รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2565
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
14 พฤศจิกายน 2565
 
All Blogs
 
แนะนำการฝีกฝนการปฏิบัติธรรมด้วยการดูทีวี

11...เทคนิคการฝีกฝนการปฏิบัติธรรมด้วยการดูทีวี  ผมได้คิดค้นขึ้นมานานหลายปีแล้ว  
คนที่ผมได้พูดคุยและแนะนำให้ฝีกฝน มีไม่มากนัก ไม่น่าเกิน 20 คน 
ส่วนใหญ่ พอฝีกไป ไม่นาน ก็ไม่เอาแล้ว บอกว่า ผิดวิธีการของสติปัฏฐาน
ส่วนคนที่ฝีกไปแล้ว ไม่ย่อท้อ  ทนฝีกไป ก็มี 2 คน ฝีกไปร่วมปี
เขาก็มารายงานผล ปรากฏว่า เขาได้มี ดวงตาเห็นธรรม เกิดขึ้นมาได้
..
22..ทำไม คนที่ฝึกไม่นาน ก็บอกว่า ไม่เอาแล้ว วิธีนี้ผิด 
เพราะเขามีความเชื่อ 2 ประการ ก็คือ
>> สติปัฏฐาน นั้น ต้องไม่ส่งจิตออกนอก แต่การฝีกดูทีวี นี่จิตส่งออกนอกเต็ม ๆ 
>> คนส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ฝีกจิตทีถูก จิตต้องนิ่งสงบ แต่วิธีดูทีวี จิตไม่นิ่งเลย มันวิ่งไปวิ่งมา
เรื่องนี้ ลางเนื้อชอบลางยา  ไม่ว่ากัน ใครไม่เอา ก็ไปปฏิบัติอย่างอื่นได้ วิธีการภาวนานั้น มีหลายวิธีให้เลือกได้

ข้างล่างนี้ ต่อไป จะเป็นวิธีการฝีกฝน ถ้าสนใจวิธีนี้ ก็อ่านต่อไปได้

33...ขั้นตอนการฝึกฝนด้วยการดูทีวี จะมี 2 ระดับ

ระดับแรก ....เป็นมือใหม่ที่หันมาฝึกวิธีนี้  คนที่ฝีกมานานหลายปี
แต่ยังไม่ได้ผล ก็ขอให้เริ่มที่ระดับแรกนี้เช่นกัน
ระดับแรก เป็นการฝึก อาณาปานสติ

การฝีกรู้ลมหายใจด้วยวิธีนี้ ไม่ใช่ไปรู้ลมหายใจที่ปลายจมูกเหมือนที่ใคร ๆ เขาสอนกัน
แต่การรู้ลมหายใจด้วยวิธีนี้ จะต้องเป็นการรู้ลมหายใจ ที่ผมตั้งชื่อให้ว่า การรู้ลมหายใจแบบ Secondary

การรู้ลมหายใจแบบ Secondary นั้น ท่านต้องทำความเข้าใจก่อน ตรงนี้ สำคัญมาก
เพราะถ้าเข้าใจผิด ความก้าวหน้า ก็จะไม่เกิดขึ้น หรือ อาจเกิดได้ แต่ก็ช้ามาก ๆ 

