1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
อรูปฌาน ต่างจาก จิตทีเจริญวิปัสสนาญาณ อย่างไร
1..บทความนี้ เป็นความเข้าใจส่วนตัวล้วน ๆ ชองผู้เขียน ซี่งไม่มีอยู่ในตำราใด ๆ และ อาจไม่เหมือนกับนักภาวนาท่านอื่นๆ ดังนั้น ขอให้ท่านทีเข้ามาอ่าน ขอให้อ่านด้วยวิจารณญาณ 2..อรูปฌาน มี 2 แบบ ดังนี้ แบบที่ 1...อรูปฌาน ทีใช้ #ตาเนื้อ# เพ่งจ้อง ความว่าง ของอากาศ คนทั่วไป บางคนไม่อาจเห็นความว่างของอากาศได้ แต่ถ้ากางนิ้วมือออกให้แต่ละนิ้วอยู่ห่างกัน ช่องว่างระหว่างนิ้วมือทีห่างกัน คือ ความว่างของอากาศ เมื่อเห็นความว่างระหว่างนิ้วมือได้แล้ว ก็จะเข้าใจวิธีเห็นความว่างของอากาศที่อยู่ข้างหน้าของใบหน้าของตนเองได้ การเพ่งจ้องความว่างของอากาศโดยใช้ #ตาเนื้อ# เป็น อรูปฌาน แบบฤาษี ไม่ใช่การทำสมาธิแบบพุทธศาสนา แบบที่ 2....อรูปฌาน ทีใช้ ตาใน (ดวงตาเห็นธรรม หรือ ตาปัญญา) ไปเพ่งจ้องความว่างของ มโน อรูปฌานแบบนี้ มีเรื่องทีต้องอธิบายอยู่หลายอย่างดังนี้ . AA > โลกภายนอก และ โลกภายใน คืออะไร >โลกภายนอก คือ โลกปกติของมนุษย์ มีคน มีสัตว์ มีสิ่งของ มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจทางโลกทีทำกัน โลกภายนอกนี้ คนทั่วไป รู้จักกันดีอยู่แล้ว โลกภายนอกนี้ สามารถรับรู้ได้ด้วยอวัยวะปกติของคนได้ ได้แต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย > โลกภายใน คือ โลกที ตัวจิต สร้างขึ้นมา เป็นโลกอีกมิติหนี่ง ที #ซ้อนทับกับโลกภายนอก# ในโลกภายในนี้ จะมีแต่ พลังงานที่เป็นไตรลักษณ์ และความว่างเปล่า ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของ ไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีเสียงใด ๆ มีแต่ความเงียบ โลกภายในนี้ ไม่อาจรับรู้ได้ด้วยอวัยวะปกติของคนได้เลย แต่จะรับรู้ได้ด้วย ตัวจิต เอง BB > ตาใน (ดวงตาเห็นธรรม หรือ ตาปัญญา) คือ อะไร เมื่อคนมาเจริญ สติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางของพุทธศาสนา จะมีการพัฒนากำลังจิตขึ้น เมื่อกำลังจิตพัฒนามากพอถึงจุดหนี่ง คน ๆ นั้นจะเกิด ตาใน ขึ้น เมื่อคนมี ตาใน เกิดขึ้น ก็จะสามารถ รับรู้ หรือ เห็น สภาวะธรรมของโลกภายในได้ CC > มโน คืออะไร ขอให้ดูจากภาพประกอบ เพื่อความเข้าใจ จากภาพข้างบน ได้แสดงภาพจำลอง โลกภายใน ทีซ้อนทับอยู่กับ โลกภายนอก เมื่อคนมี ตาใน เกิดขึ้น ตัวตาใน นั้น จะดูเหมือนว่า ซ้อนทับกับ ตาเนื้อ หรือ อาจจะ อยู่ลึกเข้ามาจากตาเนื้อก็ได้ โดยลึกเข้ามาอยู่ภายในศรีษะ ( อย่าลืมว่า เป็นโลกอีกมิติหนี่งทีซ้อนทับกันอยู่ ) ในภาพ ตาใน ก็คือ รูปดาว สีเหลือง ส่วนข้างหน้าของคนเรา จะเห็นเป็นรูปหยัก ๆ สีน้ำเงินอ่อนอยู่ สิ่งนี้ คือ #เรือน# ทีพระพุทธองค์ทรงเอ่ยถึงในคืนวันตรัสรู้ #เรือน# คือ สถานที่ทีอยู่ในโลกภายใน ทีตัวจิตพลังงาน เคลื่อนทีมาอยู่เพื่อสร้างขันธ์ 5 ขึ้นที่นี่ จากภาพ เริ่มจาก รูปดาวทีเป็นตาใน ทีซ้อนทับอยู่ในศรีษะคน เลยออกมา เป็น เรือน ทีซ้อนทับอยู่ด้านหน้าของใบหน้าคน เลย เรือน ออกไป จะเป็น ความว่างเปล่า ทีเขียนว่า มโน สำหรับ อรูปฌาน แบบที่ 2 นี้ ตัวจิตตัวรู้ หรือ ตาใน จะไปเพ่งจ้องความว่างของ มโน จึงเป็น อรูปฌาน . 3...จิตทีเจริญวิปัสสนาญาณ นั้น คือ ตาใน หรือ จิตตัวรู้ รูปดาวสีเหลืองจากภาพข้างบน เห็นอาการต่างๆ ที #เรือน# ซึ่งจิตทีเจริญวิปัสสนาสามารถทำได้ 2 แบบ ด้วยกัน คือ . แบบที่ 1 จิตตัวรู้ หรือ ตาใน ไปจ้องเห็นทีเรือนตรงๆ โดยเห็นว่า เรือน นั้นอยู่ห่างๆ จากตัวจิตเอง การจ้องแบบนี้ จะเป็นสมถะภาวนา ทำแล้ว จิตจะสงบ ไม่มีการปรุงแตงใด ๆ เกิดขึ้นทีเรือน . แบบที่ 2 จิตตัวรู้ แผ่กระจิตออกกว้าง ครอบคลุม เรือน และ มโน แล้ว จิตตัวรู้ ไปรู้อาการต่างๆ ที #เรือน# ด้วย ญาณหยั่งรู้ ไม่ได้เป็นการจ้องตรงๆ เหมือนแบบที่ 1 แบบนี้ จะเป็นการเจริญวิปัสสนา หมายเหตุ ญาณหยั่งรู้ คืออะไร ญาณหยั่งรู้ ก็คือ การชำเลืองมองสิ่งทีถูกรู้ในโลกภายใน ไม่ใช่การจ้องตรงๆ เปรียบดัง วัวแม่ลูกอ่อนเล็มหญ้าแล้วชำเลืองมองลูกน้อย (อ่านเรื่องนี้ได้ที่ https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=12&item=546&items=2&pagebreak=1&mode=bracket ) 4..เรื่องทีเขียนนี้ คนทีไม่เคยพบเห็นจริงๆ จะอ่านแล้วยากทีจะเข้าใจได้ว่า สิ่งทีเขียนถึงจริงๆ แล้ว เป็นอย่างไร บทความนี้ จึงเป็นเพียงการบอกกล่าวให้แก่นักภาวนาท่านอื่น ทีอาจเคยพบสภาวะธรรมของโลกภายในมาก่อน เพื่อความเข้าใจได้มากขึ้นในการภาวนา
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 12 มีนาคม 2564 18:26:46 น.
0 comments
Counter : 840 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****