รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มกราคม 2565
 
All Blogs
 
สภาวะธรรมของนิพพาน

1..เรื่อง " สภาวะธรรมของนิพพาน " เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นจากความเข้าใจของตัวผู้เขียนเอง
ผู้เขียนไม่รับรองความถูกต้องในบทความนี้
ท่านที่เข้ามาอ่าน  ขอแนะนำให้อ่านด้วยปัญญา

2.. การจะเข้าใจ สภาวะธรรมของนิพพาน ได้นั้น จำเป็นต้องใช้การพิจารณาจาก
อริยสัจจ์ 4 เป็นหลัก  จึงจะพบว่า อริยสัจจ์ 4 นี้ ได้บอกอาการของ นิพพาน ไว้แล้ว
แต่ไม่มีรายละเอียดมากพอ ที่จะรู้ได้ว่า นิพพาน คืออย่างไร 
แต่ถ้า นักภาวนา ได้ลงมือภาวนา แล้ว ได้ผลดีมากพอ  มีดวงตาเห็นธรรมเกิดแล้ว 
มี ญาณปัญญา เกิดแล้ว  เมื่อ ทักษะ 3 อย่างนี้ มารวมเข้าด้วยกัน คือ  1.. ดวงตาเห็นธรรม  2.. ญาณปัญญา  3.. อริยสัจจ์ 4  ก็จะสามารถพิจาราออกได้ว่า ลักษณะชอง นิพพาน นั้นเป็นเช่นไร

3... สิ่งแรก ต้องเข้าใจกับเรื่องของ ทุกข์ ก่อน แล้วจะเข้าใจ คำว่า ตัณหา ได้ต่อไป
ทุกข์ ก็คือ ขันธ์ 5 และ อาการของขันธ์ 5
.
พุทธอุทานที่ปรากฏในพระไตรปิฏก เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้แล้ว
พระองค์ได้ทรงอุทานออกมา  พระองค์ได้ทรงพบ "เรือน" ที่นายช่างจะมาสร้าง "เรือน" อีกไม่ได้แล้ว 
ขอให้อ่านเรื่อง  ที่ลิงค์นี้ 
เจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้อะไรในคืนวันตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า  

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=16-12-2019&group=17&gblog=182



เรือน นั้น คือ แดนเกิดของขันธ์ 5  
ถ้านักภาวนาได้ลงมือภาวนาจนมีดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว ก็จะสามารถพบความจริงอย่างหนี่งได้ว่า ตัวจิตนั้นมี 2 ส่วน  ส่วนแรกสุด มีหน้าที่ รู้หรือเห็นสภาวะธรรมปรมัถต  ซีงบางสำนักได้ตั้งชื่อเรียกจิตส่วนนี้ว่า จิตผู้รู้ หรือ บางสำนักก็คือ จิตพุทธะ จะเป็นชื่ออะไรไม่สำคัญ แต่สำคัญที่หน้าของเขา ก็คือ การรู้หรือเห็นสภาวะธรรมปรมัตถ

จิตส่วนที่ 2  คือ ส้วนที่ไปสร้างทุกข์ขึ้น ถ้า จิตส่วนนี้ เข้าไปใน เรือน เมื่อใด ขันธ์ 5 ก็เกิดขึ้น
เมื่อ ขันธ์ 5 เกิดขึ้น ทุกข์ก็เกิดขึ้น    ผุ้เขียนขอตั้งชื่อจิตส่วนที่ 2  นี่ว่า จิตพลังงาน เพื่อใช้คำนี้ เป็นชื่อเรียกต่อไปในบทความนี้

เมื่อ จิตพลังงานเข้าไปที่เรือน แล้ว ขันธ์ เกิดขึ้นแล้ว
ถ้า จิตผู้รู้ ไม่มีกำลังของสัมมาสมาธิ ที่ตั้งมั่นมากพอ  จิตผู้รู้ จะถูกดูดเข้าไปใน เรือน ได้ง่าย
เมื่อ จิตผู้รู้ เข้าไปในเรือนแล้ว ผลก็คือ ตัวของนักภาวนาเองก็จะรู้สีกเป็นทุกข์เกิดขึ้น

