จิต มโน วิญญาณ กระแสจิต กระแสวิญญาณ เป็นเช่นไร
1..บทความเรื่อง *จิต มโน วิญญาณ กระแสจิต กระแสวิญญาณ เป็นเช่นไร* เป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ท่านทีเข้ามาอ่าน แนะนำให้อ่านด้วยปัญญา อย่าได้เชื่อ จนกว่า ท่านจะได้พบและเห็นได้เองในกาลต่อไป
2..พระไตรปิฏกเถรวาท ได้เขียนไว้วา พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสเรียก จิต บ้าง มโน บ้าง วิญญาณ บ้าง ปัญหาของชาวพุทธก็คือ ชื่อทั้ง 3 ชื่อนี้ต่างกันอย่างไร
ท่านทีเป็นนักภาวนา ทีมี ธรรมจักษุ เกิดแล้ว มีประสบการณ์การภาวนาทีค่อนข้างมาก ท่านจะสามารถเห็น สิ่ง 3 ชื่อนี้ได้ว่า คืออะไร
3..ขอให้ดูจากภาพประกอบคำอธิบาย
รูปข้างบน ได้แสดงถึงเขตแดนของ **โลกภายนอก ( โลกนี้เป็นโลกทีคนทั่วไปรู้จักกันดี มีคน มีสัตว์ มีสิ่งของ ) ดินแดนทีติดต่อกับ โลกภายนอก ก็คือ ส่วนทีเป็น **อายตนะและเรือน ( คำว่า เรือน ขอให้อ่านเรื่องนี้ได้ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=16-12-2019&group=17&gblog=182 ) และดินแดนทีติดต่อกับ อายตนะและเรือน ก็คือ **โลกภายใน โลกภายในนี้ ก็คือ บ้านของตัวจิต
ใต้ส่วนทีเป็น *อายตนะและเรือน มีภาพใบหน้าคน และ มีลูกศรขนาดใหญ่ที่เป็นเส้นประ ชี้มาที ด้านหน้าของใบหน้าของคน ถ้าท่านเป็นนักภาวนาทีมีประสบการณ์มากพอ ท่านจะรู้สีกได้ว่า ส่วนทีเป็น อายตนะและเรือน นี้ จะอยู่ในแนวดังลูกศรในภาพได้ชี้ไว้
4..จิต คืออะไร
ในตัวจิตของคนเรานั้น จะประกอบด้วยส่วน 2 ส่วน ส่วนแรก คือ จิตตัวรู้ บางสำนักก็เรียก จิตผู้รู้ ส่วนที่สอง ทีจะเขียนต่อไป ผู้เขียนขอตั้งชื่อส่วนทีสองนี้ว่า *จิตพลังงาน * * จิตตัวรู้นี้ มีหน้าทีสำคัญ 2 อย่างทีเกี่ยวเนื่องกับ ทุกข์ และ ไม่ทุกข์ ก็คือ A...รู้สภาวะปรมัตถได้ แต่ไม่สามารถรู้สมมุติได้ B.. หน้าทีอีกอย่างก็คือ ถ้าจิตตัวรู้ส่วนนี้ ถูก จิตพลังงาน ครอบงำอยู่ จิตตัวรู้ส่วนนี้ จะเป็นส่วนทีเสริมพลังงานให้แก่จิตพลังงาน ทำให้จิตส่วนทีเป็นพลังงาน ทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ ( กลไกนี้ ภาษาสมัยปัจจุบัน จะเรียกว่า ท่อน้ำเลี้ยง นั่นคือ จิตตัวรู้ เป็นท่อน้ำเลี้ยง ให้จิตพลังงาน ) * แต่ถ้า จิตตัวรู้ส่วนนี้ ไม่ถูก จิตพลังงาน ครอบงำ จิตพลังงาน จะทำงานได้ไม่นาน แล้วก็จะหยุดการทำงานลงไป เพราะขาดท่อน้ำเลี้ยง กลไก ธรรมชาติส่วนนี้ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้า จิตพลังงานทำงานเมื่อใด ทุกข์ ก็จะเกิดขึ้น การดับทุกข์ มีทางเดียว ก็คือ อย่าให้จิตตัวรู้เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้จิตพลังงาน ทุกข์ก็จะดับลงไปได้เอง
