำหน้าที่เป็นพยาบาลต่อไปค่ะ และในอนาคตปาล์มตั้งใจว่าจะเรียนต่อเพื่อเป็นพยาบาลประจำห้องผ่าตัด เพราะน่าจะสนุกและท้าทายมากขึ้นค่ะ (หัวเราะ) ...แบบนี้เรียกว่าสวยดุหรือเปล่านะ?
มุมมองเรื่องลี้ลับ-ความตาย ที่ไม่สำคัญเท่าตอนมีชีวิตอยู่ ขณะเรียนพยาบาล ปาล์มต้องฝึกห่อศพและแต่งหน้าศพ ก็เลยรู้สึกเฉยๆ กับความเชื่อเรื่องลึกลับค่ะ ปาล์มมองว่าความตายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ แต่ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างหากที่สำคัญ เพราะจากประสบการณ์การทำงาน หลายคนคร่ำครวญยามคนรักจากไป ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ไม่เคยสนใจ ปาล์มจึงอยากให้ทุกคนทบทวนว่า วันนี้เราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไปหรือยัง โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพตนเองที่ต้องอยู่กับเราไปอีกหลาย 10 ปี
วิธีการดูแลสุขภาพง่ายๆ แบบปาล์ม ปาล์มดูแลสุขภาพร่างกายตนเองง่ายๆ ค่ะ ด้วยการกินอาหารไทยที่มีผักแกล้มมากๆ หรือกินผลไม้แทนการกินของหวานหรือขนมขบเคี้ยวหลังอาหารค่ะ หลังจากการออกเวรช่วงเย็น ปาล์มจะไปเต้นแอโรบิกกับเพื่อนๆ แถวโรงพยาบาลสักสามสิบนาทีแล้วค่อยกลับมาเข้าเวรใหม่ค่ะ ส่วนการติดตามข่าวสารเพื่อทันกระแสสุขภาพ ปาล์มจะอ่านจากนิตยสาร HealthToday ซึ่งเป็นหนังสือสุขภาพที่ดีและมีประโยชน์ด้วยเนื้อหาที่ครอบคลุมและหมุนเวียนนำเสนออย่างหลากหลาย ปาล์มเป็นแฟนของนิตยสารตั้งแต่เป็นนักศึกษาพยาบาลแล้วค่ะ ขอบอกว่าซื้อทีไรเพื่อนๆ แย่งอ่านทุกทีค่ะ (หัวเราะ)
ที่มานิตยสาร HEALTH TODAY