รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
ภัยของวัฏฏะ รู้ได้-เข้าใจได้ ด้วยนิพพิทา

ในขนวนการของการดับทุกข์ด้วยแนวพุทธนั้น จะมีการกล่าวถีง ปัญญารู้เห็นในภัยของวัฏฏะ หรือ การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ซี่งปัญญารู้เห็นได้แบบนี้ จะเกิดจากขบวนการของ*นิพพิทา*ครับ

การไปนั่งคิด นอนคิดว่า กิเลสมันเลว มันชั่วช้า มันทำให้เราทุกข์ นั่นเป็นเพียงความคิด หรือ จิตสังขารเท่านั้น ไม่อาจทำให้เกิดปัญญารู้จริงได้เลย เมื่อตอนทุกข์เกิด ก็คล้ายๆ กับว่า จะเข้าใจ พอทุกข์ดับไปแล้ว ความเข้าใจทีเคยมีก็ดูเหมือนจะหายไปสิ้น
ซี่งต่างกับความเข้าใจในขบวนการแห่ง นิพพิทา ทีเป็นปัญญา เพราะถีงแม้ทุกข์จะดับลงไป แต่จิตใจก็ยังซ๊มซับทุกข์นั้นอยู่เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจว่า ต้องหนีมันให้ได้

คนทุกคนมีทุกข์เสมอ ไม่มีใครเลยจะไม่มีทุกข์ แต่โดยธรรมชาตินั้นได้สร้างปัญญามาให้ระดับหนี่งในการแก้ทุกข์ แต่เป็นการแก้ทุกข์โดยใช้ปัญญาทางโลก เช่น พอทุกข์เรื่องงาน มีแต่เรื่องปวดหัว ก็ไปเทียวต่างประเทศ หรือ ไปเดินห้าง หรือ ไปกินอาหารเลิศรส ทุกข์ก็จะหายไปชั่วคราว แต่พอกลับมาทำงานใหม่ ทุกข์ก็จะมาอีก แต่ก็ยังดี ทีไ้ด้มีเวลาคลายทุกข์ลงไปได้บ้าง

ในขบวนการเกินนิพพิทานั้น นักภาวนาต้องผ่านการภาวนาจนแยกรูปนามออกมาได้ก่อนแล้ว ถ้ายังแยกรูปนามออกมาไม่ได้เลย ก็ยังไม่ถีงระดับของนิพพิทา

เมื่อนักภาวนาแยกรูปนามมาได้ใหม่ๆ นักภาวนาจะสนุกสนานกับขบวนการแห่งการแยกรูปนาม เพราะพอทุกข์ทีเป็นรูปเกิดขึ้น นามไปเห็นทุกข์เข้าเท่านั้น ทุกข์ก็ดับไปทันทีอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อผ่านไปถีงระดับหนี่ง จะมีทุกข์อย่างหนี่งเกิดขึ้น ทุกข์ทีเป็นรูปเกิด แล้วนามไปเห็นทุกข์แล้ว แต่ทุกข์นั้นไม่ยอมดับลงไป นี่เป็นขบวนการเริ่มต้นของนิพพิทา
เมือทุกข์ไม่ดับลงไปง่ายๆ นามทีเห็นทุกข์ทีค้างอยู่ไม่ยอมดับ ก็จะเกิดเห็นภัยของทุกข์นั้นว่าทีแท้ จิตปรุงแต่งเป็นทุกข์นี่เอง จนเกิดความเบื่อหน่ายในทุกข์ทีเกิดและเห็นอยู่นั้น
เมื่อทุกข์สามารถดับลงไปได้เองแล้วในเบื้องต้น นักภาวนาจะมีประสบการณ์และปัญญาเบื้องต้นในการเข้าใจทุกข์ ต่อจากนั้น ทุกข์แบบนิพพิทา ก็จะเกิดซ้ำอีกและดับลงไปอีก นักภาวนาก็จะเข้าใจและมีปัญญามากขึ้นอีก การวนเวียนของทุกข์เกิดกับในนิพพิทาหลาย ๆ ครับ จะทำให้นักภาวนาเกิดการเห็นภัยในวัฏฏะ เกิดการกลัวการเวียนว่ายตายเกิด และต้องการจะหนีภัยนี้ไปให้ได้

นี่เป็นขบวนการของนิพพิทา อ่านดูเหมือนง่ายและอยากจะได้นิพพิทากัน แต่ในความเป็นจริง พอเกิดทุกข์ทีเป็นแบบนิพพิทา ทุกข์ไม่ยอมดับลงไปสักที นักภาวนาก็อาจเสียศูนย์ เกิดน๊อตหลุดได้ง่าย ๆ จนเกิดความอยากทีจะหลุดออกจากทุกข์ แต่ยิ่งอยากทีจะหลุดออก กลับพบว่า ทุกข์ไม่ยอมหลุดออกสักที นักภาวนาจะทนทุกข์อยู่กับทุกข์นั้นต่อไปจนกว่าจะหลุดออกมาได้เอง

เทคนิคการหลุดทุกข์จากนิพพิทานั้น เพียงนักภาวนาอดทนดูทุกข์ไปเรื่อยๆ อย่าให้มีความอยากทีจะพ้นทุกข์ พอได้เวลา จิตจะหลุดออกมาได้เอง แล้วทุกข์นั้นจะดับลงไป ซี่งอ่านดูเหมือนง่าย แต่จริง ๆ ไม่ง่ายเลย เพราะพอทุกข์เกิด คนก็มักเกิดความไม่อยากทีจะมีทุกข์ นี่เป็นเงื่อนไขทีนิพพิทาไม่ยอมดับสักที เมื่อทุกข์หลุดออก ปัญญาในจิตก็เกิดขึ้นในครั้งหนี่ง

นี่เป็นขบวนการของปัญญาในจิตทีนักภาวนาจะต้องผ่านมาแบบนี้ ไม่มีใครเลยจะหลุดจากสังสารวัฏโดยไม่พบทุกข์มาก่อนแล้วจึงหลุดออกแบบนิพพิทา

ถ้าท่านยังไม่ได้อยู่ในสภาวะของทุกข์แบบนิพพิทา บทความนี้จะเหมือนไร้ประโยชน์และไม่บอกอะไรแก่ท่าน แต่เมื่อท่านพบกับนิพพิทาแล้วแก้ทุกข์ไม่ออกสักที ขอให้กลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง บทความนี้จะช่วยท่านได้ เพราะได้บอกทางแก้แก่ท่านไว้แล้วในนี้



Create Date : 07 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2557 9:32:15 น. 1 comments
Counter : 1883 Pageviews.

 
กิจกรรมครั้งที 8 วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม 2557 เวลา 13-16 น.
ท่านทีสนใจจะเข้าร่วมกิจกรรม ขอให้ดูรายละเอียดได้ทีนี่ครับ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&group=14


โดย: นมสิการ วันที่: 7 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:33:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.