รู้แบบจิตไหลออก
เรื่องที่จะเขียนนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและชวนให้เกิดการทะเลาะได้มากครับ เพราะแต่ละสำนักจะมีวิธีการสอนที่ต่าง ๆ กันไป ซึ่งผมไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่สิ่งที่ผมจะเขียนนี้ ผมเขียนขึ้นสำหรับท่านนักภาวนาที่สนใจแนวทางที่ผมเขียนไว้พิจารณาเอาเองด้วยปัญญา อย่าได้เชื่อผมครับ แต่ผมแนะนำให้พิสูจน์
ในสติปัฐาน 4 นั้นได้กล่าวถึงสิ่ง 4 สิ่ง โดยย่อก็คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ซึ่งเรื่องนี้นักภาวนารู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ คือ วิธีการรู้ กาย เวทนา จิต ธรรม นั้น รู้อย่างไร จึงจะได้ผลที่ตรง ขอให้ดูจากภาพข่างล่างนี้
ตำแหน่งในการรับรู้ของคนนั้น จะมีอยู่ด้วยกัน 3 จุดใหญ่ ๆ
จุดที่ 1. เป็นภาพสี่เหลี่ยมสีเหลือง คนทั่วๆ ไปจะรู้ที่จุดนี้ เช่นการมองวัตถุต่าง ๆ รถ ผู้คน สัตว์ สิ่งของต่างๆ พอคนที่ไม่ได้ฝีกฝนมองสิ่งเหล่านี้ ผลก็คือ จิตจะไหลออกไปจับยึดสิ่งต่างๆ ทันที ดังลูกศร B ที่แสดงไว้
จุดที่ 2. เป็น มโน (ภาพวงกลมสีเขียว ) มโน นี้ คนทั่ว ๆ ไป ไม่รู้จักครับ เพราะมองไม่เห็น แต่มันจะอยู่ข้างหน้าคนเรานี่เอง ไม่ห่างนักแต่ไม่ติดชิดกับใบหน้า (อย่าไปหาว่า ห่างกี่นิ้ว ผมบอกไม่ได้ครับ )
อาการต่างๆ ของคน เช่น เจ็บปวด อารมณ์ต่างๆ เช่นดีใจ เสียใจ ความคิด จะปรากฏอยู่ใน มโน นี้
พอเกิดอาการต่างๆ ขึ้น จิตจะไหลเข้าไปใน มโน ดังลูกศร A และยิดติดอยู่ใน มโน นี้ ทำให้คนทั่วๆ เข้าใจว่า ฉันคิด ฉันดีใจ ฉันเสียใจ ฉันเจ็บปวด และ อื่นๆ ที่เป็นฉันไปหมด
จุดที่ 3.ก็คือ ร่างกายของคนเรานี่เอง จากนอกสุดไปถึงภายในร่างกาย การรู้ร่างกายมักจะเป็นแบบเพ่ง หรือ เรียกว่า เพ่งกาย หรือ บางคนก็เรียกว่า ย้อนกลับมาดูกาย แต่จะพูดอย่างไรก็ตาม จิตจะไหลเข้าไปอยู่ในกาย ดังลูกศร C
การรู้แบบจิตไหลทั้ง 3 แบบ เป็นจิตไหลออกทั้งสิ้น จิตไม่อยู่ในฐาน แต่ช้าก่อน..ท่านทีคิดจะทักท้วงผมในเรื่องแบบที่ 3 โปรดทำใจเป็นกลางและอ่านต่อไปก่อน
ผมเข้าใจครับว่า การรู้แบบที่ 3 มีการสอนกันมากว่าให้ดูกาย ให้รู้กาย ซึ่งเป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน นี่คนสอนเขาพูดไม่ผิดครับ แต่คนเรียนมักเข้าใจผิด เพราะการรู้กายแบบที่ 3 มีทั้งทีเป็นการรู้แบบจิตไหลออก และการรู้ที่ถูกต้องแบบสติปัฏฐาน 4 ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ต่างกัน โดยในสติปัฏฐาน 4 จะเป็นการระลึกรู้ด้วยสัมมาสติ ไม่ใช่การรู้แบบจิตไหลออกจากฐานเข้าไปในกาย