สมมุติว่า ท่านเอา ช้อนซ่อมที่เป็นโลหะ มาตีกัน ผลก็คือ จะมีเสียงเกิดขึ้นจากการตี
เสียงนี้เป็นผลออกมา ถ้าไม่เอาโลหะตีกัน เสียงจะไม่ดังออกมา
การเอาโลหะตีกัน นี้เป็นการทำที่เหตุ ซี่งก็คือ เหตุเป็นจุดตั้งต้น หรือ Primary
ส่วนเสียงที่ออกมานั้นเป็นผลที่เกิดมาจากเหตุ Primary  ,
เสียงเป็นผล จึงเป็น Secondary
.
ในการฝีกฝน ขอให้ท่านดูทีวี ตามที่ผู้เขียนจะได้เขียนต่อไป เมื่อท่านดูทีวีตามนี้
ท่านจะพบว่า  สติของท่านจะสามารถจับลมหายใจได้เอง โดยท่านไม่ต้องไปจ้องที่ปลายจมูก
และ ท่านต้องไม่จ้องที่ปลายจมูกด้วย
การรู้ลมหายใจแบบ Secondary นี้ ขอท่านเพียงรู้ได้ว่า มีลมหายใจรู้ได้ โดยไม่ต้องไปจ้องลม
หายใจแต่อย่างใด  ท่านจะพบว่า มีลมรู้ได้ แต่ไม่รู้ลมอยู่ที่ไหน
ซี่งในการปฏิบัติ ท่านต้องไม่ไปจ้องหาลมว่าอยู่ที่ไหน เพียงรู้ได้ที่ไม่ต้องสนใจลมหายใจเลย
เพียงรู้เฉยๆ  

ในการฝีกฝน ขอให้ท่านเปิดพัดลมส่ายไปมา ให้ลมโดนผิวกายแบบโดนบ้างไม่โดนบ้าง
เพราะพัดลมส่ายไปมา จึงทำให้ผิวกายโดนลมบ้าง ไม่โดนลมบ้าง

ต่อไป จะเป็นวิธีการมองดูทีวี อันเป็นการสร้างเหตุที่เป็น Primary เพื่อให้สติเกิดแล้ว
สามารถรู้ลมหายใจได้เองแบบ Secondary ต่อไป

ตัวทีวี นั้น จะมี จอภาพ และ มีกรอบทีวี 
เวลาท่านดูทีวี ท่านสมควรเห็นที่จอทีวี พร้อมกับ เห็น กรอบทีวี ได้ด้วย พร้อมกันไป
โดย กรอบทีวี นี้ ท่านไม่ต้องไปสนใจดู ท่านจะเห็นทีวีชัดพอประมาณ และ จะเห็นกรอบทีวี
แบบเห็นถาก ๆ  ทำให้ท่านเห็นกรอบทีวีไม่ชัด ภาพกรอบทีวี จะมัว ๆ 


.
เมื่อท่านดูทีวี พร้อมเห็นกรอบทีวีแบบภาพไม่ชัด 
ขอให้ท่านนั่งดูไปปกติแบบนี้  ถ้าท่านดูทีวี ไม่รู้เรื่อง ในขั้นต้น ไม่เป็นไร ขอให้ดูไปแบบนี้ก่อน
ท่านจะพบว่า ท่านจะสามารถรับรู้ลมหายใจแบบ Secondary ได้เองทันที และในขณะเดียวกัน
เมื่อลมจากพัดลมพัดมาโดนกาย ก็จะรู้ได้ด้วย แต่ท่านก็ไม่ต้องไปสนใจลมจากพัดลมเช่นกัน
.
เมื่อท่านสามารถทำอย่างนี้ แล้วมีสติเกิด สามารถรู้ลมหายใจแบบ Secondary ได้แล้ว
เมื่อท่านฝีกใหม่  แรก ๆ  อย่าฝีกดูทีวีนาน ให้ดูทีวีแบบนี้สัก 10 นาที แล้ว หยุดฝีก 
ท่านควรหยุดพัก จะไปทำอะไรก็แล้วแต่ จะไปเดินเล่น กวาดบ้าน หรือ อะไรก็ได้
พอผ่านไปสัก 1 ชั่งโมง ถ้าท่านมีเวลา ก็กลับมาฝึกใหม่อีกรอบ 10 นาทีแล้วหยุดฝีก
**ทีให้ฝีกแค่ 10 นาที เพราะจิตยังไม่เครียด ถ้าท่านฝีกนาน ๆ จิตจะเครียดซี่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรในการฝีก ถ้าจิตเครียด**