ถ้าเมื่อใด จิตมีพลังแห่ง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทีมั่นคงมาก ตัวจิตส่วนทีเป็นจิตตัวรู้ จะอยู่ใน **โลกภายใน** ซี่งในโลกภายในนี้ จิตพลังงาน จะไร้พลังความสามารถทีไปสร้างทุกข์ได้ การปฏิบัติตาม มรรค 8 เพื่อการดับทุกข์ ก็เพื่อสิ่งนี้ ให้สร้างพลังแห่ง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ให้แข็งแกร่ง แล้ว พลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ นี้เอง จะทำให้ จิตพลังงานไร้ความสามารถในการสร้างทุกข์ แล้ว จิตก็จะเคลื่อนไปอยู่ในโลกภายในได้เอง โดยทีไม่ต้องไปทำอะไรเลย เมื่อจิตพลังงานไร้พลังแห่งการสร้างทุกข์ จิตตัวรู้ อยู่ในโลกภายในได้เองด้วยพลังตั้งมั่นแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิ สภาวะธรรมแบบนี ก็คือ นิพพาน
ส่วนทีสอง คือ จิตพลังงาน (ชื่อนี้ ผู้เขียนตั้งชื่อขึ้นมาเอง เพื่อใช้ในการอธิบาย ) จิตส่วนนี้ ทำหน้าทีสร้างขันธ์ขึ้นมา ในการสร้างขันธ์ พระพุทธองค์ได้ทรงเรียกชื่อสถานทีสร้างขันธ์ว่า * เรือน * ( ขอให้อ่านเรื่อง เจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้อะไรในคืนวันตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า >>>ลิงค์ทีเข้าไปอ่านได้ที่ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=16-12-2019&group=17&gblog=182 ) เมื่อ ขันธ์ทีถูกสร้างขึ้นมาทีเรือน และ ตัวจิตเอง มีสัมมาสติ สัมมาสมาธิทีไร้พลัง จิตตัวรู้ จะถูกดูดเข้ามาทีเรือนนี้เป็นท่อน้ำเลี้ยง แล้วทำให้ขันธ์ทีเกิดขึ้นทีเรือนนี้ สามารถอยู่ได้ยาวนาน หมายเหตุ ในการสอนธรรม ขันธ์ทีถูกสร้างขึ้นมาที เรือน นี้ ก็มักเรียกว่า **ความคิด** ถ้าจิตตัวรู้มีพลังแห่ง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทีตั้งมั่นพอในระดับหนี่ง จิตตัวรู้จะไม่ถูกดูดเข้าไปในเรือน ท่อน้ำเลี้ยงก็ไม่มี ขันธ์ทีถูกสร้างขึ้นมาก็จะดับลงไปเอง เพราะขาดท่อน้ำเลี้ยง
5 ...วิญญาณ คืออะไร เมื่อ จิตขาด สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทีตั้งมั่น เมื่อ คนสนใจใน โลกภายนอก ( เป็นโลกที่คนเรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ในโลกภายนอกนี้ มี คน สัตว์ สิ่งต่างๆ ) ตัวจิตส่วนทีเป็นจิตพลังงานจะดูดจิตตัวรู้เข้าด้วยกัน แล้วก็พากัน แล่น (ภาษาธรรมเรียกว่า แล่น ) ออกไปทีโลกภายนอก การแล่นออกนี้ของตัวจิต ก็จะเกิดสิ่งทีเรียกว่า **กระแสวิญญาณ* ขึ้น เมื่อ กระแสวิญญาณ พุ่งออกไปทีโลกภายนอก ผลก็คือ เกิดอาการทีเรียกว่า ไม่รู้สีกตัว เกิดขึ้น ในทางธรรม จะเรียกอาการนี้ว่า จิตมีโมหะ เกิดขึ้น
