รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2565
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
9 สิงหาคม 2565
 
All Blogs
 
มาเป็น...ท่านพาหิยะ..กันเถอะ

หมายเหตุ ... บทความนี้ เขียนขึ้นมาใหม่ แทนบทความเดิมที่เคยเขียนไว้
ใน Blggang.com นี้  ที่ ขณะนี้ ตัวอักษรไม่เรียงตัวเป็นระเบียบ ยากแก่การอ่าน
และไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้  จึงตัดสินใจเขียนขึ้นมาใหม่ตามนี้
.
1..พระสูตรในพระไตรปิฏกทีลือลั่นมากพระสูตรหนี่งก็คือ พาหิยะสูตร
ทีนักภาวนาในไทยแทบจะทุกคน ต้องเคยได้ยินหรือได้อ่านพระสูตรนี้มาแล้ว
ทีพระพุทธองค์ทรงตรัสแก่ท่านพาหิยะ สรุปได้ดังนี้ว่า........
.
เมื่อเห็น จักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง 
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง 
ดูกรพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล 
เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง 
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง 
ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้น 
ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้าย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง 
นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ.
จาก https://www.84000.org/tipitaka/_mcu/v.php?B=25&A=1607&Z=1698
.
2.ทำไมคนทั่วไปจึงไม่อาจพบอาการทางธรรมในพาหิยะสูตรได้
.
ในการรับรู้ของคนทีใช้อายตนะทั้ง 6 ในการรับรู้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย มโนทวาร
การรับรู้แบบนี้ เมื่อเกิดการรับรู้ขึ้นแบบตั้งใจ  จะเกิดวิญญาณขันธ์ทีอายตนะขึ้น
เมื่อเกิดวิญญาณขันธ์ ก็จะเกิดขันธ์ตัวอื่นตามขึ้นมา
เมื่อขันธ์เกิดขึ้น การรับรู้จึงไม่ใช่สักแต่ว่ารู้ ดังทีกล่าวไว้ใน พาหิยะ สูตร
.
3..เมื่อการรับรู้ทีสร้างขันธ์ ดังเขียนไว้ในข้อ 2 นี้ ทำให้ไม่อาจพบธรรมแบบทีกล่าวในพาหิยะสูตรได้
แล้วการรับรู้แบบใด จึงจะทำให้พบธรรมได้ ?
คำตอบก็คือ ..การรับรู้ด้วยจิตทีทำหน้าทีในการรู้

. หมายเหตุ ....
ในธรรมชาติของจิตนั้น จะมี 2 ส่วน
ส่วนที 1 คือ จิตทีทำหน้าที รู้ สภาวะธรรมทีเป็นปรมัตถธรรมจิตส่วนนี้ 
มีสภาพว่างเปล่าแบบสุญญตา 
ไม่อาจเห็นตาเนื้อ แต่จะเห็นได้ด้วย ธรรมจักษุทีมีญาณปัญญา เท่านั้น
ส่วนที 2 คือ จิตทีเป็นพลังงานทีทำหน้าทีในการสร้างขันธ์ 5 ขึ้นมา
. จบหมายเหตุ...
.
ในการรับรู้ของจิตทีทำหน้าทีรู้ของจิตส่วนที 1  (ต่อไปขอเรียกว่า จิตรู้) 
เพียงจิตรู้ รับรู้ อาการทีเป็นกิริยาของอายตนะ  เช่น ถ้ารับรู้ทางตา ทีเรียกว่า การเห็น ..
บวก การรับรู้อาการทีเป็นกิริยาทางหู ทีเรียกว่า การได้ยิน ....
บวก การรับรู้อาการของลมหายใจทีเป็นปรมัตถธรรม ที่ปรากฏตัวอยู่ในโลกภายใน
เพียงเท่านี้ ธรรมแบบพาหิยะสูตรจะพบได้ทันที
.
4....การรู้แบบพาหิยะสูตรนั้น จิตรู้ทีประกอบด้วยญาณปัญญา ทีมี สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทีมีพลัง
จะควบคุมการทำงานของจิตส่วนที 2 ทีเป็นพลังงานในการสร้างขันธ์ให้หยุดการสร้างขันธ์ขึ้น
แล้วจิตรู้ส่วนที 1 จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพเอง
เพียงเท่านี้ นักภาวนาก็จะพบการรู้แบบพาหิยะสูตรได้
.
การพัฒนาจิตรู้ส่วนที 1 ให้มีพลัง ก็จะมาจากการฝีกฝนทีตรงทางแห่งองค์มรรค
เมื่อการฝีกฝนได้ผล นักภาวนาก็จะพบธรรมแบบในพระสูตรได้...
.
5...มาทดลองทำเพื่อการรู้แบบพาหิยะกัน  ขอให้ท่านอ่านแล้วทำตามคำแนะนำด้านล่างในข้ 5 นี้
.
5.1  ท่านจะต้องทำแบบ ทำเล่นๆ   อย่าได้จริงจัง การทำอะไรด้วยการเจือด้วยอาการจริงจัง ตั้งใจ ล้วนแต่ก่อให้เกิดความคิดขึ้นทันที เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น ความเป็นตัวตนก็เกิดขึ้น จึงไม่อาจพบกับสภาวะแบบท่านพาหิยะได้
.
5.2  ขอให้เปิดเพลงบรรเลงนี้ฟัง ขอให้ฟังแบบได้ยินเสียงก็พอ ไม่ต้องไปใส่ใจ

