รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 ตุลาคม 2565
 
All Blogs
 
ลักษณะอาการของ สมาธิ ในองค์มรรค

0.. บทความก่อนหน้าทีแนะนำให้อ่านก่อน เรื่อง
เส้นทางแห่งมรรค เดินตามเส้นนี้อย่างไร แล้ว จะพบอะไร
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=03-10-2022&group=17&gblog=257

1..บทความเรื่อง " ลักษณะอาการของ สมาธิ ในองค์มรรค   "
เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เชียนเอง  ซี่งไม่จำเป็นต้องไปเหมือนใคร
หรือ ต้องเหมือนกับสิ่งที่มีเชียนอยู่ในตำราเล่มใด
ท่านที่เช้ามาอ่าน ขอแนะนำว่า อย่าได้เชื่อในสิ่งที่ผู้เชียนเขียนนี้
โดยไม่ได้พิจารณาใตร่ตรองด้วยปัญญา หรือ ได้ทำการฝีกฝนภาวนาจน
เข้าใจและเกิดการยอมรับเมื่อถึงเวลานั้นมาถึง
.
2..สมาธิ ในการภาวนานั้น มีอยู่ 2 แบบ คือ 
A..สมาธิแบบฤาษี  สมาธิแบบนี้ เป็นการกดระบบประสาทไม่ให้ทำงาน
เช่น ปิดตาไม่ให้เห็นสิ่งใด หรือ ทำอะไรสักอย่างจนหูไม่ได้ยินเสียง
สมาธฺิฤาษี ผู้เขียนจะไม่เขียนถึงไปมากกว่านี้
.
ฺB...สมาธิในองค์มรรค  สมาธิแบบนี้ จะประกอบด้วย สติในองค์มรรค
ที่อายตนะทุกส่วน ยังทำงานได้อยู่ตามปกติ  ตาเห็นได้ หูได้ยินได้ จมูกได้กลิ่นได้
ลิ้นรู้รสได้ กายรู้ความรู้สีกที่สัมผัสที่กายได้ จิตใจนึกคิดอะไร ก็ยังสมารถคิดได้อยู่
ซี่งสมาธิในองค์มรรค มี 3 ระดับ ซี่งจะได้เขียนต่อไป

2..สมาธิในองค์มรรค มีกล่าวในตำราว่า มี 3 ระดับ
A..ขณิกสมาธิในองค์มรรค
สมาธิแบบนี้ อายตนะทุกส่วนยังทำงานได้ แต่ไม่มีความมั่นคงในการทำงานมากพอ
เช่น ตาเห็นได้ หูได้ยิน กายรู้สัมผัสได้  แต่พอเกิดอาการเผลอขึ้นมาในชณะใด 
อายตนะเช่น ตา หู การรู้สัมผัสที่กาย ก็หยุดทำงานไปทันที

สมาธิแบบนี้ เกิดในคนทั่วไป ที่ไม่ได้ปฏิบัติสติปัฏฐานที่มากพอ
จิตใจยังหลงไปกับกิเลสเป็นส่วนใหญ่
แต่พอลงมือมาฝีกฝนในรูปแบบ จึงเกิดสมาธิแบบนี้ได้ชั่วคราวในขณะฝีกฝน
แต่พอหยุดฝีก กลับไปบ้านใช้ชีวิตปกติ ก็กลับมาเหมือนเดิมอีก
ที่ว่า เหมือนเดิมคือ แทบตลอดเวลา ไม่รู้อายตนะทำงานเลย
มีแต่เผลอสติตลอดเวลา

