รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กันยายน 2565
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 กันยายน 2565
 
All Blogs
 
อวิชชาดับ ลักษณะอาการเป็นอย่างไร

1..บทความเรื่อง < อวิชชาดับ ลักษณะอาการเป็นอย่างไร > เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง
บทความนี้ ผู้เขียนไม่ขอรับประกันความถูกต้อง ท่านที่เข้ามาอ่านอย่าได้เชื่อโดยไม่พิสูจน์ หรือ ใช้ปัญญาพิจาณาวิเคราะห์ก่อน

2..อวิชชา ในพุทธศาสนานั้น มีการเขียนไว้ว่า เป็นการไม่รู้ที่สมบูรณ์ในอริยสัจจ์ 4 และรู้แบบไม่กระจ่างแจ้งชัดจนหมดสงสัยในอริยสัจจ์ 4 

ข้อเขียนนี้ ไม่ผิด แต่ผู้ที่เข้ามาอ่าน ก็จะยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า อวิชชา นั้นลักษณะอาการเป็นเช่นไร และ ถ้าคนที่ได้ปฎิบัติธรรมจนสามรถดับอวิชชาได้แล้ว จะรู้ได้อย่างไร ตนได้ปฏิบัติจนดับอวิชชาได้ดับลงไปแล้ว

3..สังสารวัฏ ในมุมมองของสมมุติ

สังสารวัฏ คือ กรงขังที่ยิ่งใหญ่ของสัตว์ 
ถ้าเปรียบให้เข้าใจ ขอเปรียบกับสวนสัตว์เปิดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ที่สัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในนั้น
สามารถวิ่งไปไหนมาได้สดวกเหมือนประหนี่งว่า สัตว์นั้น ๆ ไม่ได้ถูกกักขังในสวนสัตว์นั้นเลย
แต่ในความจริง สัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์เปิด ก็ยังถูกกักขัง ไม่ได้เป็นอิสระทีแท้จริง

คนเราก็เช่นกัน การที่คนหนี่งเกิดมา แล้ว แก่ แล้วตายไปจากโลกใบนี้ ล้วนตกอยู่ในวงเวียน
แห่งสังสารวัฏทั้งสิ้น แต่คนทั่วไป จะมองไม่เห็นวงเวียนสังสารวัฏนี้

พอคนเกิดมา ก็ไปเรียนหนังสือ เพื่อทำงาน แล้วมีเงินทอง แล้วก็แต่งงาน มีลูก มีครอบครัว ยิ่งมีเงินมากเท่าใด คนก็จะรู้สีกดีมากชึ้นเท่านั้น ทำให้คนในโลกนี้ ตกอยู่ในวงเวียนสังสารวัฏนี้โดยไม่รู้ตัว
แต่พอตัวเขาแก่ตัวลงไป โรคภัยมาเยือน รูปร่างที่เคยสวยงามก็เหี่ยวย่น น่าเกลียด
เรี่ยวแรงที่เคยมี ก็เสื่อมถอย ถ้าเขาเป็นคนที่มีปัญญาพสมควร เขาก็จะได้คิดว่า เงินที่หามาได้ชั่วชีวิต  ไม่อาจทำให้เขามีความสุขได้จริง  พอถึงเวลา เขาก็จะตาย ลาโลกนี้ไป 
แล้วพวกญาติ ๆ ก็ร้องไห้เสียใจที่เขาจากไป แต่พอเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน
พวกญาติ ๆ  ก็มาทะเลาะกันเรื่องสมบัติที่ผู้ตายได้ทิ้งไว้

ถึงกายนี้ตายไป แต่วงเวียนสังสารวัฏ ก็เกิดขึ้นใหม่อีกรอบ รอบแล้วรอบเล่า แล้วคนก็ยังตกอยู่ในวงเวียนนี้ แบบหาทางออกไม่พบ

4..สังสารวัฏในมุมมองของปรมัตถธรรม
ตัวจิตของคนเรานั้น มี 2 ส่วน ส่วนแรก ผู้เขียนขอตั้งชื่อว่า จิตตัวรู้ หรือ อาจเรียกว่า จิตดี
ก็ได้ 
อีกส่วนหนี่ง ผู้เขียนขอตั้งชื่อว่า จิตพลังงาน หรือ อาจเรียกว่า จิตมาร ก็ได้

