รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2564
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 มิถุนายน 2564
 
All Blogs
 
เส้นทางแห่ง อาณาปานสติ สู่ สติ สมาธิ ปัญญา

1..บทความนี้ เป็นความเข้าใจ ส่วนตัวล้วน ๆ  จึงไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร หรือ เหมือนในตำรา เหตุที่ผู้เขียนได้เขียนขึ้นมาจากทีพบเองในประสบการณ์ส่วนตัว เพื่อเป็นการแบ่งปันแก่ท่านนักภาวนาทีกำลังเดินทางในเส้นทางแห่งองค์มรรค 
ผู้เขียนขอเน้นย้ำท่านทีเข้ามาอ่านว่า  อย่าได้เชื่อในบทความนี้เด็ดขาด  ในเส้นทางการภาวนา ขออย่าได้หลงเชื่อแม้แต่ในตำรา หรือ คำสอนของผู้ใด  ( แนะนำอ่าน กาลามสูตร 10 อย่าง )
.
2..ผู้เขียนได้เขียนถึงการภาวนาด้วย อาณาปานสติ ด้วยการรู้อาการหายใจทีเป็นแบบ Secondary ไว้ใน https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2021&date=01&group=17&gblog=225   
สิ่งทีเขียนในบทความในลิงค์  สำหรับนักภาวนามือใหม่ ทีไม่เข้าใจในคำศัพท์ของคำว่ารู้แบบ Secondary ทีผู้เขียนนิยามขึ้นเอง ไม่มีคนอื่นใช้คำนี้ และ ไม่มีในตำราของอาจารย์ใด ๆ ในประเทศไทย
(สาเหตุทีผู้เขียน ต้องตั้งคำศัพท์แปลก ๆ ขึ้นมา เพื่อสดวกแก่การอธิบาย แก่ผู้สนใจ หรือ ผู้ทีเข้ารับฟังการบรรยายของผู้เขียน ให้เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติภาวนา )

แต่ถ้า ผู้ทีฝีกฝน อาณาปานสติ ทีรู้การหายใจแบบ Secondaryไปเรื่อยๆ  จนสามารถทีจะรู้ อาณาปานสติ ได้พร้อมกับ การทำงานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
ถ้าท่านภาวนาจนได้แบบนี้ การรู้อาณาปานสติแบบ Secondary ที่ไม่ขาดตอนไปเลย ไม่ว่า ท่านจะอยู่ในอิริยาบทใด ยืน เดิน นั่ง นอน กินอาหาร ดื่มน้ำ ขับถ่าย อาบน้ำ ถูบ้าน ล้างจาน ซักเสื้อผ้า ล้างรถ รีดเสื้อผ้า หรือ อื่นๆ อีกมากในชีวิตประจำวัน  นีคือ ท่านได้ อาณาปานสติ ทีสมบูรณ์
.
3..ต่อเมื่อท่านยังฝึกฝนการภาวนาต่อไปอีกแบบไม่ย่อท้อ  ท่านได้ อาณาปานสติ ทีสมบูรณ์ รู้ว่า มีการหายใจแบบ Secondary ปรากฏอยู่ไม่ขาดตอนในชีวิตประจำวันได้  ต่อไป เมื่อประสบการณ์ท่านมีมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ต่อไป ไม่ว่า ท่านจะนึกคิดสิ่งใด  ท่านก็จะยังสามารถรู้การหายใจทีเป็น Secondary ได้ด้วย เมื่อท่านมีการนึกคิดเกิดขึ้น  ถ้าท่านนักภาวนาที่ได้แบบนี้ ท่านจะได้ อาณาปานสติ ทีเป็น มหาสติ หรือ อาจจะเรียกว่า ท่านได้ สัมมาสมาธิ ใน อาณาปานสติ ก็ได้
.
 ***ข้อควรระวัง ถ้ากำลังจิตของท่านยังไม่มากพอจนถึงระดับ และ พยายามไปทำให้มีการรู้ การหายใจ พร้อมรู้อาการนึกคิด ละก็  ท่านอาจพบกับโรคลมในกระเพาะอาหาร เกิดอาการท้องอืด รักษาทางโลกอย่างไรก็ไม่หายได้ 
ดังนั้น การได้ มหาสติ หรือ สัมมาสมาธิ ในอาณาปานสติ นี้ ขอให้ท่านนักภาวนา อย่าได้ใจร้อน
ขอให้หมั่นฝีกฝนไปเรื่อยๆ  จนกว่า จะได้เอง แล้วท่านนักภาวนาจะปลอดภัยจากโรคลมในกระเพาะอาหาร
.
4..ใน มรรค 8 จะมีคำว่า สัมมา อยู่นำหน้าแล้วมีชื่อในทางธรรมต่อท้าย คำว่า สัมมา ใน มรรค 8 นี้ หมายความว่า การรู้ในอาการในมรรค 8 ด้วยอาการทีไร้ตัวตน ไมใช่การตั้งใจไปรู้ แต่เป็นการรู้ทีเกิดขึ้นเอง ซึ่งการรู้แบบ Seondary ก็จะตรงกับการรู้แบบนี้ คือ รู้ได้เอง ไม่ได้ไปตั้งใจทีจะไปรู้
เมื่อการรู้ทีไม่เจือด้วยความตั้งใจ จึงเป็นการรู้ธรรมทีไร้ตัวตน
ในทางภาวนา การรู้แบบไร้ตัวตนทีไปรู้ บางอาจารย์จะเรียกว่า รู้ล้วน ๆ  หรือ บางอาจารย์ก็จะพูดว่า รู้ทีไม่มีคิด หรือ บางอาจารย์ ก็จะเรียกว่า รู้ทีไร้ตัวตน
.
5...จาก อาณาปานสติ ทีสมบูรณ์ สู่ สัมมาสมาธิ ในอาณาปานสติ เข้าสู่ ปัญญาขั้นสูงในการภาวนา
ขอให้ท่านดูรูปข้างล่างนี้ และ อ่านเรื่องประกอบในรูป ทีจะเขียนต่อไป