ผมกำลังชี้ให้ท่านเห็นจุดมักพลาดของนักภาวนาที่ไม่ได้ทำความเข้าใจกับสติปัฏฐาน 4 อย่างถ่องแท้ว่า อาตาปี สัมปชาโน สติมา
การรู้แบบสติปัฏฐาน 4 อาตาปี สัมปชาโน สติมา นั้น ไม่ใช่รู้แบบจิตไหลออก แต่เป็นการรู้แบบจิตอยู่ในฐานของจิต และเป็นการระลึกรู้เอา หรือ จะพูดง่ายๆ ก็ได้ว่า ให้รู้สึกเอา
อาจมีคำถามออกมาว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า ตอนนี้กำลังเป็นแบบอาตาปี สัมปชาโน สติมาหรือไม่.. คำตอบง่าย ๆก็คือ ขอให้นักภาวนาสังเกตตัวเองว่า จิตใจมีความอยากรู้สิ่งใดหรือไม่ หรือ เฉยๆ อยู่ มีความรู้สึกตัวทีเป็นธรรมชาติหรือไม่ จิตใจสบาย ๆ หรือไม่ หรือเครียดอยู่ ตามองเห็นได้อยู่ไหม หูได้ยินได้อยู่ไหม เวลามีลมพัดมายังรู้สึกได้อยู่ไหม
ถ้าท่านตอบตัวเองว่า ใช่ จิตใจกำลังสบายๆ เฉยๆ ไม่มีการอยากรู้สิ่งใด ไม่เครียด ตามองเห็นได้แบบสบาย ๆ หูได้ยินเสียงได้อยู่ ถ้ามีลมมากระทบกายก็รู้สึกได้อยู่ นี่แหละครับ จิตมันอยู่ในฐานแล้ว แต่ท่านยังมองไม่เห็นจิต ก็เลยไม่รู้
ในสติปัฏฐาน 4 กายานุปัสสนาบรรพแรก ได้กล่าวถึงว่า นั่งก็รู้ว่านั่ง เดินก็รู้ว่าเดิน นอนก็รู้ว่านอน อ่านแล้วเหมือนง่ายๆ ครับ แต่ความจริงไม่ง่ายเลย เพราะคนใหม่ๆ ถ้านั่งอยู่ถ้ารู้ว่านั่ง ก็เป็นการเพ่งกายว่ากำลังนั่ง เป็นต้น นี่ก็จิตไหลออกเช่นกันครับ ในการภาวนานั้น มือใหม่ต้องทำการฝึกสัมมาสติ จนจิตมีกำลังตั้งมั่น จิตจะแผ่กว้างออกที่เป็นไปเอง เมื่อจิตแผ่กว้างออกแล้ว จิตจะไประลึกรู้ได้เองว่า นั่งก็รู้ว่านั่ง ถ้าเป็นแบบนี้ จิตไม่ไหลออก แต่เป็นการระลึกรู้เพราะจิตมีกำลังและแผ่กว้างแห่งการรู้ออกไปเอง เห็นความต่าง และ ความเข้าใจผิดกันไปใหมครับ
ในการภาวนานั้น ขอให้นักภาวนา ฝึกรู้แบบจิตไม่ไหลออกจากฐาน ฝีกไปมาก ๆ เข้า จิตจะมีกำลังตั้งมั่นในฐานมากขึ้น เมื่อเกิดญาณเห็นจิตได้ภายหลัง นักภาวนาจะเข้าใจและมองเห็นจิตไหลออกไปดังภาพได้เวลาภาวนาแบบต่างๆ กัน และ จะเข้าใจการภาวนาที่ตรงในสติปัฏฐานสูตรอย่างแท้จริงว่า อาตาปี สัมปชาโน สติมา เป็นอย่างไร
Create Date : 03 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 9:36:14 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2783 Pageviews. |
|
|
การฝึกที่ตรงสติปัฏฐาน 4 จะส่งผลทื่ตรงต่อการดับทุกข์ของนักภาวนาและได้ผลออกมาได้ในที่สุด