*** Changeling *** อานุภาพของ ความหวัง *** Changeling *** Los Angeles ปี 1928 Christine Collins (Angelina Jolie) เข้าแจ้งความกับตำรวจว่าลูกชายของเธอ Walter (Gattlin Griffith) ได้หายตัวไปจากบ้าน หลายเดือนผ่านไป ตำรวจได้แจ้งกับเธอว่า ค้นพบลูกชายของเธอแล้ว แต่เมื่อเธอไปรับตัว ปรากฏว่า เด็กชายที่ตำรวจเจอนั้น ไม่ใช่ลูกชายของเธอ แต่ทางตำรวจกลับบังคับให้เธอยอมรับ ว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของเธอ ในที่สุดคดีเด็กหายนี้ ก็กลายเป็น คดีประวัติศาสตร์ที่ตีแผ่ความชั่วร้ายของตำรวจ L.A. ในยุคนั้น Changeling สร้างจากเรื่องจริง โดยฝีมือการกำกับของ Clint Eastwood ผู้กำกับรุ่นปู่ที่ผลงานกำกับทั้งหลายในช่วงหลังมานี้ สามารถไว้วางใจได้ ในเรื่องของคุณภาพ ภาพพจน์ของตำรวจ L.A. ในยุคนั้นไม่ต่างอะไรกับตำรวจในหนังเรื่อง L.A. Confidential นั่นก็คือ ตำรวจเลวที่สร้างอิทธิพลควบคุมเมือง ทำตัวเป็นศาลเตี้ย คอยกวาดล้างพวกอาชญากร เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคพวกได้ทำธุรกิจผิดกฎหมายเสียเอง ฉะนั้นตำรวจจึงมักถูกโจมตีโดยสื่อต่างๆอยู่เสมอ โดยเฉพาะ Gustav A. Briegleb (John Malkovich) บาทหลวงซึ่งมีรายการวิทยุที่ออกอากาศเป็นประจำทางสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง เมื่อ Christine ไม่ยอมรับ และออกมาประกาศแก่สาธารณชนว่า เด็กที่ตำรวจหาเจอนั้น ไม่ใช่ลูกของเธอ มันจึงสร้างความเสียหน้าครั้งใหญ่แก่ตำรวจ ตำรวจจึงพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะให้เธอยอมรับ และให้เรื่องนี้เงียบไปซะ ไม่นาน บาทหลวง Gustav ก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยได้รวบรวมพยาน และหาหลักฐาน เพื่อยืนยันว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเธอ และในเมื่อตำรวจไม่ยอมรับผิดชอบ เธอก็ต้องสู้ด้วยการหันไปพึ่งสื่อ เมื่อเหตุการณ์เริ่มบานปลาย ตำรวจก็จัดการส่ง Christine เข้าโรงพยาบาลบ้า โดยไม่ได้รับการวินิจฉัยใดๆจากแพทย์ แถมยังยื่นข้อเสนอว่า ถ้าต้องการออกไปจากที่นั่นให้ยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดอีกด้วย แต่แล้วความจริงก็เปิดเผย เมื่อนักสืบ Lester Ybarra (Michael Kelly) ตำรวจดีนายหนึ่ง สืบทราบว่าแท้จริงแล้ว Walter ก็คือหนึ่งในเด็กที่ถูกจับตัวไปโดย Gordon Steward Northcott (Jason Butler Harner) ฆาตกรโรคจิต ด้วยหลักฐานที่แน่นหนา และการช่วยเหลือของ บาทหลวง Gustav ในที่สุด Christine ก็ได้ออกมาจากโรงพยาบาลบ้า และเริ่มฟ้องร้องดำเนินคดีกับตำรวจ Changeling เป็นมากกว่าคดีเด็กหายธรรมดาๆ แต่มันเป็นเรื่องราวที่สะท้อนภาพของสังคมในยุค 1920 ของ L.A. ได้เป็นอย่างดี ซึ่งยุคนั้นเป็นยุคที่ตำรวจสร้างอิทธิพล ใช้อำนาจกดขี่ประชาชน และเป็นยุคที่ผู้หญิง แทบจะไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในสังคมมากนัก จะว่าไปแล้วเรื่อง การใช้อิทธิพลของผู้ที่มีอำนาจ ในการกดขี่ผู้ที่อ่อนแอกว่า ถือว่าเป็นประเด็นที่เป็นสากลในทุกยุคสมัย แม้ว่ากลุ่ม ผู้มีอำนาจ และ ผู้ถูกกดขี่ จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยก็ตาม (อย่างไรก็ตามเพศหญิงก็ยังคงตกเป็นเหยื่ออยู่เสมอๆ) ส่วนประเด็นที่สำคัญประเด็นหนึ่งของหนัง ที่น่าสนใจคือเรื่องของ “ความหวัง” จะพบว่า การที่ Christine พยายามเอาผิดกับฝ่ายตำรวจนั้น ไม่ใช่เพราะเธออยากแก้แค้น หรือเรียกร้องความรับผิดชอบ แต่เป็นเพราะเธอต้องการให้ตำรวจหันมาตามหาตัวลูกชายของเธออีกครั้งต่างหาก นั่นก็เพราะเธอยังหวังว่าลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง แม้ว่า มันจะมีโอกาสน้อยมากก็ตาม ในมุมหนึ่ง เหมือนเธอไม่ยอมปล่อยวาง ซึ่งมันส่งผลเสีย ทำให้จิตใจของเธอว้าวุ่นไม่สงบ แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง