1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
จุดผิดพลาดของนักภาวนา คือ ความไม่เข้าใจกับคำว่า สัมมาสติ
จุดผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของนักภาวนา มือใหม่ ทีอาจก้าวหน้าไปไม่ได้เลย เพราะความไม่เข้าใจกับคำว่า สัมมาสติ . ขอให้ดูคลิปข้างล่างก่อน จำเป็นทีต้องดู เพราะเดียวจะไม่เข้าใจคำว่า สัมมาสติ อย่างถ่องแท้ เป็นคลิปสั้น ๆ 10 นาที . https://www.youtube.com/watch?v=-Flxv3-tqi0 . เมื่อดูคลิป ท่านจะพบว่า เวลาทีคนพูดกัน จะมีเสียงดนตรีคลอเคลียไปด้วย บางทีก็ไม่มีดนตรี บางทีก็มีดนตรี และ บางขณะทีไม่มีเสียงคนพูด ก็จะมีเสียงดนตรีโผล่ออกมา . ผมจะชี้ให้เห็นอาการของสัมมาสติ . 1..ในขณะทีมีเสียงคนพูดกัน และ มีเสียงดนตรีประกอบ เวลาเราดูทีวี เราจะสนใจเสียงคนพูดกัน เขาพูดอะไร มีความหมายว่าอะไร เนื่องจากตรงนี้ เราสนใจ ผมขอเรียกว่า Primary ส่วนเสียงดนตรีประกอบในขณะทีคนพูด ตรงนี้ เราจะไม่สนใจดนตรี แต่หูได้ยินได้ ตรงนี้ ผมขอเรียกว่า Secondary . * ทีนี้ในการฝีกฝนหรือชีวิตจริง ขณะทีเราดูทีวี หรือ เรากำลังพูดคุยกับใครอยู่ ตรงนี้ จะเป็น Primary เราจะสนใจในทีวี หรือ สนใจกับคู่สนทนา แต่ในขณะเดียวกัน การรู้สติปัฏฐานเช่น การรู้กายพร้อมกันไปด้วยในขณะทีเราฝีกดูทีวี หรือ กำลังสนใจคู่สนทนานั้น เป็น Secondary . ทีนี้ พอเราเริ่มฝีกแบบนี้ เราดูทีวี พร้อมรู้กายไปด้วย เราจะพบว่า ในขณะทีเราสนใจเรื่องในทีวี เรามักจะเผลอการรู้กายไป กล่าวคือ รู้กายไม่ได้ ทีเป็นอย่างนี้ เพราะว่า กำลังจิตของเราอ่อนแอมากนั่นเอง ทุกคนทีฝีกใหม่ หรือ ฝีกมาผิดทาง ทีเริ่มจากกำลังจิตทีอ่อนแอ ใครมาดูทีวี เป็นอย่างนี้หมด ไม่ต้องตกใจว่า ทำไมมันยาก ทำไมทำไม่ได้ ขอให้รู้ว่า ทีเป็นอย่างนี้ เพราะกำลังจิตอ่อนแอมาก . ทีนี้ พอเราเผลอไปในขณะดูทีวี ไม่เป็นไร พอรู้ว่าเผลอไป ก็กลับมาเริ่มต้นใหม่ การเริ่มต้นใหม่นั้น อาจใช้วิธีก็คือ ให้ตามองไปข้างหน้า อย่าเพิ่งไปสนใจทีวี ให้มองไปทีวัตถุอะไรนิ่งๆ ก่อน แล้วรู้กายไป ทำอย่างนี้ พักหนี่ง เช่นสัก 2-3 นาที แล้วทีนี้ ก็ให้มาดูทีวีพร้อมรู้กายใหม่อีกครั้ง ทำอย่างนี้ เดียวก็จะเผลออีก เมื่อเผลอให้เริ่มใหม่แบบนี้ไปเรื่อยๆ . ขออย่าได้กลัวเผลอเด็ดขาด แต่ขอให้ฝีกให้ถูกเท่านั้น เผลอไม่เป็นไร ยอมรับได้ แต่ฝีกผิดยอมรับไม่ได้ ทีฝีกผิดก็คือ การไปรู้กายเป็น Primary นี่คือ การฝีกผิด อย่าลืมว่า เราต้องการรู้กายเป็น Secondary จึงจะเข้าอาการของสัมมาสติ . นักภาวนาทีฝีกผิดก็ตรงนี้ เขาพยายามไปรู้สติปัฏฐานเป็น Primary เช่น ทำอาณาปานสติ ก็ไปจ้องปลายจมูก เวลาเดินจงกรม ก็ไปจ้องมองขาทีกำลังเดิน เป็นต้น ฝีกอย่างนี้ ไปไม่รอดครับ เพราะฝีกผิด เสียเวลาไปเปล่า ๆ . เราต้องฝีกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ดุทีวี รู้กาย เผลอให้เริ่มใหม่ วนเวียนแบบนี้ไปตลอด ทำไปเรื่อยๆ อาจสัก 6 เดือน 1 ปี หรือ มากกว่า เราจะพบว่า ถ้าเราชำนาญ เวลาเราดูทีวี แล้วรู้กาย เราจะเผลออยู่ แต่เราจะพบว่า พอเราเผลอแล้ว เราจะรู้ตัวว่า เราเผลอไปแล้ว เราจะรู้ได้เร็วขึ้นกว่าตอนทีเริ่มฝีกใหม่ๆ นีคือ เราต้องการตรงนี้ . เราไม่ใช่ต้องการไม่ให้เผลอ แต่เราต้องการเผลอแล้วรู้ได้เร็ว ถ้าเราฝีกไปเรื่อยๆ แบบนี้ การรู้เผลอได้เร็วไปเรื่อยๆ ต่อไป อาการเผลอจะลดเวลาสั้นลงไปเรื่อยๆ ทีนี้ จะเหมือนว่า เราจะไม่ค่อยเผลออีก แต่จริงๆ มันเผลออยู่ แต่รู้ได้เร็วมากเท่านั้นเอง ประหนี่งว่า เผลอปุ๊บ รู้ปั๊บ แบบนี้ เวลาเผลอมีสั้น ๆ ก็จะเหมือนว่า ไม่มีเผลอนั่นเอง . ความสำเร็จอยู่ตรงนี้ รู้ได้เร็วเวลาเผลอไป . 2..ฝีกสัมมาสติแบบนี้ แล้วได้อะไร นี่จะเป็นคำถามยอดฮิตทีถามกัน คำตอบก็คือ ได้กำลังจิตเพิ่มขึ้น การรู้เผลอได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แปลว่า กำลังจิตมีมากขึ้นแล้ว กำลังจิตทีมีมากขึ้นในตัวนักภาวนา ต่อไป เวลาเกิดกิเลสขึ้น ตัวจิตทีมีพลังนี้ จะไปเห็นกิเลส และ ทำลายกิเลสให้สลายตัวลงไปเป็นไตรลักษณ์ได้ การทำลายกิเลสให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ นอกจากทำให้ทุกข์ดับลงไปแล้ว ยังเป็นปัญญาให้แก่จิตอีกด้วย . 3.ต้องฝีกแบบนี้ ไปนานเท่าใด ฝึกไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดเวลา ยิ่งฝีกมากก็ยิ่งได้ผลดีแก่นักภาวนาเอง
Create Date : 04 มิถุนายน 2560
Last Update : 21 ธันวาคม 2560 18:48:05 น.
0 comments
Counter : 791 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****