รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 มีนาคม 2564
 
All Blogs
 
การปฏิบัติธรรมด้วยการรู้ทีอายตนะ

1...บทความเรื่อง <การปฏิบัติธรรมด้วยการรู้ทีอายตนะ> นี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวล้วน ๆ   ท่านทีเข้ามาอ่าน แนะนำให้อ่านด้วยวิจารณญาณ และใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อความเจริญในธรรมสืบต่อไป
.
2 การรู้ทีอายตนะ เป็นหนี่งอย่างในหลาย ๆ อย่างทีอยู่ในหมวดธรรมของสติปัฏฐาน 4 
เป็นกรรมฐานทีคนทีกำลังเริ่มต้น สามารถในไปฝีกฝนได้
.
3..อายตนะมี 6 อย่าง แต่ผู้เขียนขอแนะนำการปฏิบัติทีมีการใช้ .ตา. เป็นแกนหลัก
มาดูกันเลยครับ จะฝีกฝนปฏิบัติอย่างไร
.
        การเห็นไตรลักษณ์ของการมองด้วยตา ด้วยการเห็นความกว้างแคบของมุมตา
ขอให้ดูจากภาพข้างล่างนี้ก่อน เพื่อความเข้าใจว่า มุมตาแคบหรือกว้าง คืออะไร
สำหรับท่านทีสนใจจริง ๆ เมื่ออ่านแล้ว ขอแนะนำให้ทดลองทำตามดูด้วย
จะได้เข้าใจได้จริงและนำไปฝีกฝนต่อได้

จากภาพข้างบน เป็นภาพจำลอง การมองวัตถุทีกำลังสนใจ ( ในภาพคือ สี่เหลียมทีมีกรอบสีแดง  )
ถ้าคนเราสนใจในการมองสิ่งใด คนเราจะโฟกัสไปทีสิ่งนั้น ทีนี้ ขอให้ดู .มุมตา. ทีมีแสดงอยู่
ในภาพ ทีมี .เส้นสีน้ำเงิน.ชึ้ทีเส้นสายตาทีกำลังมองวัตถุอยู่  เราจะเห็นเส้น 2 เส้นทีแทนมุมตาทีเกิดขึ้นจากการมอง จะเห็นมุมเป็น ค่าองศา ค่าหนี่ง สมมุติว่า ประมาณ 30 องศา 
ค่า 30 องศานี้คือ มุมตาทีเกิดจากการสนใจมองวัตถุสิ่งหนี่งอยู่
.
ทีนี้ ขอให้ดูภาพ จะเห็นว่า มีวัตถุอีก 2 ชิ้นทีเป็นสี่เหลี่ยมทีมีเลขกำกับ คือ หมายเลข 1 และ 2
ในคนทั่วไป ถ้าคนสนใจมองสิ่งใดอย่างเต็มที่  เขาจะไม่เห็นวัตถุทีอยุ่ข้าง ๆ กับวัตถุทีสนใจมอง
เลย  ดังนั้น ถ้าคนมองวัตถุทีสนใจทีเป็นสี่เหลี่ยนสีแดง เขาจะไม่เห็น วัตถุข้าง ๆ หมายเลข 1 และ 2  อาการนี้ คือ การโฟกัส การมองในคนทั่ว ๆ ไป 
.
ทีนี้ เราเปลี่ยนทัศนะคติการมองใหม่  เรามองวัตถุทีสนใจสี่เหลี่ยมสีแดงแบบสบายๆ  ไม่โฟกัสมากเหมือนเก่า ทีนีขอให้สังเกต เราจะเห็นวัตถุสี่เหลี่ยมหลายเลข 1 และ 2 ทีอยู่ข้าง ๆ ได้ด้วย
แต่ภาพอาจจะไม่ชัดเท่ากับการมองเห็นวัตถุทีสนใจมองอยู่   
ถ้าเราเห็นวัตถุข้างๆ หมายเลข 1 และ 2 ได้แล้ว ถึงไม่ชัดก็ไม่เป็นไร ขอให้เห็นได้ก็พอ
ทีนี้ มาสังเกต.มุมตา. อีกครั้ง เมื่อเรามองเห็นวัตถุข้าง ๆ  ได้ มุมตาจะกว้างขึ้นกว่าเดิม ในภาพแสดงเป็น.   เส้นสีน้ำตาลเข้ม .
ท่านจะเห็นว่า มุมตา เส้นสีน้ำตาลเข้ม จะมีมุมทีกว้างขึ้นกว่าเดิมทีเป็น เส้นทีน้ำเงิน 
.
ถ้าท่านเข้าใจ ความกว้างของมุมตา ได้แล้วว่า แคบ กว้าง เป็นอย่างไร จากการทดลองมองวัตถุ
ดังทีอธิบายข้างต้นได้แล้ว
ทีนี้ ขอให้ท่านมองไปนอกหน้าตางบ้าน หรือ ทีทำงาน เห็นทิวทัศน์ภายนอกสบายๆ  ทีนี้ ขอให้ท่านสังกต มุมตา ทีเกิดขึ้น
ท่านจะพบว่า มุมตา นั้นกว้างมากขึ้นกว่าเดิมทีเป็น มุมตาเส้นสีน้ำตาลเข้ม
.
การเห็น มุมตา ทีกว้างหรือแคบ คือ การเห็นไตรลักษณ์ทีเกิดขึ้นจากการมองเห็น
.
4...จาก การใช้ ตา มองไปสู่ เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน

