จิตเป็นพลังที่ทำลายล้าง
บทความนี้ลงใน fb เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2555
เมื่อนักภาวนาฝึกฝนด้วยการรู้ทุกข์ที่ไร้ตัณหาไปเรื่อยๆ ผลที่ตามมาก็คือ เกิดจิตแยกตัวออกมาจากสิ่งที่ถูกจิตไปรู้เข้า เมื่อจิตแยกตัวออกมาแล้ว โมหะก็ถูกทำลายทันทีด้วยแสงของจิต หมายเหตุ โมหะเป็นความมืดมัวที่ครอบงำจิต เมื่อแสงของจิตทำลายความมืดของโมหะ กลายเป็นความสว่าง โมหะก็สิ้นท่าไปทันทีโดยไม่ต้องไปทำอะไรเลย เมื่อกิเลสใด ๆ เกิดขึ้น เมื่อจิตไปเห็นกิเลสนั้นๆ ได้ กิเลส ก็ถูกทำลายล้างทันที กิเลสจะสลายตัวเป็นไตรลักษณ์ทันทีให้จิตเห็น ท่านไม่ต้องไปกลัวกิเลสเลยครับ เพียงฝึกฝนให้ตรงทางคำสอน อาตาปี สัมปชาโน สติมา หรือ พูดง่าย ๆ แบบไทย ๆ ว่า การรู้ทุกข์ด้วยการไร้ตัณหา เท่านั้น พอจิตแยกตัวออก จิตจะฟาดพันกิเลสให้สิ้นท่าไปเอง แต่ว่า ถ้าท่านฝึกไม่แน่นพอ จิตแยกตัวบ้าง ไม่แยกบ้าง เมื่อไร ที่จิตไม่แยกตัว ท่านก็เสร็จกิเลสมันเช่นกันครับ มันเหมือนการชักกะเย่อของคน 2 ฝ่าย ฝ่ายกิเลส และ ฝ่ายจิต ถ้าฝ่ายใดมีแรงมากกว่า ฝ่ายนั้นก็ชนะไป แล้วอนุสัยละ จิตจะฟาดฟันได้หรือไม่ อนุสัยไม่เหมือนกิเลส ม้นจะหุ่มห่อจิตไว้อย่างเนียนที่นักภาวนาที่ไม่ละเอียดจะมองไม่เห็นมัน มันซ่อนตัวได้เย็่ยมยอดมาก แต่ถ้านักภาวนาละเอียดพอ ก็จะสังเกตเห็นอนุสัยได้ครับ เมื่อเห็นอนุสัยได้ วิธีการทำลายนั้นต้องใชัปัญญาญาณ ที่จิตจะโผล่งออกมาอีกที ไม่เหมือนกิเลส ที่จิตทำลายได้ง่ายกว่า เพราะใช้กำลังของสัมมาสมาธิเท่านั้น กิเลสนั้น จิตทำลายล้างด้วยสัมมาสมาธิ อนุสัยนั้น จิตทำลายล้างด้วยปัญญาญาณ
ไม่มีสัมมาสติ ก็อย่าหวังไปถึงสัมมาสมาธิ ไม่มีสัมมาสมาธิ ก็อย่าหวังไปถึงปัญญาญาณ
เดินให้ตรงทาง ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธองค์ อย่าหลงทางไปกับฤาษี ที่ก็ใช้คำว่า สมาธิเหมือนกัน แต่เนื้อแท้มันต่างกันกับสมาธิที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนว่า อาตาปี สัมปชาโน สติมา เท่านั้น ของแท้ต้องเป็นแบบนี้
Create Date : 01 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 8:29:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1456 Pageviews. |
|
|