ถ้าท่านมีเวลา ท่านควรฝึกวันละหลายๆ  รอบ แล้วแต่ว่า ท่านให้เวลากับการฝึกมากแค่ไหน
ถ้ายิ่งให้เวลากับการฝึกมาก ก็จะทำให้ท่านมีประสบการทางจิตได้เร็วขึ้น
.
ถ้าท่านลองดูแล้ว ฝีกไปสักระยะเห็นว่า ผิดทาง ขอให้ท่านเลิกการฝีกไปเลย
วิธีนี้ จิตท่านรับไม่ได้แล้ว
.
แต่ถ้าท่านฝีกทุกวัน วันละอย่างต่ำ 3 รอบ (รอบละ 10 นาที  )
พอท่านทำไปสัก 3 เดือน ก็ขอให้ฝีกในระดับต่อไปได้
แต่ถ้าท่านฝีกยังไม่นาน แล้วต้องการไปฝีกระดับต่อไป
ถ้าแบบนี้ ผู้เขียนไม่แนะนำ

ระดับที่สอง
ระดับที่สอง เป็นการต่อยอดจากระดับแรก
วิธีการ  ขอให้ท่านนั่งพิงหลังในการดูทีวี  ท่านดูทีวีเหมือนเดิมที่เคยทำในระดับแรก
เปิดพัดลมส่ายไปมา แต่ตอนนี้ ท่านไม่ต้องไปสนใจเรื่องลมหายใจ การรู้ลมหายใจจะมีก็ได้
หรือไม่รู้ลมหายใจก็ได้  แต่สิ่งที่ท่านควรรู้สึกได้ คือ การสัมผัสของหลังกับที่นั่ง
ขอให้ท่านลองดูก่อน ลองนั่งพิง เพื่อให้จิตไปรู้จักสัมผัสที่หลัง จากนั้น
ยกหลังออกไม่ต้องพิง ท่านจะพบว่า การสัมผัสที่หลังหายไปแล้ว
ท่านจะรู้จัก การสัมผัสที่หลังได้แล้วว่า มีสัมผัส คือ อย่างนี้ สัมผัสหาย คือ อย่างนี้
.
ต่อไป ขอให้ท่าน ดูทีวีเหมือนระดับแรก แต่คราวนี้ ให้รู้สัมผัสที่หลังแบบสบายๆ  ไปด้วย
อย่าไปจ้องแผ่นหลังที่สัมผัส ตาท่านควรดูที่วีไป 

**ต่อไป เป็นสิ่งสำคัญที่ท่านต้องเข้าใจให้ดี
เมื่อท่านดูทีวี พร้อมรู้สัมผัสที่แผ่นหลังแบบสบาย ๆ  ท่านจะพบได้เองว่า
เมื่อใดที่ท่านเกิดสนใจ การดูทีวีเป็นพิเศษมากขึ้น การรู้สัมผัสที่แผ่นหลังได้หายไปแล้ว
.
ท่านควรฝีกอย่างนี้ ดูทีวี รู้สัมผัสที่แผ่นหลัง ถ้าการสัมผัสที่แผ่นหลังหายไป ขอให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ คือ ดูทีวี พร้อมดูสัมผัสที่แผ่นหลังใหม่  ให้ท่านฝีกแบบนี้แบบสบาย ๆ อย่าไปเครียด
ไม่ต้องไปกังวลว่า การรู้สัมผัสที่แผ่นหลังหายบ่อยครั้ง นั่นแหละดี ที่มันหาย เพราะ
ท่านรู้ว่าสัมผัสหาย ยังดีกว่า การสัมผัสไม่หายไป การที่สัมผัสที่แผ่นหลังไม่หายใป
แสดงว่า ท่านไปสนใจสัมผัสมากเกินไปแล้ว  ถ้าท่านรู้สัมผัสน้อยๆ  สบายๆ  
การดูทีวี จะพบว่า การรู้สัมผัสว่าหาย จะมีบ่อยมาก เกิดถี่มาก ถ้ารู้ได้แบบนี้ ดีมาก ๆ 
.
ขอให้ท่านฝีกแบบนี้ไปเรื่อยๆ   ถ้าว่างก็มาฝีก วันละหลาย ๆ รอบ แต่ทีสำคัญ
อย่าเคร่งเครียดเด็ดขาด อย่าคาดหวังอะไร ท่านมีหน้าที่ฝีกไปเท่านั้น

