รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
เทคนิคการภาวนา ตามต่างระหว่าง *รู้สึก* และ *นึกคิด*

ในการภาวนานั้น ถ้าไม่ใช่จิตไปนึกคิด จิตก็จะทำหน้าที่รู้สึก มันง่ายๆ มาก ๆ เหมือนโยนเหรียญ ถ้าไม่ออกหัว ก็ออกก้อย มันมีแค่นี้เอง

แล้วนักภาวนาจะรู้ได้อย่างไรว่า กำลังให้จิตรู้สึก หรือ ให้จิตนึกคิดกัน
ผมจะบอกเทคนิคการดูให้แก่ท่าน แต่ท่านต้องหาเองว่ามันต่างกันอย่างไร
ระหว่าง การรู้สึก และ การนึกคิด

1. การรู้สึก
ให้ท่านลองเอามือไปเกาหลังเล่นดู ให้ทำเล่นๆ นะครับ อย่าทำจริงจัง
สังเกตดู สายตา ท่านจะเห็นภาพข้างหน้าจะมัวๆ ไม่ชัดเจนเหมือนปรกติ

2. การนึกคิด
ให้ท่านตามองไปข้างหน้า แล้วเหลือบสายตามองขึ้นข้างบน เหมือนกำลังจะมองเพดาน แต่ใบหน้าอย่าหงายขึ้น ให้เหลือบแต่สายตาเท่านั้น ตอนนี้ ตาท่านจะเหมือนคนตาเหลือก ให้ท่านลองทำเล่น เหลือบตาขึ้นบน แล้วก็เหลือบกลับลงมาข้างล้าง ทำเล่น ๆ สัก 4-5 ครั้ง ทีนี้ให้สังเกตตัวเอง เวลาเหลือบตาขึ้นบน จะเหมือนมีพลังงานอะไรสักอย่างโผล่ขึ้นมาแถวใบหน้า ในขณะที่ถ้าเหลือบตาลงต่ำ พลังงานนี้จะหายไป ถ้าท่านเหลือบตาเล่นไปมาขึ้นลงหลาย ๆ ครั้ง ท่านน่าจะสังเกตได้ถึงพลังงานทีมันโผล่มาแล้วหายไปได้

ความต่าง**
การรู้สึก จะไม่มีพลังงานโผล่มาเหมือนการเหลือบตา ท่านลองกลับไปเกาหลัง เหลือบตาเล่นดูอีกก็ได้ เห็นความแตกต่างกันไหมครับ

ในกลไกการทำงานของความคิด พอท่านคิด พลังงานคล้าย ๆกับการเหลือบตาจะโผล่ขึ้นแถวใบหน้าท่าน ถ้าท่านสัมผัสมันได้ นี่คือการเห็นความคิด เห็นที่มันเป็นพลังงาน ไม่ใช่่ไปรู้ว่าคิดเรื่องอะไร

ทีนี้ลองเล่นของจริงดูก็ได้ ถ้าท่านสัมผัสพลังงานนี้ได้แล้ว ขณะท่านกำลังอ่านเรื่องนี้อยู่ สังเกตซิครับ ท่านสัมผัสพลังงานนี้ได้หรือไม่ เพราะขณะที่กำลังอ่านแล้วรู้เรื่องราว นี่ก็คือ ท่านกำลังคิดอยู่ครับ

ในการฝึกฝนนั้น ท่านสมควรให้จิตรู้สึก อย่าไปใช้จิตคิด
แต่ถ้าจิตมันคิดเอง ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าไปจงใจคิดก็แล้วกัน

ในการภาวนานั้น ท่านสามารถใช้การเหลือบตาขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ แล้วสังเกตพลังงานมันโผล่ มันหาย ก็ได้เช่นกัน นี่เป็นการภาวนานอกตำราที่ไม่มีการพูดถึง แต่ใช้ได้ครับ ถ้าอยากทำเล่น ๆ สนุก ๆ

ถ้าเข้าใจ จับทางได้ ทีนี้ ก็ลองสังเกตจิตตัวเองเล่นดูในชีวิตประจำวัน
มันคิด มันรู้สึก ดูมันทำงานสลับไปสลับมา แล้ว กำลังสัมมาสติจะเพิ่มมากขึ้น เป็นการฝึกฝนในชีวิตประจำวันที่ดีและน่าเล่นดูครับ



Create Date : 15 มิถุนายน 2555
Last Update : 15 มิถุนายน 2555 19:06:43 น. 0 comments
Counter : 2035 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.