การที่เธอเปี่ยมไปด้วย “ความหวัง” มันก็ส่งผลที่ดีในหลายๆประการ ทั้งกับตัวเธอเอง ในแง่ของการสร้างกำลังใจให้เธอมีแรงในการดำเนินชีวิตต่อไป หรือ ผลดีกับสังคม ในแง่ของการล้างบางตำรวจชั่ว และ เป็นตัวอย่างที่ดีในการเรียกร้องสิทธิของคนชั้นล่างในสังคม และด้วยเรื่องราวที่ว่าด้วย “ความหวัง” คล้ายๆกัน ทำให้คิดไปถึงหนังอย่าง The Mist ได้อยู่เหมือนกัน ก็ถ้า The Mist จะทำให้คุณรู้ว่าถ้าหาก “หมดสิ้นความหวัง” จะเป็นอย่างไรแล้ว Changeling ก็ทำให้คุณรู้ว่า “การมีความหวัง” จะเป็นอย่างไร เช่นกัน จะว่าไปแล้ว หนังก็ไม่ได้ให้ภาพของความหวังในแบบที่สวยงามเกินไปนัก มันมีทั้งด้านที่ดี และไม่ดี แต่อย่างน้อย ความหวังของคนเป็นแม่ ก็เปลี่ยนแปลงสังคม ไปในทางที่ดีขึ้นได้เหมือนกัน แม้ Changeling จะสร้างจาก "เรื่องจริง" แต่หนังกลับมีความเป็น "เรื่องแต่ง" อยู่สูง เห็นได้ว่านอกจาก ตัวละคร Christine แล้ว ตัวละครอื่นๆแทบจะมีมิติเดียว ดีก็ดี เลวก็เลว แยกข้างได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันมีประโยชน์คือ ทำให้หนังสามารถสร้างอารมณ์ร่วม ให้ผู้ชมเอาใจช่วยฝ่ายของ Christine ได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ก็เกลียดทางฝ่ายตำรวจได้อย่างสนิทใจ เพราะฉะนั้นหนังจึงทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวหนังอย่างมาก Angelina Jolie ยอดเยี่ยมในบท Christine Collins ผู้หญิงทำงานที่เลี้ยงลูกเพียงลำพัง ซึ่ง Jolie แสดงออกให้เห็นถึงอารมณ์ของคนเป็นแม่ที่พยายามค้นหาลูกชาย และเต็มไปด้วยความหวังแม้แสงแห่งความหวังนั้นจะเลือนรางเต็มที อย่างไรก็ตาม นี่เป็นบทที่ไม่ได้มีมิติความลึกมากนัก แต่ก็ถือว่ามากที่สุดในเรื่องแล้ว และ Jolie ก็สามารถรับผิดชอบหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างดี สำหรับนักแสดงคนอื่นๆที่โดดเด่น ก็ได้แก่ Jeffrey Donovan ในบท ผู้กอง J.J. Jones ที่ถือว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายผู้ร้าย ก็เล่นได้น่าหมั่นไส้ดี ขณะที่ John Malkovich ก็เล่นบทพ่อพระที่ได้ใจผู้ชมไปไม่น้อยเลย ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็ให้การแสดงในระดับที่ดี ตามที่บทภาพยนตร์ต้องการจะให้เป็น ส่วนที่ชอบมากๆอีกอย่างหนึ่งคือ ดนตรีประกอบ ซึ่งก็เป็นฝีมือของ ปู่ Clint เองนั่นแหล่ะ ที่ตั้งแต่หนังเริ่มเรื่อง ก็ได้ใจแล้ว ทั้งความไพเราะของมัน ที่สัมผัสได้ถึงอารมณ์หดหู่ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น แถมยังเข้ากับอารมณ์ของตัวหนังอีกด้วย แม้หนังจะทำได้น่าติดตามมาโดยตลอด แต่ในตอนท้ายๆเรื่อง มันกลับลดระดับความน่าติดตามลงไป สาเหตุก็เพราะ ทั้งที่น่าจะจบลงได้แล้ว แต่หนังก็ยังยืดเรื่องราว ออกไปอีก ก็เข้าใจว่าเพื่อสร้างข้อสรุปและ ขับเน้นประเด็นบางประเด็น แล้วก็เหมือนกับว่า ปู่ Clint ต้องการ ตอนจบที่สร้างความพอใจให้กับผู้ชม ด้วย (ซึ่งจะเรียกได้ว่า Happy Ending แบบเศร้าๆก็ได้) แต่มันกลับรู้สึกเหมือนโดนยัดเยียดเสียมากกว่า Changeling เป็นหนังที่ทั้งทรงพลัง และมีความน่าติดตามสูง แถมเต็มไปด้วยข้อคิดและสาระในตัว ที่สำคัญมันยังสร้างความบันเทิงได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย แม้ว่าบทหนังจะไม่มีมิติความลึกในตัวมากนัก แต่เมื่อมันสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้ชมไปแล้ว ข้อบกพร่องนี้ก็แทบจะถูกลืมไปเลย ซึ่งผู้ที่ได้รับความดีความชอบไปเต็มๆก็คือ ปู่ Clint กับงานกำกับที่สัมผัสได้ถึงความละเมียดละไม และดนตรีประกอบที่โดดเด่น สรุปแล้ว Changeling คือหนังที่ไม่น่าพลาดชมครับ 8 / 10 ครับ ปล. พิมพ์ผิดเพียบเลย ฉบับนี้แก้ไขแล้วครับ   Create Date : 29 พฤษภาคม 2552 8 comments Last Update : 31 พฤษภาคม 2552 1:29:22 น. Counter : 5604 Pageviews. Share Tweet

