รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
ทำไมการภาวนาแนวหลวงพ่อเทียน จึงก้าวหน้าได้ดี

แนวหลวงพ่อเทียน เป็นกรรมฐานเคลื่อนไหว ที่ให้ผลได้ดีกว่าในแนวอื่น เพราะว่า เมื่อเคลื่อนไหว จะแฝงความรู้สีกตัวเอาไว้ด้วย ยิ่งมีการเคลื่อน หยุด เคลื่อน หยุด จะมีแต่ความรู้สึกตัวประกอบเท่านั้น จึงจะทำการเคลื่อนหยุด เป็นจังหวะได้ เมื่อ รู้สึกตัวอยู่ การรับรู้แบบสัมมาสติ ก็จะเกิดได้ด้วย

การจะได้ผลเร็วหรือไม่ อยู่ที่ว่า นักภาวนาทำได้ครบถ้วนใน 3 เงื่อนไขของสติปัฏฐานหรือไม่ทีว่า อาตาปี สัมปชาโน สติมา คือ การมีความเพียรอยู่เนือง ๆ การมีความรู้สึกตัว และ รับรู้แบบมีสติ

แต่นักภาวนาส่วนมาก มักจะพลาดที่ *การรับรู้แบบมีสติ* เพราะไม่เข้าใจในคำนี้

การรับรู้แบบมีสติ คือ รับรู้แบบไม่จงใจรู้ อย่าไปตั้งใจรู้ เพียงประคองความรู้สึกตัวไว้ แล้วรับรู้ได้เองของอาการทางกาย คือ เมื่อเคลื่อนไหว ก็รู้สึกได้เองถีงอาการเคลื่อน อาการไหว อาการสั่นสะเทือน เมื่อมือสัมผัสกาย ก็รู้สีกได้เองถึงการสัมผัสที่เกิดขึ้น

นักภาวนาที่พลาด มักไปดูมือที่กำลังเคลื่อน หรือเดินจงกรม ก็ไปดูขา จ้องการสัมผัสที่มือ จ้องการสัมผัสที่เขา ซี่งเป็นการปฏิบัติทีไม่ใช่ *การรับรู้แบบมีมีสติ*

เพียงปฏิบัติไปเรื่อยๆ ด้วยเงือนไขนี้ อาตาปี สัมปชาโน สติมา เท่านั้น ปฏิบัติบ่อยๆ ก็จะมีการพัฒนาการของจิตขึ้นมาได้เอง

จุดพลาดอีกจุดของนักภาวนา ก็คือ ไม่ยอมออกไปรับรู้ *ทุกข์* ของจริงในชีวิตประจำวัน เมื่อฝีกฝน ก็มักจะจมอยู่กับการฝีกฝนในรูปแบบ เพราะได้ความสงบ แต่นี่ไม่ใช่แนวทางแห่งการเพาะปัญญาให้เติบใหญ๋

การออกไปรับรู้ ทุกข์ ของจริงนั้น ไม่ใช่ว่า ต้องออกไปทะเลาะกับใคร เพียงแต่เปิดตารับรู้เรื่องโลกภายนอกก็ได้แล้ว เช่น อ่านเนท ดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์ จะพบเรื่องมากมาย พอพบเรื่อง จิตจะคิด นั่นหละ คือ ทุกข์ เกิดแล้ว นี่เป็นการรับรู้ ทุกข์ ของจริงแล้ว ถ้าฝีกฝนในรูปแบบ แล้วสามารถเห็นได้ว่า **จิตมันคิด เมื่อไปพบผัสสะเข้าทางตา ทางหู ** นี่คือ ปัญญาที่ได้ และ การบ่มเพาะปัญญาแบบนี้แหละ ไปเรื่อยๆ ฝีกในรูปแบบ แล้วออกไปรู้ทุกข์ จึงจะพัฒนาต่อไปได้เรื่อย ๆ

ในทุกสำนักภาวนา ถ้าสำนักใด ที่สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธองค์ก่อน คือ อาตาปี สัมปชาโน สติมา ใช้ได้ทั้งสิ้น ถ้าสำนักใด ไม่สอดคล้องกับคำสอนนี้ ก็ไม่ใช่ทางแห่งอริยมรรค

ผมมาได้ถึงแบบนี้ ก็เพราะแนวทางของหลวงพ่อเทียนนี่แหละที่พาผมให้เข้าสู่จุดเริ่มต้นได้ คือ อาตาปี สัมปชาโน สติมา แต่พอผมเข้าใจในการภาวนา ผมพบว่า ทุกสำนักเข้าแบบ อาตาปี สัมปชาโน สติมา ได้หมด แต่ถ้าคนสอนเขาไม่ได้สอนให้เข้าใจในแบบ อาตาปี สัมปชาโน สติมา คนเรียนก็ยากจะเข้าถึงทางแห่งมรรคได้ เพราะมักจะไปจมกับการภาวนาแบบ ฤาษี

ความก้าวหน้าในทางธรรม อยู่ทีวาสนาจริง ๆ

มีคำในพระไตรปิฏกว่า กัลยาณมิตรคือทั้งหมดของพรหมจรรย์ ผมเข้าใจในคำนี้ว่า
กัลยาณมิตร คือ ผู้นำทางที่เข้าสู่ทางแห่งมรรคได้ ถ้าไม่มีกัลยาณมิตร ยากนักจะมีวาสนานี้ที่ได้พบกับคำสอนแท้ที่เป็นแก่นของพุทธศาสนา

ความเป็นเพียงเพื่อนในทางธรรม ถ้าไม่สามารถนำทางได้ ก็ยังไม่ใช่กัลยาณมิตร เป็นเพียงเพื่อนทีรู้จักกันเท่านั้นเอง




Create Date : 05 เมษายน 2556
Last Update : 5 เมษายน 2556 9:44:04 น. 0 comments
Counter : 12278 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.