วิญญาณ ทีกระแสวิญญาณแล่นออกทางใด เช่น ถ้าแล่นออกทางตา ก็จะเรียกว่า วิญญาณทางตา ได้เกิดขึ้น ทำให้คนมองเห็นสิ่งต่างๆ ในโลกภายนอกได้
สำหรับวิญญาณตัวอื่น ทีแล่นออกทางอายตนะอื่น ก็จะเป็นแบบนี้ เช่นกัน
ท่านทีเป็นนักปฏิบัติธรรม ทีปฏิบัติมาบ้าง ก็อาจเคยเห็นว่า มีอะไรก็ไม่รู้ พุ่งแว๊บออกจากดวงตาของท่านออกไป นั่นแหละ คือ กระแสวิญญาณ ที่พุ่งออกผ่านทางตา
สรุป วิญญาณ ก็คือ ตัวจิตทีมีโมหะ พุ่งผ่านออกไปทีโลกภายนอกโดยผ่านทางอายตนะ
6..มโน และ กระแสจิต คืออะไร ถ้า ตัวจิต มีพลังแห่ง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ มากพอ ตัวจิตนั้น จะอยู่ที โลกภายใน ดังทีได้เขียนอธิบายไว้แล้วในข้อ 4
ตัวจิตทีอยู่ในโลกภายในนี้ จะเปรียบ ก็เหมือนจะเปรียบได้ดั่ง **ตะเกียง** ทีมีความสว่างอยู่ ถ้า ตะเกียง หรือ ตัวจิต แผ่แสงสว่างออกมา เลยของเขตของ อายตนะหรือเรือน ออกไป ความสว่างทีแผ่ออกไปนี้ ก็คือ กระแสจิต ทีส่องออกไป และ ดินแดนทีเลยจาก อายตนะหรือเรือน ออกไป ก็คือ มโน
กระแสจิตทีส่องออกไปที มโน เกิดได้ 2 สาเหตุ คือ 1..นักภาวนา ยังไม่เข้าใจมากพอในหลักการของสติปัฏฐาน 2...กำลังของ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ยังไม่กล้าแข็งพอ ทำให้ไม่สามารถคุมจิตให้หยุดการส่องกระแสเลยออกไปจากโลกภายใน
ผลแห่งการส่องความสว่างออกไปใน มโน นักภาวนาจะเห็น ความสว่างปรากฏขึ้นใน มโน เมื่อนักภาวนา ยังไม่เข้าใจมากพอ ก็จะเข้าใจว่า นี่คือ จิตประภัสสร ทีมีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก แต่จริง ๆ ความสว่างที มโน นี้ คือ โอภาส อันเป็น หนี่งอย่างในวิปัสสนูกิเลส ส่วน จิตประภัสสร นั้น ความสว่าง จะอยู่ใน โลกภายใน ไม่เลยออกมา
กระแสจิตทีส่องออกไปที มโน ถ้านักปฏิบัติ ยังไม่มีปัญญามากพอทีจะรู้ว่า มีกระแสจิตออกไปที มโน หรือไม่ ก็สามารถรู้ได้จาก การหายใจ ว่าจะไม่ยาวนัก และ ไม่ลื่นนัก และ จะรู้สีกได้ว่า มีกรดเกิดขึ้นในท้องอีกด้วย แต่ถ้า ตัวจิตอยู่ในโลกภายใน และไม่มีกระแสจิตส่องออกไปที มโน ลมหายใจจะยาว ไหลลื่นดี ซี่งจะรู้ได้เพราะง่ายต่อการรู้ได้แบบนี้ และไม่มีกรดเกิดในท้อง และบางครั้ง ก็จะพบกับ ความเงียบขอลโลกภายใน ปรากฏขึ้นให้สัมผัสได้อีกด้วย
7...ความเข้าใจในสติปัฏฐาน คือ สิ่งสำคัญ ทีจะนำพาให้นักภาวนา เดินตรงทางสู่การพ้นทุกข์ได้จริง แต่ถ้ายังมีทุกข์อยู่ ก็แสดงว่า ยังไม่เข้าใจดีพอ ให้รู้ทุกข์ และเฝ้าศึกษาทุกข์ต่อไปเรื่อยๆ ความเข้าใจจะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ได้เอง
****จบ****
Create Date : 28 ตุลาคม 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2564 9:50:26 น. |
Counter : 921 Pageviews. |
|
|
|