ท่านที่ฝีกปฏิบัติมานาน ลองสำรวจตนเองดูก็ได้ ถ้าวัน ๆ ท่านทำงานอะไรอยู่
ท่านยังสามารถรู้การทำงายของอายตนะได้ด้วยหรือไม่ 
ถ้าไม่ได้ นั่นคือ ท่านเสียเวลาเปล่าไปแล้ว การภาวนาที่ผานมาของท่าน
ไม่ได้ผลออกมาเลย
.
ฺB..อุปจาระสมาธิในองค์มรรค
.
ลักษณะของ อุปจาระสมาธิ นั้น อายตนะทำงานได้และรู้ได้อยู่เป็นอย่างดีในเวลาปกติ
เมื่ออยู่ในชีวิตประจำวัน 
ยกเว้นแต่ อายตนะที่เป็นการนึกคิด เมื่อใดที่มีการนึกคิดเกิดขึ้น การรู้ได้ของการทำงาน
ของอายตนะจะหยุดทำงานทันที 
สาเหตุที่หยุดทำงาน เพราะตัวจิตผู้รู้ ถูกดูดเข้าไปในความคิด เมื่อ จิตผู้รู้ถูกดูดเข้าไปในความคิด
อาการของการมีสติปัฏฐาน ก็ปิดประตูลงทันที แล้ว กิเลสก็พร้อมที่จะเกิดขึ้นและขยายตัวใหญ่โตต่อไปได้
การที่จิตผู้รู้ ถูกดูดเข้าไปในความคิดได้ เป็นการบ่งบอกว่า กำลังสมาธิยังไม่มั่นคงมากพอ
.
การฝีกฝนสมาธิในระดับนี้เพื่อให้มีกำลังมากขึ้นและต้านทานการถูกความคิดดูดเข้าไปได้นั้น
มีทางเดียว คือ ต้องทำการฝีกฝนสติปัฏฐานภายใน อันได้แก่ กายในกาย เว่ทนาในเวทนา
จิตในจิต ธรรมในธรรม
.
ซี่งคนที่จะสามารถฝีกสติปัฏฐานภายในได้ จำเป็นต้องมีดวงตาเห็นธรรม ( ตาใน ) เกิดก่อน
และมีประสบการณ์ในสติปัฏฐานมามากพอ ที่ดวงตาเห็นธรรมจะสามารถเห็นก้อนพลังงานของจิตพลังงานที่เกิดขึ้นในโลกอีกนิมิตหนี่ง
.
หมายเหตุ การเกิดขึ้นของดวงตาเห็นธรรม ได้นั้น จะรู้ได้ว่า เกิดแล้ว
ก็๋ต่อเมื่อ นักปฏิบัติ สามารถเห็นโลกอีกมิติหนี่ง ที่ซ้อนทับอยู่กับโลกปกติของคนเรา
โลกอีกมิติหนี่งนี้ คนธรรมดา จะไม่มีทางเห็นได้เลย
.
C..อัปปนาสมาธิในองค์มรรค
ซี่งจะมี 2 ระดับ ด้วยกันคือ
.
ระดับ C1...
ลักษณะของอัปปนาสมาธิในองค์มรรคระดับนี้  จะมีอาการที่ การรู้อายตนะทำงานได้เป็นอย่างดี
ทุกอายตนะ ถึงแม้ว่า กำลังคิด อายตนะทุกส่วนก็ยังทำงานได้ตามปกติ
ซี่งแสดงได้ว่า จิตผู้รู้ มีความตั้งมั่นสูง ไม่ถูกดูดเข้าไปในความคิดแล้ว
แต่ถ้าเมื่อใด มีจิตปรุงแต่งเกิดขึ้น จิตผู้รู้ ก็จะเห็นจิตปรุงแต่งได้แล้วจิตปรุงแต่ง
ก็จะดับสลายตัวลงไปเป็นไตรลักษณ์ได้ต่อไป
.
ระดับ C2..
ระดับนี้ เหมือน C1  แต่จะมีเพิ่มขึ้นมาก็คือ  การปรุงแต่งของจิตตสังขารจะไม่เกิดขึ้นเลย
นักภาวนายังนึกคิดได้ ตาเห็นได้ หูได้ยินได้ แต่จิตใจจะไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ  เกิดขึ้น
และ นักภาวนาเมื่ออยู่ในสมาธิระดับนี้ จะเป็นคนที่หมดคำพูด คือ คิดได้ แต่จะพูดไม่ได้
แต่ถ้าจะพูด ต้องถอยสมาธิกลับลงไปที่ระดับที่ต่ำกว่า C2 จึงจะพูดได้
 


Create Date : 06 ตุลาคม 2565
Last Update : 6 ตุลาคม 2565 20:00:40 น. 0 comments
Counter : 396 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.