เมื่อท่านเข้าใจ มุมตา ทีเกิดขึ้นจากการมองด้วยตาได้แล้ว 
ทีนี ขอให้ท่านสังเกตต่อไปว่า 

>   ถ้าท่านมองทิวทัศน์ มุมตาจะกว้าง ท่านจะรู้สีกสบาย ๆ  
>   ถ้าท่านจ้องมองวัตถุอยู่ มุมตาจะแคบ ท่านจะรู้สีกตึง ๆ  ไม่สบายเหมือน มุมตา ทีกว้างขึ้น

ท่านจะเห็นว่า อาการสบาย ๆ หรือ ตึงเครียด จะเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงไปมาได้ จากการทีท่านมองวัตถุว่า ท่านมองแบบมุมตาแคบ หรือ มุมตาทีกว้าง
.

5..จาก การมองด้วยตา สู่ เวทนานุปัสสนา สู่ อาณาปานสติ

จากข้อ  3 ท่านรู้จัก มุมตา ทีเกิดจากการมองแล้ว
จากข้อ 4 ท่านรู้จัก เวทนานุปัสสนา ทีเป็นผลทีเกิดขึ้นจากการมองแล้ว
ทีนี ถ้าท่านสังเกตว่า เมื่อ ท่านมอง เห็นมุมตา แคบหรือกว้างได้ และ รู้สึกได้ถึงอาการตึงเครียด หรือ สบายๆ ได้จากการมองว่ามุมตาเป็นแบบใด  จะมีลมหายใจปรากฏขึ้นมาให้ทันรู้ได้ด้วย นี่คือ อาณาปานสติ

สำหรับ อาณาปานสติ ทีรู้ได้แบบจากการปฏิบัติฝีกฝนอย่างนี้ ขอให้ท่านทีเคยปฏิบัติอาณาปานสติทีเคยฝีกฝนด้วยการไปรู้ลมหายใจทีปลายจมูก ขอให้อย่าไปใช้การรู้ลมหายใจทีปลายจมูกเด็ดขาด
เพราะการรู้อาณาปานสติ จากการฝีกฝนแบบนี้ ถ้าไปรู้ลมหายใจทีปลายจมูก เป็นการรู้ลมหายใจด้วยเหตุทีมาต่างกัน 

