รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
23 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 

ฝีกรู้กายแล้วทำไมเวทนาจึงมากขึ้น

มีคำถามทีน่าสนใจว่า ได้ฝีกรู้กายไป แต่รู้สีกว่าเวทนาทางกายกลับมีมากขึ้น  มากจนรบกวนชีวิตในยามปกติและไม่สามารถทำงานได้ จะแก้ใขอย่างไรจึงจะผ่านเวทนานี้ไปได้


ก่อนอื่น ท่านสมควรสำรวจตัวเองก่อนครับว่า มีปัญหาทางสุขภาพอยู่หรือไม่  ถ้าปัญหาสุขภาพนี้ก็คือสาเหตุแห่งเวทนาที่เกิดขึ้น  ขอให้ท่านไปพบแพทย์เพื่อรักษา

แค่ถ้าท่านไม่ได้มีปัญหาทางร่างกาย  ขอให้อ่านต่อไปครับ

ในการฝีกฝนการรู้กายนั้น ถ้าท่านฝีกฝนได้ถูกต้องตามหลักการแห่งสติปัฏฐาน 4 ซี่งกล่าวโดยย่อว่า อาตาปี สัมปชาโน สติมา หรือ ผมได้แปลเป็นภาษาชาวบ้านในแง่ของการฝีกว่า การฝีกรู้ทุกข์ด้วยการละตัณหา  ซี่งถ้าท่านไม่เข้าใจว่าเป็นเช่นไร ขอให้ดูในวิดิโอในหมวดกิจกรรม ทีผมได้บรรยายไว้

ในการฝีกฝนด้วยการฝีกการรู้ทุกข์ด้วยการละตัณหานั้น ผลแห่งการฝีกจะเกิด 2 ประการ คือ

1..สัมมาสติ จะมีการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้น  ซี่งเมื่อสัมมาสติมีความสามารถมากขึ้น จะส่งให้จิตมีความว่องไวสูงขึ้นในการรู้ทุกข์  ซี่ง ทุกข์เวทนาทางกายก็เป็นทุกข์อย่างหนี่งทีจิตไปรู้เข้า เมื่อจิตมีความว่องไวมากขึ้น จึงทำให้จิตรับรู้ทุกข์เวทนาได้ดีขึ้น  นี่เป็นเหตุผลทีว่า เมื่อฝีกรู้กายไป เวทนาจะมากขึ้น  ซี่งอาการรู้ทุกข์มากขี้นนี้ ส่งผลให้ท่านทราบว่า สัมมาสติได้มีการพัฒนาขึ้น

2..สัมมาสมาธิ   สัมมาสมาธิคืออาการที่จิตตั้งมั่นเป็นอิสระจากทุกข์ทีไปรู้เข้า  เมื่อสัมมาสติว่องไวขึ้น แล้ว สัมมาสมาธินี้ที่ทำให้จิตตั้งมั่น ผลคือ จิตไม่เข้าไปยีดทุกขเวทนาทีเกิดขึ้น  เมื่อจิตไม่เข้าไปยีดทุกขเวทนาทีเกิดขึ้นแล้ว ผลทีตามมาคือ เวทนาทีเกิดนั้นจะเกิดแล้วดับลงไปเป็นไตรลักษณ์เองอย่างรวดเร็ว   ซี่งอาการทีเป็นไตรลักษณ์นี้ จะส่งผลให้จิตเกิดปัญญารู้แจ้งแห่งความไม่เทียงของเวทนาขันธ์

แต่ถ้าสัมมาสมาธิยังไม่ตั้งมั่นพอ เมื่อทุกขเวทนาเกิดขึ้น จิตจะเข้าไปยีดในทุกขเวทนานั้น แล้วทำให้ทุกขเวทนานั้นไม่ยอมดับลงไป ผลคือ ท่านจะรู้สีกไม่สบายทันที

********************
เมื่อปัจจัยด้านสัมมาสติ และ สัมมาสมาธิทีมั่นคงได้เดินไปตามทางทีถูกต้อง นักภาวนาจะพบเองว่า เมื่อยิ่งภาวนาไป จะพบทุกขเวทนาได้ง่ายมาก แต่จิตไม่ยีดทุกขเวทนาทีเกิดขึ้น  นักภาวนาจะพบว่า ทุกขเวทนาเกิดขึ้นอย่างเนือง ๆ  เมื่ออย่างนี้เกิดแล้วดับไป สักระยะหนี่ง ทุกขเวทนาอีกอย่างก็จะเกิดแล้วดับลงไปอีก วนเวียนเช่นนี้ไปตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน

แต่ถ้าท่านฝีกฝนการรู้กายแล้วกลับพบว่า มันไม่ได้เป็นอย่างทีผมเขียนไว้ข้างต้น ทุกขเวทนาเกิดแล้วไม่ยอมดับลงไป  ผมแนะนำให้ท่านหาสาเหตุแล้วแก้ไข ดังนี้

1..ท่านมีปัญหาทางร่างกายหรือไม่ ถ้ามี ให้ไปพบแพทย์

2..ถ้าท่านไม่มีปัญหาทางร่างกาย  มีกิจกรรมในชีวิตหรือการฝีกฝนอะไรหรือไม่ ที่มีผลทำให้ร่างกายของท่านเกิดทุกขเวทนา  ยกตัวอย่างเช่น  

ท่านชอบนั่งขัดสมาธินาน ๆ ทำให้เลือดลมทีขาไม่เดิน ทำให้ขามีปัญหา  หัวเข่าเสือมลงอย่ารวดเร็วเวลาเดินแล้วเจ็บปวด

หรือท่านทีนักช๊อบปิ้ง  ท่านมักหิ้วถุงก๊อบแก๊บกันหนัก ๆ บ่อย ๆ บ้างไหม ซี่งผลนี้จะทำให้มือของท่านมีปัญหาเจ็บป่วยได้

หรือสาว ๆ ที่มักใส่ส้นสูงมาก ๆ ใส่นาน ๆ ก็ส่งผลให้เส้นเอ็นทีขามีปัญหา

หรือท่านอาศัยอยู่ในท้องถิ่นทีมีฝุ่นละอองสูง ทำให้ทางเดินหายใจมีปัญหา ทำให้ท่านเจ็บป่วย

หรือ อื่นๆ อีกมาก

ซีงกิจกรรมในชีวิตประจำวันท่านต้องลองสำรวจตัวเอง เพราะมันจะส่งผลทำให้ร่างกายเจ็บป่วยแบบท่านไม่รู้ตัว

3..ถ้าข้อ 1 และ 2 ก็ไม่ใช่  ท่านสมควรมาสำรวจการฝีกฝนตนเองครับว่า ท่านฝีกฝนแบบการรู้กายด้วยการละตัณหาหรือไม่  ซี่งจุดนี้เป็นสิ่งสำคัญ

ถ้าท่านฝีกรู้กาย แต่ไม่ฝีกการละตัณหาไปด้วย  การรู้กายทำให้การรับรู้ได้ว่องไวขึ้น แต่กำลังสัมมาสมาธิกลับไม่ได้ถูกฝีกฝน ผลก็คือ จิตไปยีดอาการทุกขเวทนานั้นได้ง่ายขึ้น แล้วทำให้ทุกขเวทนาไม่ดับลงไปเป็นไตรลักษณ์

ผมจะยกตัวอย่างการฝีกรู้กายแล้วไม่ละตัณหา 

--ฝีกรู้ลมหายใจ แล้วส่งจิตไปจับลมทีปลายจมูกบ้าง หรือ ทีท้องบ้าง
--ฝีกการเดินจงกรม แล้วส่งจิตไปจับทีเท้าทีกำลังเดิน
--ฝีกเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียน แล้วส่งจิตไปจับมือทีกำลังเคลื่อนอยู่

***ในการฝีกฝนการรู้กายทีดีนั้น เมื่อรู้กาย จิตต้องตั้งมั่นในฐานของจิต จิตรู้อาการทางกายแต่จิตไม่จับยีดอาการทีไปรู้เข้า  เมื่อฝีกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จึงจะมีการพัฒนากำลังของสัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ
ทีมั่นคงแล้วพร้อมที่เข้าสู่องค์มรรคได้ต่อไป




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2556
0 comments
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2556 9:21:01 น.
Counter : 1798 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.