https://www.youtube.com/watch?v=8jtKzJpp3Gc&list=RD8jtKzJpp3Gc&index=1&ab_channel=ChutimaJindarat
.
ท่านสามารถใช้เพลงบรรเลงอื่นก็ได้ แต่ควรเลือกเพลงที่ท่านไม่เคยได้รู้เกี่ยวกับเนื้อร้องในเพลงนัั้น  เช่น ถ้าท่านเลือกเพลงบรรเลง ลอยกระทง ท่านร้องได้มาก่อน แบบนี้เพลงลอยกระทง จะใช้ไม่ได้ เพราะถ้าท่านเปิด ความคิดที่เป็นเนื้อเพลงจะปรากฏขึ้นในสมองของท่านแล้ว สภาวะพาหิยะ ก็ไม่เกิดขึ้น
.
5.3 จากนั้น ขอให้ใช้มือลูบไปที่ด้านหลังของศรีษะแถว ๆ ท้ายทอย ลูบช้า ๆ สบาย ๆ เหมือนลูบเล่น ๆ 
.
เมื่อ ท่านทำครบตามนี้  คือ หูสักแต่ว่าได้ยินเสียง  มือลูบทีท้ายทอยช้า ๆ สบาย ๆ  ตาเนื้อของท่านจะเกิดอาการมัวๆ  ขึ้น เห็นภาพวัตถุต่าง ๆ ไม่ชัด แล้ว ลมหายใจ จะปรากฏขึ้นให้รู้ได้
สิ่งที่ท่านควรระวังก็คือ อย่า อย่า อย่า --เน้นว่า อย่า -ไปรู้ลมหายใจที่จมูก หรือ ปลายจมูกเด็ดขาด  ให้เพียงแต่ว่า รู้ว่ามีลมหายใจก็พอ  ***ไม่ต้องไปรู้ว่า ลมกำลังไหลเข้า หรือ ลมกำลังไหลออก *** ลมหายใจจะอยู่ที่ไหนก็ได้ หรือ จะเป็นว่า ไม่รู้ว่า ลมหายใจไม่รู้อยู่ที่ไหนก็ได้ *****
.
เมื่อท่านทำได้ ท่านกำลังเข้าสู่สภาวะของพาหิยะแล้ว
>>> 1...ตาเนื้อเห็นภาพมัว ๆ ก็คือ สักแต่ว่าเห็น
>>> 2...หูได้ยินเสียงเพลงบรรเลง ที่ไม่ได้สนใจ สักแต่ว่าได้ยิน
>>> 3...การลูบทีท้ายทอยแบบสบาย ๆ ก่อให้เกิดสักแต่ว่าผัสสะขึ้น
>>> 4.. การสร้างเหตุข้อ 1 / 2 / 3 จะทำให้เกิดสติที่สามารถรู้ลมหายใจได้เอง   (ข้อ 4 นี้ ท่านอย่าลืมว่า อย่าไปสนใจลมหายใจว่าไหลเข้าหรือออก หรือลมอยู่ที่ไหน เด็ดขาด เพราะถ้าท่านไปรู้ดังกล่าว จะทำให้เกิดความคิดขึ้น แล้ว อาการของพาหิยะ จะไม่เกิดขึ้น )
>> เมื่อ มีการรู้ ครบ ทั้ง 4 อย่างขึ้นที่รู้แบบสักแต่ว่า สภาวะแบบพาหิยะ จะเกิดขึ้นทันที

 
 

 


Create Date : 09 สิงหาคม 2565
Last Update : 9 สิงหาคม 2565 10:38:11 น. 0 comments
Counter : 393 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmcayenne94


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.