BlogGang.com : : นมสิการ : นิพพานแบบฌานลึก

นิพพานแบบฌานลึก

1. บทความเรื่อง * นิพพาน แบบ ฌานลึก * เขียนขึ้นจากความเข้าใจส่วนตัวของผู้เขียน
ผู้เขียนไม่รับรองความถูกต้อง ท่านทีเข้ามาอ่าน ขอให้อ่านแล้วพิจารณาด้วยปัญญา

บทความก่อนหน้าที่เกี่ยวเนือง ถ้าท่านยังไม่ได้อ่าน ผู้เขียนขอแนะนำให้อ่านก่อน
A...หัวข้อเรื่อง สภาวะธรรมของนิพพาน
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=01-2022&date=25&group=17&gblog=238
B..หัวข้อเรื่อง การเข้านิพพานแบบฌานตื้น
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=01-2022&date=28&group=17&gblog=240
C..หัวข้อเรื่อง ความสว่าง 3 ชนิดในการภาวนา
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=01-2022&date=28&group=17&gblog=241

2..ครูบาอาจารย์สายวัดป่า จะเน้นเรื่อง การทำลายกิเลส
ส่วนครูบาอาจารย์สายมหายาน นิกาย Zen จะเน้นเรื่อง ความว่างที่เป็น สุญญตา
แล้วอย่าใด จึงจะถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
คำตอบก็คือ ถูกทั้งคู่ ถ้าเป็นการเข้านิพพานแบบฌานลึก
ผลแห่งการเข้านิพพานแบบฌานลึก จะทำลายทั้งกิเลส และ ได้ความว่างเปล่าของสุญญตา เกิดพร้อมกันทั้ง 2 อย้่่าง

3..กลไกการทำงานของกิเลส กิเลสเกิดได้อย่างไร
เมื่อ จิตผู้รู้ ขาดสัมมาสมาธิ ตัวจิตผู้รู้จะถูกดูดเข้าไปอยู่ใน *เรือน*
เมื่อเกิดผัสสะขึ้นตามมา จะมีพลังงานกระเพื่อมใน เรือน
ทำให้เกิดพลังงานที่เป็นสีดำมืด ครอบงำจิตผู้รู้ไว้
พลังงานสีดำมืดนี้ ตำราเรียกว่า โมหะ
จะเป็นกิเลสตัวแม่ที่เกิดก่อนเสมอ เมื่อโมหะครอบงำจิตผู้รู้อยู่

เมื่อเกิดโมหะครอบงำจิตผู้รู้ สติ ก็จะขาดลงไป
เมื่อมีผัสสะเข้ามาเป็นอารมณ์ที่น่าพอใจ ก็จะเกิดกิเลสตัวลูกที่เรียกว่า โลภะหรือราคะ
ถ้ามีผัสสะเข้ามาเป็นอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ ก็จะเกิดกิเลสตัวลูกที่เรียกว่า โทสะ

4...ความดำมืดของโมหะ คือ ต้นตอแห่งการเกิดขึ้นของกิเลส
การทำลายกิเลสมีทางเดียว คือ ต้องมีสัมมาสมาธิมากพอที่จะต้านแรงดูด
ของตัณหาก่อน เมื่อสัมมาสมาธิมากพอ จิตผู้รู้ ไม่ถูกดูดเข้าไปใน เรือน
ได้แล้ว สัมมาสมาธิระดับนี้ ต้องเป็นสัมมาสมาธิระดับฌานลึก ที่มีพลังมากกว่า
ระดับฌานตื้น จึงจะต้านทานแรงดูดของตัณหาได้อยู่เสมอ ไม่พลาดท่าให้แก่ตัณหา
สมาธิระดับฌานลึกนี้ จะปรากฏขึ้นเป็นดวง ที่นักภาวนาจะเห็นได้ด้วย ดวงตาเห็นธรรมของตนเอง
เมื่อ นักภาวนาเห็น จิตผู้รู้ที่เป็นดวงได้แล้ว ให้หัดเจริญ ญาณ ต่อไป
(((((หมายเหตุ เจริญ ญาณ ทำอย่างไร ผู้เขียนไม่อาจจะเขียนบอกได้ ด้วยเกินความสามารถของผู้เขียน ))))

เมื่อนักภาวนาได้เจริญ ญาณ ไปเรื่อยๆ เมื่อยังไม่สำเร็จ ญาณ ก็จะพบทุกข์กาย
ที่ประดังเข้ามาไม่ขาดสาย เกิดการเจ็บป่วยอย่างโน้นบ่้าง อย่างนี้บ้าง
ขอให้แก้ไขทุกข์ไป พบทุกข์อย่างไร หาวิธีการแก้ไขทุกข์ที่เกิดขึ้นไป
เมื่อทุกข์หาย ให้เจริญ ญาณ ต่อไป
((((หมายเหตุ ถ้าทุกข์กายแก้ไม่หาย อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้จากการเจ็บป่วย )))))
ให้เดินรอบแบบนี้ ทุกข์กายเกิด ให้แก้ทุกข์กายไป พอทุกข์หาย ให้เจริญ ญาณ
ให้วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนวันหนี่ง จะเกิดปรากฏการทางจิตเกิดขึ้นแว๊บเดียว
สั้น ๆ ดังสายฟ้าแลบ
จิตผู้รู้ ที่เป็นดวง จะแตกตัวออก กลายเป็นความสว่างปรากฏให้เห็นได้
(((อ่านเรื่อง ความสว่าง 3 ชนิดในการภาวนา )))

5...ผลแห่งความสว่างของจิตผู้รู้นี้ จะมี 2 อย่างก็คือ
อย่างที่ 1 ....ความสว่างของตัวจิตผู้รู้นี้ จะเป็นความว่าง ไม่เป็นดวง ก็จะเป็นนิพพานตามแบบของมหายาน นิกาย Zen
อย่างที่ 2... ความสว่างของตัวจิตผู้รู้ที่ไม่เป็นดวงนี้ จะทำให้โมหะเกิดไม่ได้ เพราะโมหะเกิดจากความมืด เมื่อโมหะตัวแม่เกิดไม่ได้ กิเลสตัวลูก คือ โทสะ ราคะ โลภะ ก็เกิดไม่ได้อีก
ก็จะเป็น นิพพานตามแบบของครูบาอาจารย์สายวัดป่า

6..นิพพานแบบฌานลึก เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ยาก น้อยคนที่จะทำได้จริงจนได้นิพพานแบบนี้
ถ้าตัวนักภาวนา ไม่มีบุญวาสนาพอ ก็ขอแนะนำ นิพพานแบบฌานตื้น ฝึกฝนไว้่
เพื่อใช้ในนาทีวิกฤตที่ใกล้ตาย ไม่ว่า นิพพานแบบฌานตื้นหรือฌานลึก
ก็ได้ผลแห่งการหยุดการเกิดใหม่ได้เท่ากัน

Create Date : 29 มกราคม 2565

Last Update : 19 มิถุนายน 2565 16:21:31 น.

0 comments

Counter : 654 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณmcayenne94