รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2564
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 สิงหาคม 2564
 
All Blogs
 
สิ่งใดไม่เที่ยง ไม่สมควรทีไปยีดถือว่า นั้นเป็นเรา นั้นเป็นของเรา

1..บทความเรื่อง <สิ่งใดไม่เที่ยง  ไม่สมควรไปยีดถือว่า สิ่งนั้นเป็นเรา สิ่งนั้นเป็นของเรา>
เป็นความเข้าใจส่วนตัว ท่านทีเข้ามาอ่าน แนะนำให้อ่านด้วยการพิจารณาด้วยปัญญา
ขอบคุณครับ
.
2...ในพระไตรปิฏกเถรวาท  มีคำสอนของพระพุทธองค์ต่อบุคคล หรือ กลุ่มบุคลล 
ว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ ไม่สมควรไปยีดถือว่า นั่นเป็นเรา นั่นเป็นของเรา
ชาวพุทธทีศรัทธาในคำสอน และได้ศีกษาในพระไตรปิฏก ก็จะพบคำสอนนี้
ปรากฏอยู่ในหลาย ๆ พระสูตรด้วยกัน
.
ปัญหามีว่า  สิ่งนั้นทีพระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงคืออะไร และจะเข้าใจในคำสอนนี้ได้อย่างไร
.
4..การจะเข้าใจในคำสอนนี้ ไม่ใช่ของง่าย เพราะ ไม่มีปรากฏในรายละเอียดในตำรา และ ไม่มีการสอนออกมาจากครูบาอาจารย์ท่านใดเลย  ท่านทีจะเข้าใจได้ จำเป็นต้องศีกษาค้นหาด้วยตนเองเท่านั้น
.
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสถึง ทางสายกลาง หรือ มรรค 8 และ สติปัฏฐาน 4 ไว้ นีคือ ทางทีพระพุทธองค์ทรงให้มา ส่วนรายละเอียด ท่านต้องลงมือปฏิบัติตามทีพระพุทธองค์ทรงสอนไว้
.
6.. ถ้าท่านลงมือปฏิบัติ โดยใช้หลักของ มรรค8 และ สติปัฏฐาน 4 ปฏิบัติไปเรื่อยๆ อย่างไม่ย่อท้อ
จิตของท่านจะมีกำลังจิตเพิ่มขึ้น ซี่งหมายความว่า  จิตท่านมีกำลังของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ มากขึ้นกว่าเดิมขึ้นมา

จิตทีมีกำลังของ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ท่านจะรู้ได้จากสิ่งทีท่านได้พบสภาวะธรรม ได้
> ท่านสามารถพบและรู้เห็นไตรลักษณ์ของ อารมณ์ปรุงแต่ง หรือ ความคิดทีไม่ได้ตั้งใจคิด ทีเกิดขึ้นเอง แล้ว ดับไปได้เอง
> ท่านสามารถ รู้การหายใจ ทีเป็นแบบรู้ได้เองได้ ( แนะนำ อ่านเรื่อง การรู้การหายใจแบบ Secondary ในลิงค์นี้ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2021&date=01&group=17&gblog=225   )
> เมื่อจิตของท่านมีประสบการณ์มากขึ้นในการพบและรู้เห็นไตรลักษณ์ของอารมณ์ปรุงแต่งได้ ซี่งประสบการณ์นี้ ท่านควรจะได้พบและรู้เห็นไตรลักษณ์ของอารมณ์ปรุงแต่งได้หลายๆ  ครั้งได้แล้ว นี่เป็นสิ่งสร้างเหตุให้ท่านเกิด ธรรมจักษุ ขึ้นมา ( ธรรมจักษุ หรือ ดวงตาเห็นธรรม หรือภาษาชาวบ้านเรียกกันว่า ตาใน   )

7..ดวงตาเห็นธรรม เมื่อเกิดใหม่ๆ  นักภาวนาจะเห็นได้ถึงโลกอีกโลกหนี่ง ทีซ้อนทับกับ โลกของมนุษย์เรา  มันเป็นโลกอีกมิติหนี่ง ( ตอไป ผู้เขียนขอเรียกว่า โลกภายใน  ) ที่เป็นทีเกิดของ ปรมัตถธรรม  ทีจะเห็นได้แต่คนมี ธรรมจักษุ เท่านั้น
.
เมื่อนักภาวนามี ธรรมจักษุ แล้ว งานภาวนาต่อไป ก็คือ การหมั่นพบทุกข์ เพื่อให้ สิ่ง 2 สิ่งทีอยู่ในโลกภายใน ปรากฏตัวขึ้น  
สิ่ง 2 สิ่งนี้ คือ 1..จิตตัวรู้ หรือ จิตผู้รู้  2.. จิตพลังงาน (จิตส่วนทีไปสร้างการปรุงแต่งขึ้นมา)
สิ่งทีท่านต้องทำก็คือ เฝ้าดู พฤติกรรมของ สิ่ง 2 สิ่งนี้