ข้อทีท่านควรสังเกตอีกอย่างก็คือ ถ้า ท่านเห็น มุมตา ได้ รู้สีกอาการสบาย  ๆ หรือ ตึง ๆ ทีเกิดขึ้นจาการมองเห็นได้  ถ้าท่านรู้ลมหายใจได้ ขอ อย่าได้สนใจ ลมหายใจเด็ดขาด ขอเพียงรู้ว่า สามารถรู้ลมหายใจได้ก็พอ และบางที ก็ลมอาจจะหายไปก็ได้ แล้วมาใหม่ก็ได้ เพราะเป็นธรรมดาของคนทีฝีกใหม่  แต่ขอให้ท่านคงการรู้ที มุมตา และ อาการรู้สีกสบาย ๆ หรือ ตึง ๆ  ได้อยู่เท่านี้ ก็พอ

6..จาก อายตนะ ตา สู่ อายตนะอื่น  ๆ  ในการฝีกฝน
ถ้าท่านเข้าใจเรื่องการมอง มุมตา อาการตึง ๆ ทีเป็นเวทนาได้แล้ว
ถ้าทานมีความสนใจ และ อยากฝีกฝนต่อยอดไป
ก็ขอแนะนำวิธีการฝีกฝนทีท่านสามารถนำไปใช้ได้

6.1  ขอให้ท่านอมน้ำไว้ในปาก แล้วทำการเคลื่อนน้ำไปมาในปาก เหมือนการกลั้วน้ำในปากไปด้วย พร้อมกับการเห็นมุมตา  ท่านจะสามารถรุ้สีก ถึงก้อนน้ำทีไหลไปมาในปากได้ ถ้าท่านเห็นมุมตา และ รู้สีกถึงอาการทีพบในปากขณะทีน้ำเคลื่อนตัวไปมา ลมหายใจก็จะปรากฏขึ้นได้เช่นกัน
เช่นเดียวกัน ขออย่าได้ไปสนใจลมหายใจว่าอยู่ทีใด เพียงรู้ได้ว่า มีลมหายใจทีรู้ได้เกิดขึ้นก็พอ
ขอให้ รู้มุมตา พร้อมกับอาการความรู้สึกทีเกิดขึ้นในปากเป็นหลักสำคัญ

การฝีกฝนนี้ ถ้าในชีวิตประจำวัน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในตอนทีท่านรับประทานอาหารได้ด้วย
โดยในขณะทีท่านเคี้ยวอาหาร ท่านรู้สีกความรู้สีกทีเกิดขึ้นจากทีเคี้ยวอาหารในปาก พร้อมกับการรู้มุมตาไปด้วย

6.2  มุมตา ทีเกิดขึ้นขณะอาบน้ำ
เมื่อท่านอาบน้ำ  ท่านจะสังเกตได้ว่า มุมตามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ถ้าท่านกำลังใช้มือถูผิวหนัง มุมตาจะกว้าง เพราะท่านไม่ได้จ้องอะไรอย่างจริงจัง
หรือ บางครั้ง มุมตา จะแคบ ถ้าท่านจ้องบ้างเป็นครั้งคราว ท่านจะเห็นไตรลักษณ์ของมุมตาได้
และ ถ้าท่านอาบน้ำ รู้สีกไปที การสัมผัสของผิวกายกับน้ำทีไหลมาโดน หรือ จากมือทีสัมผัสการถูผิงหนังได้ พร้อมกับการเห็นทีมุมตาด้วย  ลมหายใจก็จะปรากฏขึ้นมาให้รู้ได้ และ เช่นเดียวกัน ถ้าท่านรู้ลมหายใจได้ด้วย อย่าได้สนใจลมหายใจเด็ดขาด เพียงรู้ได้ก็พอ หรือถ้าหายไปไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร
ขอให้ท่านยังคงรู้มุมตา และ ความรู้สึกทีสัมผัสทีผิวกายไปเรื่อยๆ  

7..หวังว่า บทความนี้ จะเป็นประโยชน์ ต่อท่านปฏิบัติทีเป็นมือใหม่ในการภาวนา
และสนใจการปฏิบัติสติปัฏฐาน

ขอความสวัสดีและเจริญในธรรม มีแด่ท่านทีมีสติอยู่เป็นนิสัย
.



 


Create Date : 24 มีนาคม 2564
Last Update : 26 มีนาคม 2564 7:30:22 น. 0 comments
Counter : 1078 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.