สมาธิ + ปัญญา อย่างไรกัน
บทความนี้ลงใน fb เมื่อ 25 เมษายน 2555
ผมต้องบอกก่อนวา เรื่องปริยัตินั้นผมไม่สันทัดเลย เรียนมาบ้างอ่านมาบ้างแต่ยังน้อยนิด ถ้าท่านใดสนใจในปริยัติในเรื่องของ สมาธิ / ปัญญา ละก็ เข้าไปค้นใน google มีเป็นโหล ๆ อ่านกันให้ตาแฉะไปเลย สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวของผมเอง ซึ่งอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนตำรา หรือ เหมือน / ไม่เหมือน ครูบาอาจารย์ดัง ๆ ที่มีเทศนาใหัฟังกันอยู่เดียวนี้ สมาธิ + ปัญญา มันสัมพันธ์กันอย่างไร 2 ตัวนี้จะมาด้วยกันจึงจะสามารถดับทุกข์ได้ ปัญญา คือ สิ่งที่จิตไปเห็นเข้า จะเป็นอะไรก็ได้ เช่น กิเลส / อาการของขันธ์ ถ้าไม่เห็น ก็คือ ยังไม่มีปัญญา ทีนี้ พอเห็นแล้ว เกิดอะไรขึ้น ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ จิตจะไม่ไหลเข้าไปยึดกับสิ่งที่เห็นครับ ถ้าจิตยังไม่ตั้งมั่น ก็จะเข้าไปยึดในสิ่งนั้น ๆ
Combination จะเป็นว่า แบบที่ 1....มีปัญญา มีสมาธิ >> จิตเห็นสภาวะ แล้วจิตไม่ยึดสภาวะ อย่างนี้ไม่ทุกช์ นอกจากไม่ทุกข์แล้ว จิตยังเห็นสภาวธรรมที่เป็นสังขารต่างๆ เป็นไตรลักษณ์อีกด้วย ทำให้จิตเกิดปัญญาสะสมขึ้นมาอีกทางหนึ่งที่จะเป็นปัญญาใช้ในการทำลายอวิชชาได้ต่อไปในภายหน้า แบบที่2.. มีปัญญา ไม่มีสมาธิ >> จิตเห็นสภาวะ แต่จิตไม่มีกำลังของสมาธิ จิตจึงต้านทานไม่ไหว จิตวิ่งไปยึดสภาวะ อย่างนี้เป็นทุกข์ แบบที่3...ไม่มีปัญญา ไม่มีสมาธิ >> อย่างนี้เรียบร้อย ไม่เห็นสภาวะ จิตยึดสภาวะ เป็นทุกข์แน่นอน
ท่านจะเห็นว่า ตัวสมาธินั้นคือกำลังที่สามารถต้านทานไม่ให้จิตเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็จะไม่ทุกข์ ถ้าเทียบกับทางโลกให้เห็นภาพในทางโลกธุรกิจ จะมีคนที่เป็นสายลับบริษัทที่คู่แข่งส่งมาสืบความลับ ตัวสายลับนี้เปรียบเหมือนกิเลส ตัณหา ถ้าคนในบริษัทไม่รู้ว่าเขาคือสายลับ เจ้าสายลับนี้ก็จะแทรกซึมเข้าไปในบริษัท แล้วก็จะทำให้บริษัทเกิดความเสียหายมากมาย นี่คือ การไม่มีปัญญาที่จะรู้ว่าคน ๆ นี้คือสายลับ แต่ถ้ามีคนหนึ่งในบริษัทเกิดไปรู้ได้ว่า คนนี้คือสายลับ นี่คือการมีปัญญาเกิดขึ้น ขั้นต่อไปก็คือ เมื่อเขารู้แล้วว่าคนนี้คือสายลับ เขาจะมีความสามารถในการขจัดสายลับคนนี้ออกไปจากบริษัทได้หรือไม่ นี่คือการมีสมาธิมีกำลังอำนาจในการจัดการมากแค่ไหน ในตำราได้กล่าวถึงพระอริยบุคคลขั้นต้น คือ โสดาบัน ที่มีคุณสมบัติข้อแรกว่า มีสักกายทิฏฐิ รู้ความจริงว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา นี่คือการมีปัญญาของพระโสดาบัน แต่เนื่องด้วยพระโสดาบัน กำลังของสัมมาสมาธิยังไม่มั่นคงนัก เดียวดี เดียวแย่ ดังนั้นพระโสดาบันในบางครั้ง ถึงแม้ว่ามีปัญญา รู้แล้วว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตน แต่ก็อาจพลาดท่าเข้าไปยึดขันธ์ 5 ได้ในบางครั้งในช่วงทีสัมมาสมาธิได้ถดถอยลงไป พระโสดาบันจึงยังมีทุกข์เพราะการยึดขันธ์อยู่บ้าง ท่านนักภาวนาจะเห็นว่า กำลังแห่งสัมมาสมาธินั้น สำคัญมากเค่ไหน นอกจากจะช่วยการยึดมั่นถือมั่นได้แล้ว ยังทำให้เกิดปัญญาสะสมให้แก่จิตเห็นไตรลักษณ์อีกด้วย แต่เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ท่านอย่าได้เข้าใจสัมมาสมาธิผิดไปนะครับ อันสัมมาสมาธินั้น สมควรให้ กิเลส ตัณหา อาการของขันธ์ มันเกิดก่อน แต่ว่าใช้กำลังความตั้งมั่นของสัมมาสมาธินั้นต้านทานไว้ ไม่ให้จิตไหลเข้าไปยึดอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น << ถ้าเป็นอย่างนี้ จึงจะดี จิตจะมีปัญญาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไป เพราะไปเห็นสภาวะต่างๆ ที่เป็นไตรลักษณ์ได้ แต่ถ้านักภาวนาเข้าใจผิดไป ไปทำการกดข่มจิตไว้ ไม่ให้ กิเลส ตัณหา อาการของขันธ์ โผล่มาเลย แล้วหลงไปคิดว่า ฉันนี่แน่มาก ไม่มีกิเลสโผล่มาแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ละก็ ใช้ไม่ได้นะครับ เพราะจิตจะไม่มีปัญญาเกิดขึ้น ท่านคงเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของสมาธิ / ปัญญา
Create Date : 01 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 8:28:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1157 Pageviews. |
|
|