การที่จิตผู้รู้ไม่มีกำลังของสัมมาสมาธิมากพแแล้วถูกดูดให้เคลื่อนเข้าไปในเรือนนี้ คือ อาการของกามตัณหา 
แต่ถ้า จิตผู้รู้ มีกำลังของสัมมาสมาธิมากพอ ที่สามารถต้านแรงดูดของเรือนได้  จิตผู้รู้ นี้จะไม่เข้าไปในเรือน  และ จะเห็นขันธ์ 5 หรือ อาการของขันธ์  ได้  ซี่งทำให้เกิดสภาวะของคู่ขึ้น คือ มี จิตผู้รู้ ที่ไปรู้ และ สิ่งที่ถูกรู้คือ ขันธ์ 5 หรือ อาการของขันธ์ 5

ถ้าเกิดสภาวะของคู่ เกิดขึ้นเพราะจิตผู้รู้ มีกำลังของสัมมาสมาธิตั้งมั่นมากพอ จิตผู้รู้ จะเห็น ขันธ์ 5 หรือ อาการของขันธ์ 5  ดับสลายลงไปเป็นไตรลักษณ์ได้ นี่เป็นกลไกธรรมชาติ ที่ทำให้จิตผู้รู้ เห็นธรรมะได้คือ  ขันธ์ 5 เป็นทุกข์  ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง ขันธ์ 5 เป็น อนัตตา

การที่จิตผู้รู้ เห็นขันธ์ 5 ดับสลายลงไปเป็นไตรลักษณ์ได้นี่ ยังไม่ใช่ นิพพาน แต่เป็น
จิตทีมีกำลังของสมาธิระดับ ฌา่น 

เมื่อ นักภาวนา ได้สมาธิระดับ ฌาน ด้วยการเห็นขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์ได้แล้ว ต่อไป เมื่อกำลังสมาธิและประสยการการภาวนามีมากขึ้นไปอีกระดับ
นักภานาจะสามารถพบ จิตผู้รู้ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นได้

นักภาวนาที่พบ ความสามารถในการดับทุกข์ได้แบบนี้ และขาดความรู้ความเข้าใจมากพอ
ก็จะเข้าใจว่า  จิตผู้รู้ ที่ปรากฏตัวตั้งมั่นอยู่ได้นี่ คือ นิพพาน  
แต่อาการจิตผู้รู้ ที่ปรากฏตัวตั้งมั่นอยู่ให้เห็นได้นี่   ยังไม่ใช่นิพพาน
 
4... เมื่อ จิตผู้รู้ ปรากฏอยู่ให้เห็นได้มีลักษณะอาการของ การเป็น เม็ด เป็นดวง
ความรู้สีกการเป็นตัวตนของนักภาวนายังมีอยู่
นักภาวนา จำเป็นต้องเรียนรู้การเจริญ ญาณปัญญา
เมื่อ นักภาวนาสามารถเรียนรู้และได้ภาวนาจนมี ญาณ เกิดขึ้นได้
จิตผู้รู้ จะไม่มีเป็นเม็ด ไม่เป็นดวงอีก  
เมื่อ จิตผํู้รู้ ไม่เป็นเม็ด ไม่เป็นดวง ความเป็นตัวตนก็ไม่เกิดขึ้น

ถ้าจิตผุ้รู้ อยู่ใน ญาณ จิตผู้รู้ ไม่เป็นเม็ด ไม่เป็นดวง แต่จะมีอาการรู้ปรากฏได้อยู่
ลักษณะนี้ คือ สภาวะธรรมของนิพพาน ได้เกิดขึ้นแล้ว

5.. ทำไม นิพพาน จึงมี 2 แบบ คือ แบบมีขันธ์และแบบไม่มีขันธ์
ในพระไตรปิฏก ไม่ได้กล่าวไว้อย่างแน่ชัดว่า นิพพาน 2 แบบนี้ต่างกันอย่างไร
แต่ก็มีอาจารย์สอนธรรมบางท่านได้กล่าวว่า 
นิพพานแบบไม่มีขันธ์ คือ นิพพานของพระอรหันต์ที่เสียชีวิตไปแล้ว
นิพพานแบบมีขันธ์ คือ นิพพานของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่

