1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30
วิปัสสนา คือ อย่างไร ทำอย่างไร จึงจะเกิดวิปัสสนาได้ และ เกิดแล้วให้ผลอะไร
1..บทความเรื่อง *วิปัสสนา คือ อย่างไร ทำอย่่างไร จึงจะเกิดวิปัสสนาได้ และเกิดแล้ว ให้ผลอะไร * เป็น บทความทีเขียนขึ้น จากความเข้าใจส่วนตัวล้วน ๆ ท่านทีเข้ามาอ่าน ขอให้อ่านแล้วพิจารณาด้วยปัญญา 2..วิปัสสนา เป็นชื่อของขบวนการภาวนา ซี่ง ในขบวนการภาวนานั้น จะมี สมถะ และ วิปัสสนา ในหมู่คนไทย พูดคล่องจนติดปากว่า สมถะ คือ การทำจิตให้สงบ วิปัสสนา คือ การเจริญปัญญา แต่ถ้าไปถามถึงรายละเอียดว่า สมถะ วิปัสสนา เป็นอย่างไร ก็ยากทีหาคนทีเข้าใจได้จริงๆ ซี่งในความเห็นของผู้เขียน สมถะ นั้น การขบวนการฝึกฝนจิต เพื่อให้จิตหลุดออกจากการยึดติดใน สังขาร ชั่วคราว ซึ่งคนทั่วไปนั้น จิตยึดติดใน สังขาร อยู่ตลอดเวลา แต่คนไม่รู้เองว่า จิตนั้น ยึดติดสังขารอยู่ เมื่อ จิตหลุดออกจากการยีดติดสังขารได้ชั่วคราว จิตก็เกิด ขณิกสมาธิ แบบชั่วคราวขึ้นได้ ถ้ามีการฝีกสมถะอยู่บ่อยๆ และ สม่ำเสมอ การทีจิตสามารถหลุดออกจากการยึดติดได้ชั่วคราว ในขณะทีเป็นขณิกสมาธิ นั้น ถ้าเผอิญในขณะนั้น จิตทีไม่ได้ยีดติดกับสังขาร ไป รู้ อะไรก็ได้ ทีเป็น สติปัฏฐาน 4 ก็จะเรียกขบวนการรู้อะไรก็ได้ทีเป็น สติปัฏฐาน 4 นี้ ว่า เกิดวิปัสสนาชึ้น เมื่อจิตไปรู้อะไรก็ได้ ในสติปัฏฐาน 4 นี้ จะเกิดอาการทีเรียกว่า รู้แว๊บ รู้สั้น ๆ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เร็วมาก ใหม่ๆ นักปฏิบัติ เพียงรู้ว่า เมื่อกี้ เกิดอะไรขึ้น แต่ไม่รู้ว่า สิ่งทีเกิดคือ อะไร เพราะการรู้ได้ ยังไม่ชัดพอ การรู้แว๊บสั้น ๆ แบบนี้ คือ วิปัสสนาเกิดขึ้นแล้ว แต่ถ้า นักภาวนา รู้แบบเกิดยาว ๆ นี่ไม่ใช่วิปัสสนาแล้ว เป็นเพียงการนึกคิดขึ้นมาเท่านั้นเอง ในการทีจิตไปรู้อะไรก็ได้ทีเป็น สติปัฏฐาน 4 นี้ สติปัฏฐานทีถูกรู้นี้ ก็จะเรียกว่า สิ่งรู้ของจิต สรุปก็คือ การทำวิปัสสนาให้เกิดขึ้นได้นั้น จะเกิดจากการฝีกฝน สมถะ ก่อน เพื่อให้จิตเกิด ขณิกสมาธิ ขบวนการนี้ ต้องฝีกบ่อยๆ และ สม่่ำเสมอ เมื่อ จิตมีกำลังของฃณิกสมาธิได้บ้าง ก็อาจเกิด การรู้ของจิตไปทีอะไรก็ได้ทีเป็น สติปัฏฐาน 4 3..