ถ้าค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถึงวันนี้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก็น่าจะออกมาแล้วนะครับ นโยบายหนึ่งในหลายๆ ข้อของพรรคเพื่อไทยที่ได้ป่าวประกาศว่า จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็น 300 บาทต่อวัน และ เงินเดือนสำหรับพนักงานที่จบปริญญาตรีจะต้องไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท นั้น ถ้าสิ่งเหล่านี้กำลังจะเป็นจริงขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับการบริหารค่าจ้างเงินเดือนของแต่ละบริษัทบ้าง ลองมาดูกันครับ วันนี้ขอแตะที่ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันก่อนนะครับ ถ้าค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตรานี้จริงๆ ผลกระทบต่อระบบบริหารค่าจ้างเงินเดือนของบริษัทก็น่าจะมีดังต่อไปนี้ - ต้นทุนการจ้างแรงงานของบริษัทสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
เพราะเมื่อไหร่กฎหมายบังคับ ก็แปลว่าบริษัทจะต้องจ่ายที่ขั้นต่ำ 300 บาท นี่ยังไม่ทราบเลยนะครับว่า 300 บาทเป็นขั้นต่ำจริงๆ ส่วนอัตราสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมากกว่านี้หรือเปล่า ผลที่ตามมาก็คือ ถ้านายจ้างไม่มีความสามารถที่จะรับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ก็จะเกิดการลดอัตราการจ้างงานลง อัตราการว่างงานของกลุ่มแรงงานที่ไม่มีฝีมือ ก็จะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะบริษัทจะต้องหันไปใช้แรงงานจากต่างด้าว ซึ่งสามารถจ่ายอัตราค่าจ้างที่ต่ำกว่าที่กำหนดได้ ก็จะยิ่งทำให้แรงงานไทยตกงานมากขึ้นไปอีก - ถ้าเป็น 300 บาทต่อวัน คูณ 30 วันก็จะเป็น 9,000 บาทต่อเดือน
ซึ่งก็หมายความว่า จะมีผลกระทบต่ออัตราแรกจ้างตามวุฒิการศึกษาในระดับ ปวช ปวส และปริญญาตรี ซึ่งในหลายๆ บริษัทที่เริ่มจ้างกันในระดับปวช.ที่เฉลี่ย 6,500 ปวส. ที่เฉลี่ย 7,500 และ ปริญญาตรีที่เฉลี่ย 10,000 บาท (ข้อมูลจาก PMAT ปี 2553) แปลว่า บริษัทจะต้องปรับอัตราแรกจ้างใหม่หมด โดยอย่างน้อยๆ ก็ต้องเริ่มกันที่ 9,000 บาทต่อเดือนแน่นอนครับ - แล้วถ้ามีการปรับพนักงานในกลุ่มข้างต้น แน่นอนว่า
จะต้องส่งผลกระทบต่อพนักงานที่อยู่ใกล้เคียงกับตำแหน่งดังกล่าว ก็ต้องมีการปรับขยับกันตามๆ กันมา เพราะถ้าไม่มีการปรับผลกระทบดังกล่าวก็จะทำให้เงินเดือนพนักงานของแต่ละ กลุ่มขยับเข้ามาใกล้กันมาก ซึ่งอาจทำให้ความรู้สึกของพนักงานกลุ่มดังกล่าวไม่ค่อยดีนัก เพราะเดิมเคยได้รับเงินเดือนที่ต่างกันอยู่ แต่วันดีคืนดี รัฐบาลบอกปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เลยทำให้เงินเดือนของพนักงานที่เคยได้รับน้อยกว่านั้น ขยับเข้ามาใกล้ หรือ เท่ากัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป สรุปก็คือ บริษัทจะต้องจัดเตรียมงบประมาณในส่วนนี้ไว้ด้วยครับ - การแข่งขันของภาคธุรกิจอาจจะแข่งลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะอีก 5
ปีเราจะเข้าสู่การเปิดเสรีอาเซียน ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นการค้าเสรีในภูมิภาคนี้ ซึ่งถ้าเรามีต้นทุนที่สูง แต่คุณภาพยังไม่ดีพอ เราก็จะสู้ต่างประเทศไม่ได้จริงๆ ดังนั้นฝ่าย HR ควรจะวางแผนในการพัฒนาคนในช่วงนี้ให้ดี เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การแข่งขันที่กำลังจะเข้ามาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของเราสูงขึ้น แต่คุณภาพของแรงงานยังไม่ดีพอ เราก็จะเสียเปรียบต่างประเทศได้ครับ - ข้อดีของการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทก็คือ
พนักงานจะมีรายได้มากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานดีขึ้นด้วย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเมื่อไรที่มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เมื่อนั้นราคาสินค้าในตลาดก็จะสูงขึ้นไปด้วย ผลสุดท้ายก็คือ ปรับแล้วก็เหมือนไม่ได้ปรับครับ เพราะต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้นอยู่ดี ที่สรุปมาในข้างต้นนั้นเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนหนึ่งของผม และของเหล่า HR ที่ผมได้พูดคุยด้วยนะครับ ถ้าท่านมีความเห็นอื่นๆ เพิ่มเติมก็แลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
Free TextEditor
Create Date : 05 กรกฎาคม 2554 |
|
5 comments |
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 6:45:42 น. |
Counter : 1213 Pageviews. |
|
|
คนคงตกงานกันระนาว เพราะบริษัทไม่มีงบจะจ้าง