แต่ในความเห็นของผู้เขียน  นิพพานมี 2 แบบ จะเป็นดังนี้
AAA....นิพพานแบบมีขันธ์  เป็นนิพพานที่เกิดเมื่อ  
จิตผู้รู้ อยู่ใน ญาณ แล้วไม่ปรากฏขึ้นของการเป็นเม็ด การเป็นดวง
แต่ จิตพลังงาน ยังทำงานสร้างขันธ์ได้อยู่ 
การที่ จิตพลังงาน ยังสร้างขันธ์ได้อยู่ เป็นเพราะในขณะนั้น
ตัวนักภาวยนาเอง กำลังสนใจหรือกำลังทำงานทางโลกอยู่
การทำงานทางโลก ขันธ์ ต้องมี ขันธ์ต้องเกิดขึ้น มิฉะนั้น จะทำงานทางโลกไม่ได้
แต่การที่ จิตผู้รู่ อยู่ใน ญาณ อยู่ ถึงขันธ์ เกิดขึ้นก็จริง แต่จิตผู้รู้ จะไม่ถูกดูดเข้าไปในขันธ์
เลย ทำให้ กิเลสต่าง ๆ ไม่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่า ต้องอยู่ในโลก ทำงานในโลกอยู่
และ ทุกข์ก็ไม่เกิดขึ้นอีกด้วย

BBB..  นิพพานแบบไม่มีขันธ์ เป็นนิพพานที่เกิดขึ้น 
จิตผู้รู้ ยังอยู่ใน ญาณ แต่จิตพลังงานไม่ได้ไปสร้างขันธ์ขึ้น เพราะในตอนนั้น
นักภาวนา ไม่ได้ทำงานทางโลก หรือ ไม่ได้สนใจสิ่งใดในโลก
เมื่อ จิตผู้รู้ อยุ่ในญาณ ไม่เป็นเม็ด ไม่เป็นดวง
และ ขันธ์ ไม่เกิดขึ้น  ก็เป็นนิพพานแบบไม่มีขันธ์
หรือ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า สุญญตา

6...อาจารย์สอนธรรมบางท่าน ได้กล่าวว่า ขณิกสมาธิ ก็พบนิพพานได้
ในความเห็นของผู้เขียน คำกล่าวนี้เป็นจริง แต่นิพพานที่พบได้แบบนี้
จะเป็นนิพพานแบบสั้น ๆ  เกิดแว๊บเดียวแล้วหายไปเลย
มักจะพบในขณะที่เปลี่ยนอิริยาบทของคนเรา
ถ้านักปฏิบัติฝีกฝนสติปัฏฐานมาพอสมควร ก็สามารถพบนิพพานแบบนี้ได้
แต่นิพพานแบบนี้ จะไม่ทำให้เรือนหายไปได้อย่างยาวนาน
ดังนั้น ทุกข์จึงเกิดขึ้นมาอีก หลังนิพพานหายไปแล้ว

7..นิพพานเป็น อัตตาหรืออนัตตา 
นิพพานนั้น จะต้องมีอาการของความรู้สีกที่ไม่มีตัวตนปรากฏขึ้น
เมื่อความรู้สีกแบบนี้เกิดขึ้น ความเป็นตัวตนจะไม่มี 
นิพพานจึงไม่ใช่อัตตา

นิพพาน นั้นเกิดจากการที่จิตผู้รู้ อยู่ใน ญาณ
เมื่อจิตผู้รู้เคลื่อนออกจากญาณเมื่อใด สภาวะนิพพานก็จะหายไปได้
แต่นักภาวนามีความชำนาญในการเข้า ญาณ 
นักภาวนาก็จะยังรู้ได้อย่างรวดเร็วฉับพลันว่า
บัดนี้ ญาณได้เคลื่อนตัวออกแล้ว เรือนเกิดขึ้นแล้ว
แต่การกลับมาเข้าญาณได้ไหม่ นิพพาน ก็เกิดได้อีก
ดังนั้น นิพพานจึงเป็น อนัตตา


8..แล้วจะปฏิบัติให้ถึงนิพพานได้อย่างไร
ตามตำรา ก็คือ การปฏิบัติสติปัฏฐาน ปฏิบัติไปจนเกิดสัมมาสมาธิ
เกิด ญาณปัญญา สามารถรู้อาการของ เรือน / สัมมาสมาธิ / ญาณ /  ความรู้สีกความไม่มีตัวตนได้
ก็จะสามารถเข้าสู่นิพพานได้

ตำราอ่านก็จะง่าย แต่ทำจริง ไม่ง่ายแบบที่คิดเลย
ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายอย่าง ที่นักภาวนาต้องรู้
และผ่านไปได้ ก่อน จึงจะพบกับนิพพานได้ยาวนาน 


Create Date : 25 มกราคม 2565
Last Update : 27 มิถุนายน 2565 18:59:08 น. 0 comments
Counter : 846 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmcayenne94


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.