จริงๆก็ชอบเรื่องนี้นะครับ แต่รู้สึกหนังมันยังไม่สุดยังไงชอบกล ออกอาการก้ำกึ่งอีก เพราะว่าผมค่อนข้างชอบความคลุมเครือเกี่ยวกับตัวฆาตกรโรคจิต (ซึ่งก็เล่นดีทีเดียว และน่าจะเล่นดีที่สุดในเรื่อง) ที่หนังพยายามจะสร้าง คือถึงแม้มันจะมีแง่มุมใหม่ๆให้หนัง แต่มันไปขัดขาเรื่องราวของตัวคริสตินจนสะดุดๆไปไม่สุดทางซะงั้น (ฉาก "ตำรวจสอบปากคำครั้งสุดท้าย" เป็นต้นไป ผมว่าน่าจะตัดทิ้ง) ผมตอนแรกๆ ก็ค่อนข้างจะหมั่นไส้อาการ "แบนราบ" ของตัวละครอยู่พอควร แต่เมื่อมานึกไปว่า เออเรื่องในหนังมันตั้ง 80 กว่าปีที่แล้ว เลยให้อภัย 55+ แต่ยังไง เจ๊โจลี่มาเบียด Sally Hawkins ของผมออกไปนี่ก็ยังเคืองไม่หาย - -*   โดย: nanoguy IP: 118.173.96.217 29 พฤษภาคม 2552 5:10:15 น.