*
ขอให้ดูภาพข้างบน 
ในการปฏิบัตินั้น ชีวิตคนเราจะมี 2 แบบ เสมอ ไม่ว่าใครก็ตาม
*
แบบที่ 1 (ด้านซ้าย) เมื่อต้องใช้ชีวิตทางโลก
เมื่อต้องใช้ชีวิตทางโลก คนเราต้องทำกิจกรรมทางโลกหลายๆ อย่าง ต้องมีการนึก การคิด
การพูดคุยต่างๆ เพื่อประกอบอาชีพ และ การติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ อยู่เสมอ
>>>>>ในกิจกรรมทางโลก หรือ ธรรทางโลก จะต้องใช้สติทางโลก เพื่อควบคุมการทำงาน
ส่วนนี้ ให้ได้ดี ไม่มีผิดพลาด
>>>>> ในขณะเดียวกัน นักภาวนาทีต้องการเข้าสู่เส้นทางแห่งมรรค ก็ต้องมีความเพียร เฝ้าฝีกฝน
จนเกิด สัมมาสมาธิ ใน  อาณาปานสติ ที สติทางธรรม แบบรู้อยู่ที่นี้ แบบ Secondary
>>>>> ความสำคัญก็คือ ธรรมทางโลก และ ทางธรรม จะแยกออกเป็นอิสระต่อกันโดยสิ้นเชิง ไม่เกี่ยวข้องกัน  ธรรมทางโลก ก็ดำเนินไป  ส่วน ทางธรรม ก็ดำเนินไปเช่นกัน 
*
แบบที 1 นี้ เป็นการฝีกฝนทียากมาก ๆ ทีจะฝีกฝนจนได้แบบนี้ แต่ถ้าใครทีฝีกฝนได้
ก็ย่อมจะวางใจได้ว่า เมื่อสิ้นลมลงไป การเกิดใหม่จะไม่มีการเกิดขึ้นอีก
*
แบบที่ 2 (ด้ายขวา ) เมื่อไม่ต้องใช้ชีวิตทางโลก
แบบนี้ จะง่ายกว่าแบบที่ 1 เพราะไม่มีงานทางโลกทีต้องทำเข้ามา
งานทางโลกนี่เหมือนครู ทีมาคอยรบกวนองค์ธรรมของจิต ให้จิตต้องคิด มีการปรุงแต่งเกิดอยู่เสมอ
.
เมื่อท่านนักภาวนา ได้แบบที 1 มาได้เป็นอย่างดี การได้แบบที 2 ก็ไม่เป็นสิ่งทียากลำบากคนเกินเอื้อมอีกต่อไป  ดังนั้น  การฝีกฝนในแบบที่ 1 จึงเป็นสิ่งทีนำความสมบูรณ์มาให้แบบที่ 2 นี้
ความสมบูรณ์แบบที 2 นี้ ก็คือ ความสมบูรณ์ในทางธรรม ทีนักภาวนาทีพบได้ ก็จะนับว่า ได้ปัญญาขั้นสูงในพุทธศาสนา

อาจมีท่านนักภาวนาอยากถามว่า ถ้าฝีกแต่แบบที่ 2 ไม่ฝีกแบบที่ 1 ได้ไหม
ในทัศนะของผู้เขียน การไม่ฝีกแบบที่ 1 ความสมบูรณ์ของ อาณาปานสติ ใน สัมมาสมาธิ
จะไม่แข็งแรงเต็มทีเหมือนกับได้ฝีกแบบที่ 1 
ซี่งผู้เขียนแนะนำว่า เพื่อความสมบูรณ์และมั่นใจได้เต็ม 100 ว่า ถ้าท่านสิ้นลมลงไป
ท่านจะไม่เกิดอีกอย่างแน่นอนทีสุด
ท่านควรฝีกแบบที่ 1  แล้ว มาใช้ แบบที่ 2 เมื่อตอนทีท่านกำลังจะสิ้นลมลงไป 
*
6...บทความนี้ เป็นเพียงแนวทางทีผู้เขียนขอแบ่งปันจากประสบการณ์
ที่ได้จากการฝีกฝนในการภาวนามายาวนานหลายปี
เส้นทางขององค์มรรค ไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ  แต่ก็ไม่ใช่ไม่อาจไปสัมผัสได้
ถ้าท่านนักภาวนาเดินทางในองค์มรรคอยู่เสมอ ท่านก็จะพบธรรมได้เอง
แต่การพบธรรมของท่านในระหว่างเดินทาง จะเป็นธรรมทีพบได้แบบบังเอิญ
พบได้จริง  1 ครั้ง แต่ไม่อาจจะใช้สติที่มีอยู่ในจิตของท่านเพื่อพบธรรมนั้นได้อีกครั้ง
มีเพียงการฝีกฝน จนเกิด อาณาปานสติ ใน สัมมาสมาธิ เท่านั้น ถ้าเกิดขึ้นได้แล้ว
ท่านก็จะพบธรรมนั้นได้โดยง่ายทันที
.
วิธีการภาวนา และ ความเพียร ย่อมขึ้นกับตัวของท่านเองต่อไป
เมื่อท่านเข้าใจในการภาวนาได้ทั้งหมด ท่านจะหมดสงสัยในการภาวนา
ท่านจะเข้าใจในธรรมได้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน
*******
ขอนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น


Create Date : 04 มิถุนายน 2564
Last Update : 31 สิงหาคม 2564 9:12:25 น. 0 comments
Counter : 839 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.