HR Management and Self Leadership
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
30 มิถุนายน 2554

สิ่งที่มักจะเข้าใจผิดในเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือน

ในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนที่ดีนั้น
มีองค์ประกอบหลายอย่างที่มาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่างาน ระดับงาน
การไปหาข้อมูลการสำรวจค่าจ้างเงินเดือน การกำหนดโครงสร้างเงินเดือน
การบริหารการขึ้นดือนอย่างเป็นธรรม รวมไปถึงการบริหารการเลื่อนตำแหน่ง
และการปรับค่าจ้างในกรณีต่างๆ องค์กรประกอบต่างๆ เหล่านี้
ก็มีหลายเรื่องที่มีคนเข้าใจผิดอยู่บ้าง ซึ่งผมก็ได้รวบรวมสิ่งที่หลายๆ
องค์กรมักจะเข้าใจผิดในเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือน
เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กันครับ



  • คนเก่งต้องมีค่างานสูง คนไม่เก่งมีค่างานต่ำรื่อ
    งของค่างานนั้นเป็นการประเมินที่ตำแหน่งงานไม่ใช่ประเมินกันที่คนทำงานนะ
    ครับ เมื่อไหร่ที่ประเมินคนทำงานว่าดี หรือไม่ดี เก่ง หรือไม่เก่งนั้น
    จะเป็นเรื่องของการประเมินผลงานมากกว่า ดังนั้นความเข้าใจที่ถูกต้องก็คือ
    การประเมินค่างานจะต้องพิจารณาจากตัวเนื้องานเพียงอยากเดียว
    ไม่มีการนำเอาคนเข้ามาพิจารณาแต่อย่างใด



  • คะแนนค่างานที่ประเมินออกมาได้นั้น เอาไปเข้าสมการแล้วออกมาเป็นเงินเดือนได้ทันที
    เรื่องนี้อีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆ คนเข้าใจผิดมากเลย
    ว่าคะแนนค่างานนั้นสามารถเข้าสูตรสมการสองหน้าหลังบวกหลังกำลังสอง
    แล้วจะออกมาเป็นตัวเลขเงินเดือนได้ทันที ซึ่งไม่ใช่เลยครับ
    ค่างานเป็นเพียงการจัดลำดับความยากงานของงานภายในองค์กรของเราเองเท่านั้น
    คะแนนก็แค่เป็นตัวช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าตำแหน่งไหนจะ
    ยากกว่าตำแหน่งไหนเท่านั้นเองครับ
    ไม่สามารถแปลงออกมาเป็นตัวเงินเดือนได้เลยครับ ถ้าแปลงได้
    ก็คงไม่ต้องไปสำรวจค่าจ้างเงินเดือนแล้วล่ะครับ
    แค่ประเมินค่างานได้แล้วก็สามารถกำหนดเงินเดือนได้เลย แบบนี้ Salary Survey
    ก็ขายไม่ออกแล้วล่ะครับ



  • ข้อมูลในรายงานการสำรวจค่าจ้างเงินเดือนที่ได้มานั้น เอาไปใช้กำหนดเงินเดือนได้เลย
    นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง
    ผมเห็นหลายคนเปิดรายงานการสำรวจค่าจ้าง
    แล้วก็หยิบเอาตัวเลขเงินเดือนในรายงานนั้นมากำหนดเงินเดือนให้กับพนักงานที่
    เพิ่งรับเข้ามาก็มี จริงๆ
    แล้วข้อมูลในรายงานผลการสำรวจค่าจ้างนั้นเป็นเพียงค่าแนวโน้มของตลาดเท่า
    นั้น เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่เก็บมาในแต่ละปี ก็แตกต่างกันออกไป
    จำนวนบริษัทที่เข้าร่วมก็ไม่เหมือนกันในแต่ละปี
    ดังนั้นตัวเลขที่ปรากฎจึงไม่ควรนำไปใช้แบบตรงๆ
    จะต้องมีวิธีการทางสถิติเพื่อทำให้ข้อมูลในรายงานกลายเป็นตัวเลขที่เรา
    สามารถใช้ได้จริงๆ ในการบริหารเงินเดือนของบริษัท