เกิดวิปัสสนาแล้ว ได้อะไร การเกิดวิปัสสนา 1 ครั้ง หรือ เกิดการรู้แว๊บ 1 ครั้ง แต่ไม่รุ้ว่า รู้อะไร ยังไม่ส่งผลอะไรทีได้จากวิปัสสนา ผลของวิปัสสนา นั้น จะต้องเกิดการ รุ้แว๊บ ได้หลาย ๆ ครั้งก่อน อาจเป็น 10 ครั้ง 20 ครั้ง 30 ครั้ง นั่นแหละ จึงจะส่งผลให้ ตัวจิต มีกำลังของ สติ และ สมาธิ เพิ่มสูงขึ้นได้ ยิ่งพบ การรู้แว๊บแบบวิปัสสนา มากครั้งเท่าใด กำลังของ สติ สมาธิ ก็ยิ่งสูงมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซี่งผลแห่งการรู้แบบวิปัสสนานี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว นักปฏิบัติ จะพบการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในการภาวนา ได้ การเผลอ ทีเกิดอยู่บ่อย ก็จะลดการเผลอให้สั้นลงไปได้เรื่อยๆ กิเลสทีเคยเกิดขึ้น แล้วรู้ไม่ทัน ก็สามารถ รู้ได้เร็ว รู้ได้ทันได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หมายเหตุ กิเลส ไม่ได้ลดลงไป แต่จะพบกิเลสของตนเองว่า กิเลสกลับมีมากขึ้น แต่สามารถหลุดจากการยึดเกาะกิเลสได้ ซี่งแต่ก่อน ไม่สามารถหลุดออกมาได้เลย 4..ผลแห่ง วิปัสสนา ทำให้สามรถ รู้ทุกข์ ได้ เมื่อวิปัสสนาได้เกิดขึ้น และ ส่งผล ให้รู้ทันกิเลสได้มากขึ้น และ หลุดจากกิเลสได้เร็วขึ้นแล้ว จะส่งผลให้ นักปฏิบัติ เริ่มรู้ทุกข์ ได้ดีขึ้น นักปฏิบัติทีอ่านมาถึงตรงนี้ อาจคิดว่า เอ ก็ฉันรู้ทุกข์อยู่แล้วนี่ ขอเฉลยว่า สิ่งทีนักปฏิบัติคิดว่า ตนเองรู้ทุกข์อยู่แล้ว นั่นยังไม่ใช่การรู้ทุกข์ทีดีนัก ยังเป็นการรู้ทุกข์ทีหยาบ ๆ เท่านั้น ซี่งทุกข์นั้น มีทุกข์ละเอียด และ ทุกข์ที่หยาบ คนทีเจริญวิปัสสนาได้ดี จะรู้ทุกข์ทีละเอียดได้ เพิ่มขึ้นมาจากเดิม ทีรู้เพียงทุกข์หยาบๆ ทุกข์ทีละเอียด นี้ เมื่อรุ้ทุกข์ จะพบว่า ทุกข์ละเอียด นี้เกิดตลอดเวลาทีเดียว คนเรานี่ จริง ๆ ไม่มีสุขเลย มีแต่ทุกข์ล้วน ๆ มันน่าเบื่อหน่าย นี่เป็นการเกิดขึ้นของ นิพพิทาญาณ แล้ว ถ้านักปฏิบัติ ยังไม่พบอาการเบื่อหน่ายในทุกข์ละเอียดแบบนี้ ก็ยังไปไม่ถึง นิพพิทาญาณ นี่คือ ผลของวิปัสสนา ทีจะเกิดขึ้น เมื่อ เกิดนิพพิทาญาณ แล้ว ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไปในการภาวนา ซี่ง นักปฏิบัติ ต้องทำ ธรรมะวิจัย ด้วยตนเอง ซึ่งถ้า ทำแล้ว ได้ผล ก็จะสามารถ พบอาการที่ไม่ทุกข์ได้ อ่านเรื่อง ธรรมะวิจัย ได้ที่ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=25-10-2021&group=17&gblog=232
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2564
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2564 13:25:51 น.
0 comments
Counter : 1313 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****