ในคนที่เกิดมาทุกคน  จิตดีถูกจิตมารครอบงำอยู่  เพราะจิตมารมีพลังมากกว่าจิตดี
>>จิตมารมีหน้าที่สร้างขันธ์ขึ้นมา
.....ทำให้คนทำงานทางโลกได้
.....ทำให้คนพูดคุยได้
.....ทำให้คนนึกคิดได้
......ทำให้คนมีอารมณ์ รักโลภโกรธหลง ที่คนเรียกกันว่า กิเลส กิเลสตัวใด ยิ่งที่ให้เขาสมอยาก เขาจะมีความสุขมาก แล้วก็โหยหาและทำอะไรหลาย ๆ  เพื่อสนองกิเลสตัวนั้น โดยไม่มองเลยว่า
การกระทำของเขา อาจผิดกฏหมายบ้านเมือง ผิดจารีตประเพณีของชุมชน ผิดมนุษยธรรม
แต่เขาก็ยังทำ ถึงแม้จะผิดก็ตาม

โดยเนื้อแท้ของจิตมารนั้น ถึงมีพลังมากก็จริง แต่ก็ยังต้องอาศัย จิตดี มาช่วยเสริม
พลังนี้  จิตมารจึงครอบงำจิตดีไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ปล่อยให้จิตดีหนีไปไหน
เพราะถ้าจิตดีสามารถหนีออกจากการครอบงำของจิตมารได้เมื่อใด
จิตมาร จะกลายเป็นเสือกระดาษทันที  
ความคิดใด ๆ  หรือ กิเลสใด ๆ ที่เกิดขึ้นมาเพราะจิตมาร ถ้าไม่มีจิตดีเข้ามาเสริม
ความคิดนั้น ๆ หรือ กิเลส นั้น ๆ ก็จะดับสลายตัวลงไปเองเป็นไตรลักษณ์ทันที
หลังเกิดขึ้นมาแล้ว  ความจริงเรื่องการดับสลายตัวลงไปได้เองเป็นไตรลักษณ์
ใครที่ภาวนาถึงระดับ ก็จะสามรถพบเห็นได้เองของความจริงของธรรมชาตินี้ขอจิตมาร

5.. อวิชชา / วิชชา คือ อย่างไร
อาการที่ จิตดี ถูกจิตมารครอบงำอยู่นี่แหละ คือ สังสารวัฏในมุมมองของปรมัตถธรรม
การที่ จิตดี ถูกจิตมารครอบงำ โดยจิตดี ก็ไม่รู้ตัวว่า ถูกจิตมารครอบงำอยู่ 
แต่ถ้าเมื่อใด ที่ จิตดี รู้แล้วว่า ถูกจิตมารครอบงำอยู่ แต่ยังหาวิธีหนีออกมาจากการครอบงำ
ของจิตมารไม่ได้  นี่คือ ลักษณะของ อวิชชา ที่เกิดขึ้นอยู่ คือ ยังหาวิธีการหนีจากจิตมารไม่พบนั้นเอง

แต่ถ้า เมื่อใด ที่จิตดี รู้แล้วว่า ถูกจิตมารครอบงำอยู่ และ หาวิธีการที่หนีออกมาจากการครอบงำ
ของจิตมารได้แล้ว เมื่อ จิตดี มีความรุ้แบบนี้และหนีออกมาจากการครอบงำได้สำเร็จอย่างแท้จริง
การมีความรู้แบบนี้ ทางพุทธศานาเรียกว่า การมีปัญญาญาณ หรือ จะพูดว่า มีวิชชาแล้ว ก็ได้ หรือ จะพูดว่า จิตหลุดพ้น ก็ได้

เมื่อ มีวิชชา เกิดขึ้นแล้ว สามารถรุ้วิธีการหนีจากการครอบงำของจิตมารได้แล้ว /
อวิชชา ก็ไม่มีอีก นั้นคือ อวิชชา ได้ดับลงไปแล้ว เพราะมีการเกิดขึ้นของ วิชชา

