รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
21 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 

ตัณหา ทิฐิ เมื่อไม่รู้จัก ก็จักนำความทุกข์มาให้

ในการภาวนานั้น จุดประสงค์ก็เพื่อให้รู้จักกับ ตัณหาและทิฐิ เพราะถ้าไม่รู้จักสภาวะของทั้งสองนี้ ผู้คนก็จะตกอยู่ในความหลงว่า ตัณหาและทิฐิ ต่าง ๆ นั้นเป็นตนเอง และ เป็นของตนเอง แล้วความทุกข์ก็จะตามมา

เมื่อยังไม่มีความสามารถในการจัดการกับ ตัณหาและทิฐิ ก็คือ ยังมี อวิชชา
ถ้ามีความสามารถในการจัดการกับ ตัณหาและทิฐิ ก็คือ มี วิชชา (อาสวักขยญาณ)

นี่คือแก่นของคำสอนในพระพุทธศาสนา ที่กล่าวในอีกรูปแบบหนึ่ง นอกเหนือจาก อริยสัจจ์ 4 และ ปฏิจสมุปบาท แต่ทั้งหมดก็คือ สิ่งเดียวกัน

ผมเขียนในรูปแบบนี้ ก็เพื่ออธิบายให้ท่านเห็น เข้าใจ เพิ่มมากขึ้น ถ้าท่านที่อ่านเรื่องอริยสัจจ์ 4 ปฏิจสมุปบาทแล้วไม่เข้าใจ ก็อาจทำให้เข้าใจได้ ถ้าอ่านในรูปแบบนี้

ในทาง Physical ทั้ง ตัณหาและทิฐิ จะมีสภาพที่เหมือนกัน คือเป็นก้อนพลังงาน บางท่านจะเรียกรวมๆ ว่า ความคิด ก็คือเจ้าสิ่งนี่เอง

เมื่อท่านเข้าใจแล้วว่า physical ของมันเป็นพลังงานความคิด การที่ท่านจะรู้จักมันได้ ก็คือ ท่านจะต้องเห็นมันได้ก่อน ก็คือ ต้องเห็นความคิด ให้ได้ก่อน

ในการฝึกฝนทุก ๆ อย่าง ถ้าไม่ลงไปสู่การเห็นความคิด หรือเห็น ตัณหาและทิฐิแล้ว จะไม่สามารถเข้าสู่วิชชา อาสวักขยญาณ ได้

การฝึกฝน เพื่อให้เห็นพลังงานความคิด เห็นจิตกระฉอกได้ นี่คือต้นทางการฝึกฝนเพื่อให้รู้จักกับพลังงานตัวนี้ พอท่านสัมผัสมันได้บ้างจากการฝึกฝนที่เป็นรูปแบบการฝึก ต่อไปก็คือ ท่านสมควรจะรู้จักกับตัวจริงของมันที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน

เมื่อท่านพบของจริง สัมผัสได้จริง ๆ ในชีวิตจริง ใหม่ๆ จะพ่ายแพ้ และ ท่านจะเป็นทุกข์ แต่นี่คือประสบการณ์จริงที่ท่านพบแล้ว และ การพบที่พ่ายแพ้นี้จะทำให้ท่านมีการพัฒนาต่อไปเพื่อจะชนะมันได้ในอนาคต

คำสอนในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ผมไม่บังควรชี้ชัดลงไปว่า แบบใดดีหรือไม่ดี ท่านต้องใช้ปัญญาพิจารณาเอาเอง หลังจากทีท่านศึกษาในพระไตรปิฏกว่า พระพุทธองค์ท่านสอนอย่างไร

ในพระไตรปิฏก เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสสอนปัญจวัคคีย์ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เมื่อไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ก็ไม่สมควรจะไปยึดถือว่า นั่นเป็นเรา นั่นเป็นของเรา

ถ้าท่านฝึกมาดีพอ ท่านสามารถสัมผัสอาการทาง*ปรมัตถ์* ของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ได้ ที่มีสภาพทาง physical เหมือนกันทั้งสิ้น คือ เป็นกลุ่มพลังงาน

เมื่อท่านสัมผัสบ่อยๆ ในการฝึกให้รับรู้กลุ่มพลังงานได้ ต่อไป ท่านก็สามารถจะรับรู้ปรมัตถ์ของขันธ์ 5 ได้ การรับรู้แบบนี้ ผลก็คือ จิตแยกตัว เห็นกลุ่มพลังงานนี้ที่เป็นส่วนของขันธ์ 5 ทีมันเกิดขึ้น แปรปรวน และ ดับลงไป เป็นไตรลักษณ์ ซึ่งจะตรงกันเปะกับสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนปัญจวัคคีย์

การเห็น physical ของขันธ์ 5 ท่านไม่ต้องไปแยกแยะว่า นี่คือ รูป นะ นี่คือ เวทนา นะ นี่คือ สัญญา นะ ... ไม่ต้องไปแยกแบบนั้น เพียงท่านสัมผัสกลุ่มพลังงานเป็นไตรลักษณ์ได้ แค่นี้จบ

ส่วน physical ของ ตัณหา จะสัมผัสได้ยากกว่า physical ของขันธ์ 5 มาก
ท่านต้องเห็นจิต เห็น มโน ได้ ก่อน ท่านจะเห็นกลไกการทำงานของ ตัณหา ที่จิตไปสร้าง มโน ขึ้น หรือ เห็น จิตหลุดจากฐานแล้ววิ่งเข้าไปยึดกับอาการต่าง ๆ ของขันธ์ 5

นี่คือ ทางตรงๆ ไม่อ้อมค้อมที่ท่านจะเดินเข้าสู่ทางดับทุกข์ ทางอ้อมมี ท่านจะเดินหรือไม่ ท่านเลือกเองได้ แต่อ้อมอย่างไร พอสุดท้าย ถ้าใครไม่เข้ามาที่นี่ เห็น physical ของตัณหาและทิฐิ จะไม่มีทางไปสู่อาสวักขยญาณได้เลย เมื่อไม่ถึงอาสวักขยญาณ ก็ไม่อาจพ้นทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง






 

Create Date : 21 มิถุนายน 2555
0 comments
Last Update : 21 มิถุนายน 2555 11:15:49 น.
Counter : 2670 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.