44...อธิบายเหตุผลในการฝีกระดับสอง
>>>ในขณะที่ท่านฝึกดูทีวีอยู่ ขันธ์ทำงาน และสติทำงานด้วยการรู้ผัสสะที่แผ่นหลัง
นี่คือ ขันธ์ และ สติ ทำงานพร้อมกันอยู่ 
แต่ถ้าท่านดูทีวี แล้ว ผัสสะหายไป นี่แสดงว่า สติถูกขันธ์ดึงไปยีดติดแล้ว ทำให้ไม่รู้ผัสสะ
เมื่อท่านฝีกรู้แบบนี้ ฝีกไปเรื่อยๆ  สติจะมีความว่องไวมากขึ้นในการรู้ ท่านจะพบเองว่า
ใหม่ๆ  ทีท่านฝีก กว่าท่านจะรู้ว่า การสัมผัสหายไป ท่านจะใช้เวลานานกว่าจะรู้
แต่ถ้า สติของท่านไว  ท่านจะรู้ว่า ผัสสะหายไป ได้เร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ 
.
เมื่อสติของท่านไวขึ้น ท่านจะพบเองว่า ผัสสะทีเคยหายบ่อย ก็จะหายได้ยากขึ้น 
ผัสสะอยู่นานขึ้น นี่คือ สิ่งที่บอกว่า สติและสมาธิ ของท่านมีการพัฒนาขึ้นแล้ว

>>>ทีนี้เมื่อท่านฝีกไปมาก ๆ  สติ สมาธิ มีการพัฒนาตัวขึ้นมา ต่อไป เวลาท่านอยู่
ในชีวิตประจำวัน เวลาท่านมีอารมณ์บูด หงุดหงุด สติจะจับอาการพวกนี้ได้ 
และสมาธิที่พัฒนาตัว ก็จะทำให้ท่านหายอารมณ์บูด หายหงุดหงิดได้เร็วขึ้น
การเห็นอารมณ์บูด เห็นความหงุดหงิดนี้ จะบอกว่า
ท่านเห็นความคิดของท่านได้แล้วก็ได้
(พวกอารมณ์ต่างๆ ที่เกิด ก็เหมือนกับความคิดที่เกิดขึ้น)
.
>>>สิ่งที่เขียนข้างบน เป็นพื้นฐาน ท่านฝีกได้ สติ สมาธิ มีการพัฒนาขึ้นก็จริง
แต่การเดินทางไปในองค์มรรค ยังมีอีกมาก แต่ถ้าจิตของท่านมี สติ สมาธิ ที่มีการพัฒนา
เพียงเท่านี้  ท่านจะพบเองว่า อาการหงุดหงิดใจต่างๆ เกิดขึ้นท่านจะพบได้ เห็นได้
แล้วหายได้เร็วกว่าเดิม
.
ท่านอย่าไปกดจิตเพื่อให้จิตมันนิ่ง ไม่มีอารมณ์ นี่เป็นการภาวนาที่ผิดทางองค์มรรค
ขอให้ท่านภาวนาต่อไป ท่านเห็น ความคิดได้ บ่อยๆ  ต่อไป ท่านจะพบจิตผู้รู้ ได้เอง
เมื่อท่านพบจิตผู้รู้ได้เอง ต่อไป ท่านก็พัฒนาจิตผู่รู้่ เป็น ญาณปัญญา เพื่อเข้าสู่การภาวนาระดับสูงต่อไป
.......................................

 


Create Date : 14 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2565 10:03:36 น. 0 comments
Counter : 645 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.