5..ในการปฏิบัติ วิธีการที่จะดับอวิชชาลงไปได้อย่างไร

พระพุทธองค์ได้ประทานความรู้ที่จะดับอวิชชาลงไปได้จริงให้แก่ชาวพุทธ
นั้นคือ การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4  อันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ รู้จักอวิชชา ได้ในขี้นต้น
และ พบวิธีการหรือ พบวิชชา ที่ดับอวิชชาลงไปได้ในที่สุด

สติปัฏฐาน 4 เปรียบเหมือนการเข้าโรงเรียน แล้วไปเรียนต่อที่ระดับมหาวิทยาลัย ถึงคนที่เข้ามหาวิทยาลัยได้ ถึงเรียนจบ
คนจำนวนมาก ก็ไม่อาจมีความสำเร็จในชีวิต มีความสำเร็จในหน้าที่การงานได้
เพราะสิ่งที่เรียนมาในโรงเรียน  ในมหาวิทยาลัย เป็นเพียงพื้นฐาน
ที่คนเรียนต้องนำวิชาที่เรียนมาไปประยุกต์ต่อเอาเองว่า จะทำอย่างไร จึงจะนำวิชาที่เรียนมา
จากมหาวิทยาลัยออกไปทำงาน ออกไปอยู่ในสังคม แล้วประสบความสำเร็จได้
คนที่ประสบความสำเร็จได้ ก็สามารถเรียกได้ว่า มีวิชา มีปัญญา
ซี่ง ปัญญา ของแต่ละคน ก็จะมีไม่เหมือนกัน บางคนมีอย่างนี้ บางคนมีอย่างโน้น
ทำให้คนที่สำเร้จทางโลก มีหลากหลายแบบอย่างด้วยกัน

ในทางธรรมก็เช่นกัน การฝีกฝนสติปัฏฐาน 4 ไม่ว่า จะทำเองที่บ้าน หรือ ไปเข้าสำนัก หรือไปฟังซีดีของครูบาอาจารย์ท่านใด ก็เป็นเพียงความรู้พื้นฐาน แต่การหาทางออกจากอวิชชานี่่ จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปด้วยตนเอง เฝ้าสังเกตอาการทางจิต อาการทางกาย อาการทางเวทนา แล้วก็หาทางแก้ไขทุกข์ที่เกิดขึ้น ยิ่งมีทุกข์มาก ก็มีการแก้ที่มาก ยิ่งแก้มาก ปัญญาก็ยิ่งมาก เมื่อปัญญามีมากเพราะประสบการณ์แก้ทุกข์ วันหนี่ง ก็จะพบกับ วิชชา พบความเป็นอิสระจากจิตมารได้

ท่านที่อ่านพระไตรปิฏก หรือ ฟังซีดีของครูบาอาจารย์ใด ๆ ท่านะจพบว่า ไม่มีการสอนใด ๆ ในระดับปัญญาเลย  มีแต่การสอนระดับมาตรฐานเหมือนการสอนในมหาวิทยาลัยอย่างใดอย่างนั้น
ซี่ง ระดับปัญญา ท่านที่ผ่านการฝีกฝนสติปัฏฐาน 4 มาแล้วพอสมควร ก็ต้องเดินหน้าต่อด้วยตนเอง
จนถึงการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของตนเอง
เมื่อใด ที่พบ วิชชา ได้ สังสารวัฏ ก็หักสะบั้นลงเมื่อนั้นทันที

6..ผู้เขียนหวังว่า บทความนี้ อาจเป็นความสว่างดวงเล็ก ๆ ของหิ่งห้อย
ให้แก่ท่านที่สนใจในการหนีออกจากสังสารวัฏ ได้รู้จักทาง
ที่ท่านต้องลงแรงต่อไป พากเพียรต่อไป เพื่อการสิ้นสุดสังสารวัฏของตัวท่านเอง



 


Create Date : 08 กันยายน 2565
Last Update : 8 กันยายน 2565 15:39:42 น. 0 comments
Counter : 502 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.