*** Hellboy II : The Golden Army *** กลับมาคราวนี้ "อิ่ม" (แต่ไม่ "อืด") กว่าภาคแรก
*** Hellboy II : The Golden Army ***
ได้ดูสักทีครับ หลังจากรอคอยมานาน ถึงแม้จะไม่ได้ปลื้มภาคแรกมากนัก แต่กับภาคแรกก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ประหลาดของมัน และพอได้ดูตัวอย่างภาคนี้ ความอยากดูเพิ่มขึ้นมา 2 เท่า และเมื่อได้ดูก็ไม่ผิดหวังครับ
ในฐานะที่เป็นแฟนของผู้กำกับ Guillermo del Toro มาตั้งแต่ Blade 2 ( ซึ่งผมว่าสนุก และ มันส์ที่สุดแล้วใน Series นี้ ) ก่อนจะมา Top Form แบบสุดๆกับ Pans Labyrinth ที่ลายเซ็นของ Del Toro ชัดเจนสุดๆ
แม้เจ้าของเรื่องที่แท้จริงจะเป็น Mike Mignola แต่กับ Hellboy II น่าจะเป็นโลกของ Del Toro มากกว่า
กลับมาคราวนี้ Hellboy และผองเพื่อน ต้องรับมือกับ เจ้าชาย Nuada ที่ต้องการจะปลุก กองทัพ Golden Army ขึ้นมาทำสงครามกับพวกมนุษย์ เพื่อทวงคืนสิทธิ์ในการปกครองโลก หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกมนุษย์และพวกของตนได้ทำสนธิสัญญาสงบศึก และแบ่งพื้นที่ครอบครอง
แต่มนุษย์กลับผิดสัญญา รุกล้ำดินแดน แถมยังทำร้ายโลกให้แย่ลงไปอีก แม้ เจ้าชาย Nuada จะถูกคัดค้านจากพ่อ ราชาผู้ซึ่งปกครองอีกโลกหนึ่งอยู่ และ เจ้าหญิง Nuala น้องสาวฝาแฝด ว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ เจ้าชาย Nuada กลับฆ่าพ่อตนเอง และตามล่า เจ้าหญิง Nuala ที่นำชิ้นส่วนมงกุฎ ที่ใช้สำหรับปลุก กองทัพ Golden Army หนีมากับตนเอง
แม้จะเรื่องราวจะฟังดูยิ่งใหญ่ กับการพยายามก่อสงครามระดับโลกของ เจ้าชาย Nuada แต่ตัวหนังเองกลับไม่ได้ ซีเรียสกับเรื่องราวนัก (หนำซ้ำยังออกมาฮาซะหลายๆฉากด้วยซ้ำไป)
บทบาทของตัวละครหลักๆ ที่มาคราวนี้มีบทให้เล่นกันมากขึ้น และกระจายความเด่นของแต่ละตัว ออกไปได้ดีทีเดียว
และถึงแม้จะเป็นตัวละครที่มีรูปร่างหน้าตาประหลาด ไม่ใช่มนุษย์ แต่หนังกลับให้ภาพการดำเนินชีวิต และปัญหาของพวกเขา (การใช้ชีวิตคู่ การตกหลุมรัก การทำงาน)ไม่ต่างจากมนุษย์ปกติทั่วไป ที่อาจเป็นตัวเราหรือเพื่อนๆเรา
ซึ่งทำให้ตัวละครเหล่านี้มีความเป็นมนุษย์ และยังช่วยเพิ่มความรู้สึกรู้สึกผูกพันกับตัวละครกลุ่มนี้ได้เยอะทีเดียว แถมคราวนี้ยังมีสมาชิกใหม่อย่าง Johann Krauss ที่กวนโอ๊ยไม่แพ้กันมาร่วมทีม
ใครที่ติดใจ Design ตัวละครแปลกๆ ในแบบ Del Toro คงสะใจ เพราะคราวนี้เหล่าตัวละครประหลาดทั้งหลาย ขนมากันเพียบ จะเรียกว่านี่คือ The Del Toro's Show ก็คงไม่ผิด
ส่วนตัวผมชอบ Tooth Fairy ที่ดูน่ารัก แต่ แอบโหด กับ The Angel of Death ที่ออกมาแป๊บเดียวแต่เท่ห์จริงๆ
Ron Pearlman ยังเยี่ยมเหมือนเดิมในบท Red คงเป็นคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะกับบทนี้
และภาคนี้ Doug Jones ได้แสดงความสามารถในการแสดงมากขึ้น ในบท Abe ที่คราวนี้แทบจะเป็นบทเด่นของเรื่องเลยทีเดียว
กับตัวร้ายอย่าง เจ้าชาย Nuada ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลในการกระทำ เหมือนตัวร้ายโหลๆ ทั่วไปที่เอะอะก็จะครองโลก แต่กลับมีอุดมการณ์แน่วแน่ ที่จะไม่ปล่อยให้มนุษย์ทำร้ายธรรมชาติ จากความไม่รู้จักพออีกต่อไป ( สงสัย Del Toro กำลังอินกับกระแสโลกร้อนตอนนี้พอดี )
ใช่ว่าจะเอามันส์ เอาฮา กันอย่างเดียว หนังยังมีประเด็นที่น่าสนใจ ถึงจะไม่ได้เน้นเท่าไหร่นัก แต่ก็ชัดเจนในตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นการเลือกข้างกับการต้องการเป็นที่ยอมรับ
จำเป็นหรือที่สังคมต้องยอมรับ หรือ แค่มีคนที่ยอมรับเราจริงๆแค่คนเดียวก็พอ
หรือเนื้อหาที่กระตุ้นให้ช่วยกันรักษาโลกใบนี้ที่กำลังเสื่อมโทรมเพราะน้ำมือมนุษย์ (แต่ประเด็นนี้ไม่แรง)
หนังเดินเรื่องเร็ว และกระชับ ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคือ จินตนาการ ของ Del Toro ที่มาพร้อมอารมณ์กวนๆ แถมยังแอบโรแมนติกอีกต่างหาก
นอกจากนี้ฉากแอ๊คชั่นทั้งหลาย (ที่เพิ่มขึ้นมาจากภาคแรกมาก) ดูสนุกกว่าภาคแรกเยอะทีเดียว กับการเดินเรื่องที่ถึงแม้จะไม่เข้มข้นมากนัก หรือ ทำให้ลุ้นกดดันกันจนตัวโก่ง แต่ก็ดูได้เพลินๆเรื่อยๆ
เมื่อเทียบกับภาคแรกแล้ว แม้จะให้อารมณ์ที่ไม่ต่างกันนัก แต่กับภาคนี้ Del Toro เต็มที่กับสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ทำให้ อิ่ม (แต่ไม่ อืด) กว่าภาคแรกที่ให้ความรู้สึกว่า อ้าว จบซะแล้ว
Hellboy II ตอบโจทย์ความเป็นหนัง Summer เพื่อความบันเทิงอย่างแท้จริง
ด้วยเนื้อเรื่องที่ไม่ซับซ้อน คาดเดาง่าย และเป็นไปตามสูตร แต่ก็ยังสนุกน่าติดตาม กับเหล่าตัวละครที่มีสีสัน และตื่นตาตื่นใจไปกับงานด้านภาพ และ ฉากต่างๆที่ออกแบบมาอย่างมีจินตนาการ
แม้ไม่ได้ประทับใจมากมาย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่รอคอยครับ 7/10
Create Date : 23 กรกฎาคม 2551 |
|
2 comments |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 4:45:15 น. |
Counter : 5086 Pageviews. |
|
|
|