8..เมื่อนักภาวนาได้เผ้าดู พฤติกรรมของสิ่ง 2 สิ่งในข้อ 7 
จนพบรากเหง้าหรือรู้กำพืดของสิ่งทั้ง 2  นี้
จนเข้าใจในพฤติกรรมของสิ่งทั้ง 2  ได้เป็นอย่างดี
เมื่อใด ท่านก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ทีว่า สิ่งใดไม่เที่ยง ไม่สมควรไปยีดมั่นว่า สิ่งนั้นเป็นเรา หรือ สิ่งนั้นเป็นของ ๆ เรา
.
9...เพื่อเป็นแนวทางแก่ท่านนักภาวนา  เมื่อท่านเฝ้าดูจนเข้าใจในพฤติกรรมได้เป็นอย่างดี
ท่านควรจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง เพราะการได้เห็นในพฤติกรรมของเขา
ถ้าท่านยังตอบคำถามไม่ได้ในข้อใด ขอให้ท่านเฝ้าดูพฤติกรรมของเขาต่อไป จนกว่าจะเข้าใจได้ดี
.
A..จิตตัวรู้ หรือ จิตผู้รู้  เพราะเหตุใด จึงปรากฏตัวขึ้นเป็นเม็ด เป็นดวง
เพราะเหตุใด จึงไม่ปรากฏตัวเป็นเม็ดเป็นดวง
เมื่อท่านรู้สาเหตุแล้ว ต่อไป ท่านสามารถทำให้เจ้าสิ่งนี้
ปรากฏเป็นเม็ดเป็นดวงได้ไหม และ ทำให้ ไม่ปรากฏตัวเป็นเม็ดเป็นดวงได้ไหม
ซี่งท่านควรทำได้ทั้ง 2 แบบ
หมายเหตุ ถ้าท่านเข้าใจพฤติกรรมของข้อนี้ ท่านจะรู้จักว่า ความมีตัวตนหรือไม่มีตัวตน เกิดได้อย่างไร
B...อารมณ์ปรุงแต่งต่างๆ ไม่ว่าดีหรือเลว และ ความคิดต่าง ๆ  เกิดได้อย่างไร เหตุใดทีทำให้เกิดขึ้น และ เหตุใด ทีทำให้ดับลงไป
หมายเหตุ ถ้าท่านเข้าใจในข้อนี้ เป็นอย่างดี ท่านจะรู้ว่า ทุกข์เกิดได้เพราะเหตุใด ทุกข์ดับได้เพราะเหตุใด
C..วิญญาณทางตา ทางหู เกิดได้อย่างไร  และ วิญญาณทางตา ทางหู ดับลงได้อย่างไร  
หมายหตุ ทีแนะนำให้เฝ่าดูแค่ทางตา ทางหู เพราะง่ายทีสุด เมื่อเข้าใจได้ ก็จะเข้าใจในวิญญาณอายตนะอื่นได้ด้วย  
เมื่อท่านเข้าใจในข้อ C นี้ ท่านจะเข้าใจในคำสอนทีพระพุทธองค์ให้แก่ท่านพาหิยะได้
ท่านจะรู้ได้ด้วยว่า ทำไมตนทีอ่านเรื่องท่านพาหิยะ ทีอ่านแล้ว คำสอนดูเหมือนง่ายๆ  แต่ทำไมคนที่อ่านไม่สามารถพบความจริงในเรื่องนี้ได้

........ 3 หัวข้อข้างบนเป็นเพียงแนวทางให้แก่ท่านนักภาวนาเท่านั้น แต่เนื้อแท้แล้ว ยังมีอย่างอื่นอีก ทีผู้ภาวนาจะพบได้เอง จนเข่าใจได้เอง ทำให้เกิดปัญญาขึ้นแก่ตนเอง ( ปัจจัตตัง  )
.
10..ไม่มีใครจะบอกได้ว่า การเฝ้าดูพฤติกรรมของสิ่งทั้ง 2 นี้ จะใช้เวลานานเท่าใด
ขอเพียงแต่ท่านมีความเพียร มีหลักการ แล้ว เฝ้าดูไปเรื่อยๆ  
ขอบคุณสำหรับท่านทีอดทนอ่านจนจบ
และต้องขอบคุณ ถ้าท่านทีอ่านได้ประโยชน์จากบทความนี้
จนเข้าใจในธรรมของพุทธศาสนาได้อย่างหมดสงสัยในกาลภายหน้า



 


Create Date : 30 สิงหาคม 2564
Last Update : 4 กันยายน 2564 16:40:01 น. 0 comments
Counter : 930 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.