  • อัตราตลาดในโครงสร้างเงินเดือนคือจุด minimum ของกระบอกเงินเดือน เรื่อง
    นี้ก็เป็นเรื่องที่หลายบริษัทเข้าใจผิด ที่ผมเคยพบมาก็คือ เข้าใจว่า
    Minimum ของกระบอกเงินเดือนนั้นคือ อัตราตลาดที่จ่ายกันในงานนั้นๆ
    ข้อที่ถูกต้องคือ อัตราตลาดนั้นคือ Mid-point ของกระบอกเงินเดือนครับ ส่วน
    minimum นั้นเป็นการกำหนดอัตราเริ่มต้นที่พอจะทำงานในค่างานนั้นได้
    ซึ่งเราอาจจะยังไม่แน่ใจว่าพนักงานคนนั้นจะทำได้ตามมาตรฐานค่างานของตำแหน่ง
    งานหรือเปล่า ก็เลยเริ่มต้นการจ่ายที่ต่ำกว่าต่ำกว่าตลาดหน่อย
    พอเมื่อทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีการขึ้นเงินเดือนให้ตามผลงาน
    เมื่อไรที่ทำงานได้ตามมาตรฐานตำแหน่งงานแล้ว
    ก็จะเข้าใกล้อัตรากลางของโครงสร้างเงินเดือนมากขึ้น
    และเวลาวางโครงสร้างเงินเดือนนั้น ตัวเลขที่เราได้มาจากราคาตลาด
    (หลังจากที่เข้ากระบวนการทางสถิติแล้ว)
    จะนำมากำหนดเป็นค่ากลางของโครงสร้างเงินเดือน แล้วค่อยไปคำนวณหา minimum
    และ maximum กันภายหลังครับผม ไม่ได้เริ่มจาก minimum ก่อนอย่างที่หลายๆ
    คนเข้าใจนะครับ



  • การปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนให้ทันสมัย คือการยืด maximum ออกไปเรื่อยๆ นี่
    ก็อีกเรื่องหนึ่งที่หลายองค์กรทำผิดพลาดมาเยอะ ก็คือ
    เมื่อไหร่ที่มีการปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนให้ทันสมัยและทันเทียมกับตลาด
    ปัจจุบัน ก็คือ การยืดตัวเพดานสูงสุดออกไปอย่างเดียวก็พอ ส่วน Minimum
    นั้นให้คงไว้เหมือนเดิม ในความเป็นจริง
    การปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนจะต้องทำจาก mid-point ครับ แล้วค่อยยืด Min
    max กันใหม่อีกทีครับ



  • การที่เงินเดือนพนักงานของเราต่ำกว่าตลาด ก็ทำการปรับโครงสร้างเงินเดือนใหม่ก็จะทัดเทียมกับตลาด

    นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทมีการเปรียบเทียบการ
    จ่ายเงินเดือนของบริษัทกับตลาดแล้วพบว่าเงินเดือนโดยเฉลี่ยของบริษัทนั้น
    ต่ำกว่าตลาดที่เราแข่งขันด้วย ก็เลยทำการปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนใหม่
    แล้วก็จบ ซึ่งจริงๆ
    การที่จะทำให้อัตราเงินเดือนของพนักงานเราทัดเทียมกับตลาดได้นั้น
    จะต้องทำการปรับเงินเดือนพนักงานมากกว่าปรับแค่โครงสร้างเงินเดือนครับ
    ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าอัตราเงินเดือนโดยเฉลี่ยของพนักงานเราต่ำกว่าตลาดอยู่
    ประมาณ 3%
    เราก็อาจจะต้องเพิ่มอัตราเฉลี่ยของการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงานของเรา
    เช่น ตลาดบอกขึ้น 5% เราอาจจะต้องกำหนดงบประมาณขึ้นเงินเดือนมากกว่า 5%
    เพื่อที่จะทำให้อัตราเงินเดือนของพนักงานเราทัดเทียมกับตลาดมากขึ้นนั่นเอง
    ครับ


ทั้งหมดที่เขียนมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของความเข้าใจผิดในการบริหารค่าจ้าง
เงินเดือนครับ
ถ้าผมพบประเด็นอะไรที่น่าสนใจมากขึ้นก็จะนำมาเขียนให้อ่านกันใหม่นะครับ






Free TextEditor




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2554
0 comments
Last Update : 30 มิถุนายน 2554 6:48:39 น.
Counter : 1483 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


singhip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
และการพัฒนาภาวะผู้นำ

วางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ระบบบริหารผลงาน และระบบการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
[Add singhip's blog to your web]