ป.ล. ผมเกลียดโปสเตอร์เวอร์ชั่นนี้มาก สยองพองเกล้าเคล้าความสะพรึงเป็นที่สุด 55555555   โดย: nanoguy IP: 118.173.96.217 29 พฤษภาคม 2552 5:12:10 น.

ปู่คลินท์ยิ่งแก่ยิ่งเก่ง   โดย: komyooth 29 พฤษภาคม 2552 10:25:28 น.

ตอบ nanoguy 555+ การแสดงของ Jolie อาจไม่ได้เรียกว่าสุดยอด แต่ก็ถือว่าเป็นการแสดงที่ใช้ได้ทีเดียวนะ ผมว่าเธอทำการบ้านมาพอสมควร คือตอนดูหนัง ก็ไม่ได้รู้สึกว่านี่คือ "Jolie" นะ แล้วท่าทางที่เธอสร้างเพื่อตัวละครนี้ขึ้นมาก็ถือว่าช่วยลบภาพของ "Super Star" ของเธอไปได้ด้วย (ลองสังเกตุท่าปิดปากตกใจ ท่าทางการเดิน ที่เธอพยายามเปลี่ยนลุคสุดๆ) แต่บทของตัวละครของเธอก็ยังไม่ได้ยอดเยี่ยมมากน่ะครับ ส่วนที่เข้าชิง(แบบไม่ได้รางวัล) ผมว่าเป็นการหวังผลของทางผู้จัด เพื่อสร้างสีสันอย่างหนึ่งให้กับงานนะครับ ผมว่า ปล. ผมก็ว่า Poster มันไม่ Work ไงไม่รู้   โดย: navagan 30 พฤษภาคม 2552 11:36:09 น.

ดองมาก็น๊านนาน ยังไม่ได้หยิบมาดูเลยค่ะ หนังปู่คลิ้นต์นี่ยังชอบ mistic river มากที่สุด ปล. เห็นด้วยเลยนะเรื่องโปสเตอร์เนี่ย แปลกๆ เหวอๆ ไงไม่รุ ซึ่งเป็นแรงผลักมากพอสมควรที่ทำให้ชะลอการดูหนังเรื่องนี้   โดย: renton_renton 30 พฤษภาคม 2552 12:55:58 น.

^ ^ อ่า รีบไปนิด ขอแก้เป็น mystic river ค่ะ ู^_^   โดย: renton_renton 30 พฤษภาคม 2552 12:58:03 น.

เเวะมาเยี่ยมด้วย ป.ล.พิมพ์ผิด ไม่เคยดู ตั้งไว้นานเเล้วนะเนี่ย อายจัง   โดย: ลูกอบรสเขียด 31 พฤษภาคม 2552 8:19:15 น.

หนังดีครับ แต่อารมณ์ที่หนังใส่มายังไม่สุดเลย   โดย: Ghoeby 31 พฤษภาคม 2552 8:36:49 น.